“การทดสอบอะไร?” หานเซิ่นถาม สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
“ข้าจำเป็นต้องมียีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อจะได้การกลายเป็นพระเจ้า”
ไวโอเล็ตหันไปมองยักษ์หยก ดวงตาของเขาดูจริงใจอย่างมากขณะที่เขาพูดออกมา
เซี่ยชิงหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาเบะปากและพูด
“เจ้าพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ข้าคิดว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการกลายเป็นพืชซะมากกว่า”
“นี่คือการทดสอบที่พระเจ้ามอบให้กับข้า มันเป็นบันไดขั้นแรกสู่เส้นทางการกลายเป็นพระเจ้าของข้า” ไวโอเล็ตพูด เขาดูไม่สั่นคลอนต่อการเย้ยหยันของเซี่ยชิงเลยแม้แต่น้อย
หานเซิ่นยังคงสับสนกับเรื่องทั้งหมดนี้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมา
“ถ้าเจ้าจำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ทำไมเจ้าไม่ไปเก็บรวบรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตตายที่อยู่ข้างบน ทำไมเจ้ามาสวดภาวณาต่อพระเจ้าอยู่ข้างล่างนี่?”
ไวโอเล็ตยิ้มและพูด “ข้าไม่จำเป็นต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับความโกลาหลบนพื้นผิว ในตอนที่พวกเจ้าลงมาที่นี่ ทุกอย่างก็เข้าที่ พวกเจ้าจะกลายเป็นเครื่องสังเวยต่อพระเจ้า และข้าจะไปแทนที่ของเขา”
“ถ้าข้าเข้าใจถูกต้อง เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น แต่เป็นเขาที่ต้องการใช้มันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นชี้ไปที่ยักษ์หยก
“เจ้าเป็นคนฉลาด ศพของพระเจ้านั้นแข็งแกร่งเกินไป ถ้าข้าดูดซับมันเข้าไปในทันที ร่างกายของข้าจะทนต่อพลังของมันไม่ได้ แต่ถ้าข้าให้ศพของพระเจ้าดูดซับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าไป ยีนเหล่านั้นก็จะช่วยบรรเทาพลังของพระเจ้า หลังจากนั้นข้าก็จะดูดซับพลังจากศพของพระเจ้าเข้าไป เมื่อพลังของพระเจ้าเจือจางลงไป มันก็ไม่ควรจะส่งผลเสียต่อร่างกายของข้า”
ไวโอเล็ตนั้นดูอารมณ์ดีมากๆและเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ใครสักคนชื่นชมกับความสำเร็จของของเขา ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้เวลาอธิบายให้หานเซิ่นและเซี่ยชิงได้ฟัง
หานเซิ่นถอนหายใจและส่ายหัว “เจ้ามันน่าสมเพช ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะโง่ขนาดนี้ เจ้ากำลังจะกลายเป็นเครื่องสังเวยเช่นกัน”
ไวโอเล็ตยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าจะบอกอะไร แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ ในตอนที่พระเจ้าตาย พวกเขาตายไปจริงๆ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะทรงพลังขนาดไหน เมื่อพวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาก็เป็นแค่วัตถุที่ไม่เคลื่อนไหว”
“เจ้าแน่ใจหรือว่านั่นเป็นความจริง?” หานเซิ่นจ้องมองไปที่ยักษ์หยก เขาไม่คิดว่าพระเจ้านั้นจะตายไปง่ายๆ
“แน่นอน ข้าต้องปล่อยให้เขาดูดซับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น และข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ยิ่งเขาดูดซับยีนไปมากเท่าไหร่ ข้าก็จะได้รับพลังมากขึ้นเท่านั้น” ไวโอเล็ตดูมั่นใจอย่างมาก
หานเซิ่นไม่รู้ว่าคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้านั้นโง่กันแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า แต่เห็นได้ชัดว่าไวโอเล็ตเชื่อในเรื่องนั้นอย่างสนิทใจ มันเหมือนกับว่าไวโอเล็ตถูกขายในฐานะทาส แต่เขาก็ยังภาคภูมิในการคำนวณว่าตัวเองมีมูลค่ามากแค่ไหน
“เวลาเกือบจะหมดแล้ว พวกเจ้าควรจะมอบพลังให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้กลายเป็นพระเจ้า”
ขณะที่ไวโอเล็ตพูด โซ่สสารหยกลอยขึ้นมาจากร่างกายของเขา ดอกไม้สีม่วงบนหัวของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเปล่งประกายราวกับคริสตัล
“พลังระดับเทพเจ้าไม่ได้พิเศษอะไร ในตอนที่ข้ากลายเป็นพระเจ้า ข้าจะแสดงให้จักรวาลนี้ได้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของพลัง เทพเจ้าขั้นทรูก็อตจะถูกข้ากำจัดอย่างง่ายดาย ทั้งเผ่าเวรี่ไฮ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเอ็กซ์ตรีมคิงจะถูกกำจัดจนสูญสิ้น เผ่าพันธุ์ชั้นสูงในจักรวาลจะมีแค่เผ่าฟลาวเวอร์ก็อตเพียงเผ่าพันธุ์เดียว ข้าจะกลายเป็นผู้นำของจักรวาล” ดวงตาของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยตัณหา
“เป็นเด็กที่ไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้ เจ้าควรจะรอคอยจนกระทั่งเจ้ากลายเป็นพระเจ้าซะก่อนที่จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา”
เซี่ยชิงรีบถอยออกไป หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนบอกหานเซิ่น “หานเซิ่น ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเจ้าคนโรคจิตนี่ กำจัดเขาซะ ข้าไม่อยากจะกลายเป็นเครื่องสังเวย”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเรียนรู้ที่จะถอยออกไปแบบนั้น?”
หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก เซี่ยชิงนั้นยอมถอยออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วนั่นไม่ใช่สไตล์ของชายคนนั้น
“มันเป็นอะไรที่โง่เขลาที่จะต่อสู้เมื่อรู้ว่าโอกาสตายนั้นสูงมากๆ”
เซี่ยชิงจุดซิการ์ขณะที่พูดกับหานเซิ่น “ข้ายังไม่ถึงระดับเทพเจ้า ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ เพลิดเพลินกับมันให้หนำใจก่อนที่ข้าจะไล่ตามเจ้าทัน ในตอนที่ข้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า เวลาเฉิดฉายของเจ้าก็จะหมดลง”
‘หมอนี่เริ่มเหมือนกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ’ หานเซิ่นมองเซี่ยชิงด้วยความยินดี ในตอนที่เซี่ยชิงอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ เขาต้องการจะต่อสู้อย่างหน้ามืดตามัว เขาไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“อาจารย์เซี่ย ข้าชอบนิยายของอาจารย์ ข้านับถือพรสวรรค์ของอาจารย์อย่างมาก แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในนิยาย ในตอนนี้ไป๋ว่านเจี้ยและขุนนางคนอื่นนั้นเทียบกับข้าไม่ได้ ข้าแข็งแกร่งกว่าทุกคนในที่นี้ ข้ากลัวว่าบอดี้การ์ดของอาจารย์จะปกป้องอาจารย์ไม่ได้”
ไวโอเล็ดพูดก่อนที่จะปล่อยโซ่สสารที่กลายเป็นเถาวัลย์สีเขียวออกไปใส่หานเซิ่น
ในชั่วพริบตา หานเซิ่นก็ถูกกักขังระหว่างเถาวัลย์ เขาถูกห่อเหมือนกับหมูภายในเกี๊ยว
“อาจารย์เซี่ย ก่อนที่ข้าจะฆ่าอาจารย์ ข้าจะให้อาจารย์ได้เห็นพลังของพระเจ้า มันน่าเสียดายที่อาจารย์จะไม่ได้วาดเรื่องนี้ลงในนิยายของอาจารย์” ไวโอเล็ตพูด เถาวัลย์สีเขียวนั้นกลวงโบ๋เหมือนกับท่อ และพวกมันก็ดูเหมือนกับกำลังจะดูดบางสิ่งออกจากร่างกายของหานเซิ่น
“พระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าคือพระเจ้า และข้าก็จะเอาพลังของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง”
ใบหน้าของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขณะที่เขาพูดโอ้อวด แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
เถาวัลย์สีเขียวพยายามจะดูดพลังของหานเซิ่น แต่มันไม่ได้ผล มันไม่มีอะไรถูกดูดออกมา ซึ่งนั่นทำให้ไวโอเล็ตรู้สึกสับสน
เซี่ยชิงหัวเราะและพูด “ข้าลืมบอกเจ้าไป เจ้ายังไม่ใช่พระเจ้า และถึงเจ้าจะกลายเป็นพระเจ้า มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเจ้าคือบิดาของเทพทั้งปวง ถึงแม้เจ้าจะกลายเป็นพระเจ้า เจ้าก็ยังต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา”
“นั่นหมายความว่ายัง…” ไวโอเล็ตไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้พูดจนจบประโยค
ปัง!
ทันใดนั้นโซ่สสารสีเขียวก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และหานเซิ่นก็เดินออกมาอย่างไม่เป็นอะไร เขามองไปที่ไวโอเล็ตและพูด
“นั่นคือพลังทั้งหมดของพระเจ้าที่มหัศจรรย์อย่างนั้นหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้… แม้แต่ไป๋ว่านเจี้ยก็ฉีกพลังของข้าไม่ได้ง่ายๆ… แต่ทำไมเจ้าถึง… เจ้าเป็นใครกัน?” ไวโอเล็ตมองไปที่หานเซิ่นด้วยความตกใจ
“บิดาของเทพทั้งปวง!” หานเซิ่นพูดสั้นๆ เขาเดินเข้าไปหาไวโอเล็ต และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีขาวที่กึ่งโปร่งใส ร่างกายของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาว
ไวโอเล็ตรวบรวมพลังของตัวเองอีกครั้งเพื่อจะต่อสู้กับหานเซิ่น แต่ในตอนที่เขาสร้างโซ่สสารสีเขียวขึ้นมา เขาก็ตัวแข็งทื่อไป จู่ๆเขาก็ลอยอยู่ในอากาศและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันเหมือนกับว่าเขาถูกตรึงเอาไว้
“เจ้า… เจ้าเป็นใครกัน?” ไวโอเล็ตตกตะลึงเมื่อรู้สึกตัวว่าไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้อีกต่อไป ร่างกายและพลังของเขาเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ แต่เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้
หานเซิ่นเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ขณะที่มีอาณาเขตตงเสวียนคอยควบคุมฟันเฟืองจักรวาลในบริเวณรอบๆทั้งหมด นอกซะจากพลังของไวโอเล็ตจะเหนือกว่าหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหมุนฟันเฟืองจักรวาลของตัวเองได้