Super God Gene – ตอนที่ 2789

ผู้คนที่กำลังต่อสู้คือกลุ่มของเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขากำลังต่อสู้กับฟลาวเวอร์ก็อตหลายสิบคน ดูเหมือนว่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นจะยังไม่กลับมาเป็นปกติหลังจากการตายของสกายไวน์แรดิช พวกเขายังคงบ้าคลั่งเหมือนเดิม

 

ร่างกายของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตยังคงทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยปลดปล่อยพลังของเขาใส่ฟลาวเวอร์ก็อตคนหนึ่ง เขาก็ทำได้แค่ส่งฟลาวเวอร์ก็อตคนนั้นกระเด็นออกไปเท่านั้น

 

ไป๋ว่านเจี้ยที่เป็นระดับเทพเจ้าเพียงคนเดียวที่ทำแบบนั้นได้ ส่วนเอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นๆตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายกว่ามาก มันมีเอ็กซ์ตรีมคิงที่ติดตามไป๋ว่านเจี้ยเหลืออยู่ไม่มากนัก และตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยบาดแผล ดูเหมือนว่าเอ็กซ์ตรีมคิงหลายคนจะถูกฆ่าตายไป

 

เด็กสาวที่หานเซิ่นพูดด้วยก่อนหน้านี้ทำการเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด เธอสามารถหลบหลีกเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่เข้ามาโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

เนื่องจากกลุ่มของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่สามารถฆ่าเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตได้ ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆจึงทำได้แต่ต่อสู้และถอยหนีไปเรื่อยๆ

 

หานเซิ่นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปสนใจการดิ้นรนของพวกเขา แถมพวกเขาเป็นคนของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงมีความบาดหมางที่ฝังลึกระหว่างกัน หานเซิ่นคิดว่าตัวเองใจดีมากพอแล้วที่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ของพวกเขาแย่ไปกว่านี้ ยังไงซะเขาก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปช่วยองค์รัชทายาทของเอ็กซ์ตรีมคิง

 

ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นผ่านมา ฟลาวเวอร์ก็อตหลายคนสังเกตก็เห็นพวกหานเซิ่นและเข้ามาจู่โจมพวกเขา

 

ไป๋ว่านเจี้ยและเด็กสาวนั้นเห็นเซี่ยชิงกับหานเซิ่น แต่พวกเขาไม่ได้จงใจพาเหล่าฟลาวเวอร์มาหาทั้งคู่

 

ไป๋ว่านเจี้ยไม่เชื่อว่าจะมีใครที่สามารถฆ่าฟลาวเวอร์ก็อตเหล่านี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะทำอะไรได้มาก ด้วยเหตุนั้นพวกเขาไม่ได้ดึงความสนใจของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตมาทั้งสองคนอย่างจงใจ ในตอนที่ฟลาวเวอร์ก็อตบางคนสังเกตหานเซิ่นและเซี่ยชิง พวกมันก็เข้าไปจู่โจมพวกเขา

 

เด็กสาวตะโกนบอกหานเซิ่น “ทำไมพวกเจ้าถึงมัวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น? รีบวิ่งหนีไป!”

 

ทันทีที่เธอตะโกนเสร็จ เธอก็เห็นหานเซิ่นชกหมัดใส่หนึ่งในฟลาวเวอร์ก็อต เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง ‘เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือยังไง?’

ขณะที่เด็กสาวกำลังคิดแบบนั้น หมัดของหานเซิ่นก็ชกไปถูกหน้าของหนึ่งในฟลาวเวอร์ก็อต พลังที่รุนแรงนั้นส่งฟลาวเวอร์ก็อตกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร

 

“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!” เด็กสาวตกใจ หมัดของหานเซิ่นนั้นทรงพลังกว่าที่ไป๋ว่านเจี้ยจะทำได้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

 

“แต่ถึงเขาจะแข็งแกร่ง มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ฟลาวเวอร์ก็อตพวกนี้…” เด็กสาวคิด แต่หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกชกกระเด็นออกไปโดยหานเซิ่นนั้นเริ่มจะลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาว

 

เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตนั้นต่อสู้กับพวกเขามาสักพักหนึ่งแล้ว พวกเขารู้ดีว่าร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ถึงแม้พวกฟลาวเวอร์ก็อตจะได้รับบาดเจ็บ พวกมันก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แถมพวกมันยังดูเหมือนจะไม่รู้ถึงความเจ็บปวดอีกด้วย

 

ไป๋ว่านเจี้ยได้ลองใช้วิชาจีโนต่างๆมากมายกับเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต แต่พลังทุกอย่างของเขาไม่ได้ผลอะไรกับพวกมัน เขาไม่แม้แต่จะทำให้พวกมันส่งเสียงกรีดร้องออกมาได้

 

แต่ตอนนี้ฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกหานเซิ่นชกกระเด็นออกไปนั้นกำลังกรีดร้องและกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น มันส่งเสียงร้องราวกับหมูที่กำลังจะถูกฆ่า

 

หานเซิ่นไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาชกใส่ฟลาวเวอร์ก็อตที่เข้ามาคนละหนึ่งครั้ง ในเวลาชั่วพริบตาพวกมันทั้งหมดก็ถูกส่งกระเด็นออกไป

 

แต่มันแตกต่างไปในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยส่งฟลาวเวอร์ก็อตกระเด็นออกไป ฟลาวเวอร์ก็อตที่หานเซิ่นชกกระเด็นออกไปนั้นไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ พวกมันทั้งหมดกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นด้วยความเจ็บปวดจากเปลวเพลิงสีขาว มันทำให้ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นรู้สึกแปลกๆ

 

เปลวเพลิงสีขาวกำลังลุกไหม้ แต่ร่างกายของฟลาวเวอร์ก็อตไม่ได้กำลังถูกแผดเผา มีเพียงแค่ดอกไม้ที่อยู่บนหัวของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกทำให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ในตอนที่ดอกไม้หายไปแล้ว เปลวเพลิงสีขาวก็หายไปเช่นกัน หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตก็เงียบไป และพวกมันทั้งหมดก็นอนแน่นิ่งไปกับพื้น

 

ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นสัมผัสได้ว่าออร่าของฟลาวเวอร์ก็อตที่ถูกหานเซิ่นชกนั้นอ่อนแอลงไป พวกมันไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกต่อไปแล้ว อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับราชัน

 

“เปลวไฟนั่นคืออะไรกัน?” เด็กสาวถามด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าพลังของหานเซิ่นคือหนทางแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา

 

“ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา” ไป๋ว่านเจี้ยพาคนของเขาเข้ามาหาหานเซิ่น และด้วยการทำแบบนั้นเขาก็ดึงดูดฟลาวเวอร์ก็อตคนอื่นที่เหลือเข้ามาหาหานเซิ่นด้วย

 

หานเซิ่นชกฟลาวเวอร์ก็อตทั้งหมดล้มลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็ว และพวกมันก็ดิ้นไปดิ้นมากับพื้นอย่างเจ็บปวด เนื่องจากเปลวเพลิงสีขาวอีกครั้งหนึ่ง

 

เมื่อได้เห็นแบบนั้นผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงก็รู้สึกตกใจ พวกเขาถูกเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตไล่ล่ามาเป็นเวลานาน และพวกเขาไม่มีหนทางที่จะจัดการกับพวกมัน พวกเขาคิดว่าสุดท้ายแล้วคงจะไม่รอด เพราะยังไงซะพวกเขาหลายคนก็ถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว

 

แต่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่พวกเขาเคยคิดว่าอยู่ยงคงกระพันนั้นถูกจัดการอย่างง่ายดายโดยหานเซิ่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวของเอ็กซ์ตรีมคิง เธอมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆราวกับว่าพวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน

 

“ด้วยความยินดีองค์ชาย” เซี่ยชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่ร่วมกัน ดังนั้นพวกเราก็ควรจะช่วยเหลือกันและกัน”

 

ไป๋ว่านเจี้ยขอบคุณเซี่ยชิงอีกครั้ง เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าขอทราบชื่อของเจ้าหน่อยได้ไหม”

 

“ซานมู่” หานเซิ่นตอบอย่างเย็นชา เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองไป๋ว่านเจี้ย

 

ไป๋ว่านเจี้ยไม่เคยได้ยินชื่อซานมู่มาก่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะเป็นมิตรกับหานเซิ่น ขณะที่เขาเอยชมหานเซิ่นหลายครั้ง แต่หานเซิ่นเมินเฉยต่อไป๋ว่านเจี้ยอย่างสมบูรณ์ เขาไม่พูดกลับไปเลยสักคำ

 

“ซานมู่มักจะเป็นแบบนี้ องค์ชายได้โปรดอย่าใส่ใจเขา” เซี่ยชิงพูด หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตที่ปราศจากดอกไม้ พวกเขายังคงไม่ตายและที่สุดแล้วพวกเขาก็ค่อยๆลุกกลับขึ้นมา

 

ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นกำลังจะฆ่าพวกเขา แต่เหล่าฟลาวเวอร์ก็อตเดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและคุกเข่าพร้อมกับพูด
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา! ได้โปรดเมตตาช่วยเหลือคนอื่นๆด้วยเถิด”

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปมองเซี่ยชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

เซี่ยชิงดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นต้องการอะไร
“พวกเราจะช่วยเหลือพวกเจ้า แต่พวกเราจะได้อะไรเป็นการตอบแทน?”

 

“ถ้าพวกท่านทั้งสองยินดีจะช่วยเหลือพวกเรา พวกเรายินดีจะแบ่งสเปชการ์เด้นของพวกเรา” ฟลาวเวอร์ก็อตแก่คนหนึ่งพูด

 

เซี่ยชิงยิ้มและพูด “ข้าไม่ชอบการแบ่งสิ่งต่างๆ”

 

ใบหน้าของเหล่าฟลาวเวอร์ก็อตเปลี่ยนไป พวกเขารู้ว่าเซี่ยชิงนั้นหมายความว่าอะไร

 

“ถ้าพวกท่านทั้งสองช่วยเหลือคนของพวกเรา ทั้งเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตยินดีจะรับใช้พวกท่าน” ฟลาวเวอร์ก็อตแก่คนเดิมพูดขึ้นมา

 

“พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเจ้าซื่อตรงต่อคำพูด?” เซี่ยชิงพูดขณะที่มองไปที่ชายแก่

 

“ข้าคือผู้นำของเผ่าฟลาวเวอร์ก็อต” ชายแก่พูด

 

หานเซิ่นและเซี่ยชิงมองหน้ากัน ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามจะคิดแทบตายเพื่อหาทางเอาสเปชการ์เด้นมาครอบครอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะได้รับมันมาอย่างง่ายดาย

 

ไป๋ว่านเจี้ยอยากจะได้เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตมาอยู่ใต้อำนาจ แต่เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นใครกันแน่ และเขาก็ประหลาดใจอย่างมากกับพลังของหานเซิ่น เขาไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับหานเซิ่น เขาได้แต่มองดูเซี่ยชิงเอาเผ่าฟลาวเวอร์ก็อตไปครอบครอง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset