ตัวสะพานเริ่มจะมีกิ่งก้านงอกออกมา และบาร์กับคนอื่นๆก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ พวกเขาทุกคนพยายามจะบินออกไปจากสะพาน แต่เมื่อพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว กิ่งก้านที่งอกออกมาก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทาง
บาร์เป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ เขาสามารถทำลายดาวทั้งดวงได้ด้วยหมัดเดียว แต่เขาไม่สามารถต่อต้านกิ่งก้านเหล่านั้นได้ และพวกมันเริ่มจะพันรอบตัวของเขา
บาร์ไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้นที่ถูกจับตัว แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นอย่างผู้อาวุโสนาเดอร์ก็ไม่สามารถหนีไปได้ เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา แต่ภายใต้แรงของกิ่งไม้ พลังของเขาก็เป็นเหมือนกับหิมะที่ละลายในแสงแดด ความพยายามของเขาไม่มีประโยชน์ และกิ่งไม้ก็จับตัวของเขาเอาไว้แน่น
ไม่มีสิ่งชีวิตไหนบนสะพานที่รอดจากเรื่องนี้ พวกเขาทุกคนถูกพันรอบเหมือนกับรังไหมหลากหลายขนาดที่ถูกห้อยต่องแต่งจากสะพาน
ขณะที่หานเซิ่นมองพวกเขา หานเซิ่นก็อึ้งกับที่พวกเขาดูเหมือนกับหนอนผีเสื้อ หานเซิ่นเคยพบแมลงเหล่านั้นห้อยจากต้นไม้ใกล้กับบ้านเก่าของเขา พวกมันจะห้อยตัวลงมาจากิ่งไม้อย่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว นอกซะจากว่าสายลมจะพัดพวกมันแกว่งไปมา ภาพตรงหน้าของเขาในตอนนี้เป็นอะไรที่คล้ายกันอย่างน่าขนลุก
หานเซิ่นยังสังเกตสิ่งมีชีวิตที่ถูกจับตัวขณะที่ถอยออกไปด้านหลัง แม้แต่ผู้อาวุโสนาเดอร์ก็ไม่สามารถต่อต้านการจับกุมของกิ่งก้านได้ และหานเซิ่นก็ไม่คิดว่าตัวเขาแข็งแกร่งไปกว่าผู้อาวุโสนาเดอร์มากนัก ดังนั้นถ้าเขาเข้าไปใกล้ เขาก็อาจจะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
ดราก้อนวันและเป่าเหลียนดูเหมือนจะมีความคิดที่เหมือนกับหานเซิ่น พวกเขาถอยออกไปด้านหลังเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นเสียงร้องของนกก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนทั่วท้องฟ้า และหนึ่งวินาทีต่อมา หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่น่ากลัวกำลังโฉมลงมาจากด้านบน มันพุ่งมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ตัวของนกจะยังคงบินอยู่บนฟ้า แต่ออร่าของมันก็มาถึงพื้นด้านล่างและบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนผิวในทันที
หานเซิ่นพบว่าร่างกายของตัวเองถูกกดลงกับพื้น และเขาไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ แรงกดดันที่น่ากลัวค่อยๆกดเขาจมลง เขาไม่สามารถพาตัวเองออกมาได้
หานเซิ่นหันไปด้านข้างและพยายามจะมองตามเสียงที่ดังมาจากท้องฟ้า สิ่งที่เขาเหลือบไปเห็นก็คือนกตัวใหญ่ที่ลุกไหม้ด้วยเพลิงสีขาว มันบินสูงอยู่บนท้องฟ้า และแรงกดดันที่น่ากลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของมัน
หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันเป็นนกชนิดไหนกันแน่ มันทั้งดูสง่า ภาคภูมิ งดงามและสูงส่ง มันดูเหมือนกับเทพที่ลงมาจากท้องฟ้า มันเหมือนกับตำนานที่บรรยายถึงเทพฟินิกซ์ แต่หานเซิ่นไม่เคยเห็นฟินิกซ์ของจริงมาก่อน ดังนั้นเขาไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้นั้นใช่เทพฟินิกซ์หรือเปล่า
นกตัวใหญ่โบยบินไปมาอยู่เหนือภูเขา และที่ไหนก็ตามที่มันผ่านไป ผืนดินที่อยู่ใต้มันก็กลับมามีชีวิต ทั้งต้นไม้ พุ่มไม้และใบหญ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
นกตัวใหญ่บินเป็นวงกลมอย่างช้าๆ และดูเหมือนกับว่าทั้งโลกนั้นติดตามมันด้วยความหวังที่จะถูกมอบพลังชีวิตอีกครั้ง ต้นไม้สีเขียวมีใบงอกกลับขึ้นมาจนเต็มต้น ดอกไม้โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ไม่ว่าที่ไหนที่นกบินผ่านไป ดินแดนที่เคยรกร้างก็ถูกเปลี่ยนเป็นสวรรค์เขตร้อน
“ฟินิกซ์…มันคือฟินิกซ์จริงๆ…” เป่าเหลียนกำลังนอนอยู่กับพื้นถัดไปจากหานเซิ่น ดูเหมือนเขากำลังตกตะลึงจนไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยายังไง
‘ช่วงนี้เรานี่โชคร้ายจริงๆ เราเข้ามาในซีโน่เจเนอิคสเปชที่ยังไม่ถูกพัฒนาและพบกับฟินิกซ์ขั้นทรูก็อตเข้า โอกาสมันต่ำยิ่งกว่าการถูกลอตเตอรี่ซะอีก’ หานเซิ่นบ่นในใจ
โชคดีที่ฟินิกซ์ไม่ได้บินมาทางพวกเขา มันบินไปที่สะพานไม้ของภูเขาสองวานร มันบินไปอย่างช้าๆจนกระทั่งไปถึงที่สะพาน
หลังจากที่วนเวียนรอบๆสะพานอยู่สามรอบ ฟินิกซ์ที่ลุกโชนด้วยเพลิงสีขาวก็บินลงมาบนสะพานไม้ ไฟของมันไม่ได้แผดเผาสะพานไม้ จริงๆแล้วดูเหมือนมันจะเพิ่มพลังชีวิตให้กับไม้นั่น และทำให้กิ่งก้านงอกออกมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
หลังจากนั้นฟินิกซ์ก็ลดหัวลงมาเพื่อมองไปยังหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ถูกจับตัว เท่าที่หานเซิ่นมองเห็นผ่านรังไหมของกิ่งไม้สิ่งมีชีวิตนั่นดูเหมือนกับโกเล็ม มีเพียงแค่หัวของโกเล็มเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น
“ตอบคำถามของข้า ถ้าข้าพอใจในคำตอบของเจ้า แบบนั้นข้าก็จะยกโทษให้กับเจ้าที่ล่วงละเมิดข้า”
ฟินิกซ์ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ทุกคนได้ยินเสียงของฟินิกซ์ในจิตใจของพวกเขา
“ข้าจะตอบคำถามของท่าน ท่านอยากรู้เรื่องอะไร?” สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับโกเล็มพูด
“วันหนึ่งเจ้าและคนรักของเจ้าเผชิญกับอันตราย หนึ่งในพวกเจ้าจำเป็นต้องตายเพื่อให้อีกคนรอดชีวิต เจ้ามีพลังที่จะตัดสินเรื่องนั้น… เจ้าเลือกที่จะตายเพื่อให้คนรักของเจ้ามีชีวิตรอด? หรือเจ้าเลือกที่จะให้คนรักของเจ้าตายเพื่อที่เจ้าจะได้รอดชีวิต?”
เสียงของฟินิกซ์ดังก้องและสั่นคลอนจิตใจของพวกเขาขณะที่มันพูด
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ พวกเขาคาดคิดว่าฟินิกซ์ในตำนานจะถามเกี่ยวกับความลับในอดีตกาลบางอย่าง พวกเขาไม่ได้คิดว่าจะถูกถามอะไรแบบนี้
คำถามแบบนี้ไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว คนแต่คนจะมีคำตอบที่ต่างกันออกไป
แต่ในเมื่อฟินิกซ์ถามออกมาเรียบร้อยแล้ว โกเล็มก็ไม่สามารถปฏิเสธที่จะตอบได้ มันกลืนน้ำลายก่อนที่จะตอบไปว่า
“ข้าจะเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องคนรัก”
“หน้าไหว้หลังหลอก” เสียงที่ฟังดูเหยียดหยามของฟินิกซ์ดังขึ้นในหัวของทุกคน
วินาทีต่อมา หานเซิ่นและคนอื่นก็มองเห็นฟินิกซ์ลดหัวลงมา ปากของมันอ้าออกในทิศทางของโกเล็ม
แต่ฟินิกซ์ไม่ได้เอาปากงับโกเล็ม มันทำการสูดลมหายใจเข้าไปแทน พลังประหลาดรั่วไหลออกมาจากร่างกายของโกเล็มและหายเข้าไปในปากของฟินิกซ์
หลังจากที่พลังประหลาดนั่นถูกเอาไป หัวของโกเล็มก็ดูเหมือนกับเปลือกไม้ที่แห้งเหี่ยว หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ย่อยสลายเป็นผุยผงที่ปลิวไปกับสายลม
ทุกคนจ้องไปยังตำแหน่งที่โกเล็มเคยอยู่อย่างพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้โกเล็มนั่นจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตระดับราชัน แต่พลังของมันก็ถูกดูดไปจนร่างกายสลายกลายเป็นผุยผง มันเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป
ฟินิกซ์นั่นดูเหมือนจะไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องใหญ่อะไร มันเลิกสนใจรังไหมที่เพิ่งจะว่างเปล่าและหันไปหารังไหมที่อยู่ถัดไป
หัวของสิ่งมีชีวิตที่โผล่ออกมาจากรังไหมนี้ดูเหมือนกับปลาหมึก หานเซิ่นจดจำสิ่งมีชีวิตนี้ได้ มันติดตามผู้อาวุโสนาเดอร์มา ดังนั้นมันจะต้องเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของผู้อาวุโสนาเดอร์
สิ่งมีชีวิตนั้นซีดไปในตอนที่ฟินิกซ์มองมาที่มัน หลังจากนั้นเสียงของฟินิกซ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“วันหนึ่งเจ้าและคนรักของเจ้าเผชิญกับอันตราย หนึ่งในพวกเจ้าจำเป็นต้องตายเพื่อที่อีกคนจะรอด เจ้ามีพลังที่จะตัดสินเรื่องนั้น… เจ้าเลือกที่จะตายเพื่อให้คนรักของเจ้ารอด? หรือว่าเจ้าเลือกที่จะให้คนรักของเจ้าตายเพื่อที่เจ้าจะได้รอดชีวิต?”
สิ่งมีชีวิตนั้นรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อมันสังเกตได้ว่าคำถามนั้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ มันก็ดีใจขึ้นมา
โกเล็มนั้นได้เลือกคำตอบหนึ่งไปแล้ว และคำตอบนั้นก็เป็นคำตอบที่ผิด ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกับปลาหมึกจึงสันนิษฐานไปว่าคำตอบอีกอย่างจะต้องเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
เมื่อคิดได้แบบนั้น มันก็รีบตะโกนออกไปว่า “ข้าเลือกที่จะรักษาชีวิตของตัวเอง!”
“ต่ำช้า” ก่อนที่สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับปลาหมึกจะได้อธิบายว่าทำไมมันถึงเลือกแบบนั้น เสียงโกรธของฟินิกซ์ก็ดังขึ้นในหัวของทุกคน
ฟินิกซ์ลดหัวลงมาและสูดลมหายใจเข้าไป พลังของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับปลาหมึกก็ถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว และร่างกายของมันก็กลายเป็นผุยผงที่ถูกสายลมพัดปลิวหายไป
ทุกคนรู้สึกหนาวขึ้นมา พวกเขาคิดว่าการมอบคำตอบอีกอย่างหนึ่งจะทำให้พวกเขารอดชีวิต แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำถามของฟินิกซ์นั้นไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง และทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่อารมณ์ความรู้สึกของฟินิกซ์