Super God Gene – ตอนที่ 2769

สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนกับที่ที่หานเซิ่นเคยพบกับนกแดงน้อยครั้งแรก แม้แต่ภูเขาและก้อนหินก็กลายเป็นเถ้าถ่าน นกแดงน้อยกำเนิดในสถานที่ที่เหมือนกับที่นี่ เว้นก็แต่ดวงอาทิตย์หลายดวงที่อยู่บนท้องฟ้า

 

“นี่เป็นการใช้ธาตุไฟที่น่ากลัวมากๆ มันเปลี่ยนทั้งดินแดนแห่งนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน นั่นไม่ใช่บางสิ่งที่ความร้อนธรรมดาจะทำได้” ดราก้อนวันพูดอย่างตกตะลึง

 

หานเซิ่นเงยหัวขึ้นและมองไปยังดวงอาทิตย์ที่อยู่ด้านบน เขาคิดว่าดวงอาทิตย์พวกนั้นคือสิ่งที่น่าสงสัยที่สุดเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ บางทีพวกมันอาจจะไม่ใช่ดวงอาทิตย์ด้วยซ้ำ พวกมันอาจจะเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุไฟที่น่ากลัวก็ได้

 

‘จากคำให้การของเรดแร็ทส์ที่รอดชีวิต หนึ่งในดวงอาทิตย์ระเบิดและเปลี่ยนพวกเขาทุกคนให้กลายเป็นผุยผง ดังนั้นเป็นไปได้ที่พวกมันจะเป็นสิ่งมีชีวิต’
หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นั้น แต่เขาไม่กล้าจะเทเลพอร์ตเข้าไปใกล้ๆดวงอาทิตย์เพื่อตรวจสอบ เขาแค่มาที่นี่เพื่อรับส่วนแบ่งอย่างง่ายๆเท่านั้น เขาไม่อยากจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น

 

ดราก้อนวันดมสายลม หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
“ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นมาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเรา”

 

‘นายเป็นดราก้อน ไม่ใช่สุนัข’ หานเซิ่นคิด
“นี่เจ้าดมกลิ่นในอากาศและบอกว่ามีใครบ้างคนมาถึงที่นี่ก่อนหน้าพวกเราได้ยังไง?”

 

ดราก้อนวันไม่ได้ตระหนักถึงความกังขาของหานเซิ่น เขาพูดต่อไป
“เผ่าเดสทรอยเยอร์มาที่นี่ เผ่าจิ้งจอกเองก็เช่นกัน…”

 

ดราก้อนวันพูดชื่อของเผ่าพันธุ์ต่างๆหลายสิบเผ่า หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนั้น เขาไม่ได้รู้จักเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ดราก้อนวันพูดถึง แต่บาร์กับผู้อาวุโสนาเดอร์เดินทางมาที่นี่จริงๆ ดังนั้นดราก้อนวันพูดถูกต้องว่ามีคนของเดสทรอยเยอร์มาที่นี่

 

“จมูกของเจ้านี่สุดยอดจริงๆ” หานเซิ่นเอยชม

 

ดราก้อนวันยิ้ม “มันไม่ได้พิเศษอะไร นี่เป็นแค่เคล็ดลับอย่างหนึ่งของข้า ข้าจะวิเคราะห์สสารที่สิ่งมีชีวิตและผู้คนทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง และมันจะทำให้ข้ารู้ว่าพวกเขาเป็นใครกัน”

 

“นั่นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยม” หานเซิ่นพูดอย่างจริงใจ ศาสตร์ตงเสวียนของเขาก็มีความสามารถที่คล้ายกันอยู่ แต่ความสามารถนี้ของดราก้อนวันเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมามากกว่า

 

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน เงาของคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา เงานั้นกำลังมุ่งหน้าตรงมาทางเมืองที่กลายเป็นเถ้าถ่าน

 

หานเซิ่นและดราก้อนวันมองไปที่เงานั่นอย่างระมัดระวัง ในสถานที่แบบนี้พวกเขาต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ลดการป้องกันตัวลงแม้แต่ชั่วครู่

 

“เป่าเหลียน!” หานเซิ่นมองไปที่เงานั้นด้วยความแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับเป่าเหลียนที่นี่

 

แต่ในตอนที่หานเซิ่นพบกับเป่าเหลียนก่อนหน้านี้ เขาใช้ฐานะของหานเซิ่น เป่าเหลียนนั้นไม่เคยพบกับดอลลาร์มาก่อน ดังนั้นหานเซิ่นจะต้องเงียบๆเอาไว้

 

“นี่คือระดับเทพเจ้าจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ชื่อของเขาคือเป่าเหลียน” ดราก้อนวันพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เป่าเหลียนก็บินมาลงบนพื้นไม่ไกลจากพวกเขา เป่าเหลียนสังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคน หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ดราก้อนวันและพูด
“อ้า เจ้าคือมิสเตอร์ดราก้อนนี่น่า ข้าไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบกับเจ้าที่นี่ ในเมื่อพวกเราได้มาพบกันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ข้าก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นชะตากรรม ดราก้อนวัน เจ้าสนใจจะไปสำรวจซีโน่เจเนอิคสเปชนี้ร่วมกับข้าไหม?”

 

เป่าเหลียนมีมารยาทอย่างน่าประหลาดใจ เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนกับยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงทั่วๆไป แม้แต่หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจกับเรื่องนั้น

 

เผ่าดราก้อนเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญ แต่เมื่อเทียบกับเอ็กซ์ตรีมคิงแล้ว พวกเขามีพรสวรรค์สู้เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้  จริงๆเผ่าดราก้อนนั้นพึ่งพาอำนาจของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ในทางหนึ่งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็เป็นเหมือนกับนายจ้างของพวกเขา ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่เป่าเหลียนจะต้องปฏิบัติตัวอย่างมีมารยาทแบบนั้น

 

หานเซิ่นไม่ได้รู้ว่าหลังจากที่ราชาไป๋เป็นผู้ปกครองเผ่าพันธุ์ ตระกูลเป่าก็ตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบาก พวกเขาพยายามทำทุกอย่างที่จะชิงความได้เปรียบกับคืนมา ในครั้งนี้พวกเขาได้ส่งเป่าเหลียนมาเพื่อสำรวจซีโน่เจเนอิคสเปชที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่นี้

 

เป่าเหลียนรู้ว่าการเดินทางมาในครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นการร่วมมือกับยอดฝีมืออย่างดราก้อนวันจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยมากกว่าการสำรวจตามลำพัง

 

“ข้ายินดี” ดราก้อนวันตอบ ดราก้อนวันเองก็กังวลว่าที่แห่งนี้อาจจะเป็นอันตรายเกินไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นในเมื่อพวกเขาคิดเหมือนๆกัน การเป็นพันธมิตรกันก็เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล

 

“คนผู้นี้เป็นใครกัน?” เป่าเหลียนถามขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

ดราก้อนวันแนะนำตัวหานเซิ่นในฐานะดอลล่าร์ เมื่อเป่าเหลียนได้ยิน เขาก็จ้องมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าก็คือดอลลาร์ที่ได้อันดับที่หนึ่งในการประลองบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนหรอเนี่ย? ข้าได้ยินชื่อของเจ้ามาเป็นเวลานานแล้ว น่าเสียดายที่มันใช้เวลานานกว่าที่จะได้มาพบเจ้าในที่สุด เจ้าเป็นคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง”

 

ถึงแม้เอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ได้ส่งคนของพวกเขาไปเข้าร่วมการประลองในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน แต่เป่าเหลียนก็ได้ติดตามการต่อสู้ในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนอยู่บ้าง เขาจดจำชื่อของดอลลาร์ได้ แต่เขาไม่ได้รู้สึกดีใจราวกับว่าได้เจอดาราคนหนึ่งเหมือนอย่างที่เขาแสดงออกมา จริงๆแล้วเขาแค่รู้มาว่ามันมีคนชื่อหานเซิ่นที่ถูกว่ากันว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง

 

“เป่าเหลียน เจ้ารอบรู้มากกว่าข้า เจ้าพอจะบอกได้ไหมว่าอารยธรรมไหนกันที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้?” ดราก้อนวันถามเป่าเหลียนหลังจากที่พวกเขาทักทายกันเสร็จแล้ว

 

เป่าเหลียนมองไปที่สิ่งก่อสร้างรอบๆ “สิ่งก่อสร้างพวกนี้ดูค่อนข้างล้าสมัย โดยปกติแล้วเผ่าพันธุ์ต่างๆจะสร้างสิ่งก่อสร้างแบบนี้ในยุคแรก และเนื่องจากวัฒนธรรมยังดูใหม่ๆและด้อยพัฒนา มันจึงระบุได้ยากว่าเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่ที่เป็นเจ้าของสิ่งก่อสร้างพวกนี้”

 

หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ เป่าเหลียนก็ชี้ไปที่หอคอยในเมืองและพูดต่อ
“บนกำแพงของหอคอยนี่ เจ้าจะเห็นร่องรอยของการแกะสลัก มันดูเหมือนกับการแกะสลักของฟินิกซ์ และที่แห่งนี้ดูเหมือนจะถูกแผดเผาโดยบางสิ่งที่มีพลังธาตุไฟที่น่าสะพรึงกลัว”

“หรือบางทีมันอาจจะเป็นฟินิกซ์ระดับเทพเจ้าในตำนาน?”
ดราก้อนวันถามด้วยความสงสัย เขารีบมองไปในตำแหน่งที่เป่าเหลียนชี้ออกไปและสังเกตเห็นว่ามันมีการแกะสลักอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่ามันเบลอๆ แต่เขาก็พอจะเห็นรูปร่างของนก

 

แต่ดราก้อนวันไม่เคยเห็นหนึ่งในฟินิกซ์ขั้นทรูก็อตในตำนานมาก่อน เขาไม่รู้ว่านั่นคือรูปลักษณ์ของฟินิกซ์จริงๆหรือเปล่า

 

เป่าเหลียนพยักหน้าและพูด “ฟินิกซ์คืออัลฟ่าของธาตุไฟ มันเป็นอะไรที่ยากมากๆที่ฟินิกซ์ขั้นทรูก็อตจะเกิดขึ้นมา และถ้าฟินิกซ์ตัวหนึ่งเกิดขึ้นมา แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่กล้าจะมาล่วงละเมิดมัน ถ้าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับฟินิกซ์จริงๆ พวกเราจำเป็นต้องระมัดระวังให้มาก พวกเราจะเสี่ยงไปยั่วยุมันไม่ได้”

 

ดราก้อนวันพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนั้นพวกเขาก็ปรึกษากันว่าควรจะไปต่อยังไง เมื่อพวกเขาตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาก็เคลื่อนที่ผ่านตัวเมืองและตรงลึกเข้าไปในซีโน่เจเนอิคสเปช

 

หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้จักว่าเป่าเหลียนเป็นใคร พวกเขาคุยกันอยู่พอสมควร และเป่าเหลียนก็ดูเหมือนจะชื่นชมเขา เป่าเหลียนยังคงทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน และเขาก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนอย่างเอ็กซ์ตรีมคิงที่ยิ่งยโสทั่วๆไป แต่หานเซิ่นรู้ว่าเป่าเหลียนเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง ครั้งก่อนที่พวกเขาต่อสู้กัน หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากมากๆ

 

หานเซิ่นยังคงไม่รู้ว่าเป่าเหลียนมีพลังแบบไหนกันแน่ ความจริงแล้วเขาเกรงกลัวเป่าเหลียนอยู่เล็กน้อย เขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าพลังของชายคนนี้ทำงานยังไง

 

พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี พวกเขาพูดคุยกันไปตลอดทางและมันดูเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน

 

“มันมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างหน้า” ดราก้อนวันพูดขัดขึ้นมา

 

หานเซิ่นและเป่าเหลียนมองไปข้างหน้าและพบว่าตัวเองกำลังมองไปที่ภูเขาลูกใหญ่สองลูก พวกมันมีความสูงกว่าหนึ่งหมื่นเมตร และมีไม้ที่ยืนยาวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างยอดของภูเขาทั้งสองลูก ซึ่งที่ใจกลางของสะพานนั้นมีระฆังสีดำขนาดใหญ่ตั้งอยู่

สิ่งมีชีวิตมากมายยืนอยู่ตามสะพานและจ้องมองไปที่ระฆังเหล็กสีดำนั้น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset