Super God Gene – ตอนที่ 2765

วันต่อๆมาหานเซิ่นไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมากนัก เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปรับแต่งวิชาใต้นภาและเบรกซิกซ์สกาย

 

วิชาใต้นภาไม่เข้ากันกับวิชาเบรกสกายนัก ดังนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องใช้ปืนคู่ของมนตราช่วย และวิชาเบรกซิกซ์สกายก็จำเป็นต้องถูกปรับแต่งเช่นกัน เขาอาจจะไม่ได้ใช้ศักยภาพในการทำลายล้างของวิชาจีโนอย่างเต็มที่ แต่พลังระเบิดจำเป็นต้องเพียงพอที่จะจัดการกับมีดเทพ ด้วยการทำแบบนั้นหานเซิ่นถึงจะทำการคาดการณ์หนึ่งวินาทีย้อนไปในอดีตได้

 

นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ หานเซิ่นจึงโฟกัสความสนใจทั้งหมดไปที่การปรับแต่งวิชาทั้งสอง เขาต้องทำให้พวกมันสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีดเทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ถ้าแผนการมีข้อบกพร่องแม้แต่นิดเดียว หานเซิ่นก็จะพ่ายแพ้การต่อสู้และถูกฆ่าตาย

 

แต่หานเซิ่นมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำได้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องทำมันได้สำเร็จ

 

“ตอนนี้เมื่อเราคิดวิธีที่จะรับมือกับซุปเปอร์สเปชสแลซได้แล้ว เราก็ต้องหันไปคิดเกี่ยวกับปัญหาสุดท้าย เราจะทำลายมีดเทพได้ยังไงกัน?”

ขณะที่หานเซิ่นฝึกวิชา เขาก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาอีกอย่างหนึ่ง

 

ถ้าหานเซิ่นทำลายมีดเทพไม่ได้ การป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันจะเหมือนกับการพ่ายแพ้ และกู่หว่านเอ๋อก็ต้องถูกขังอยู่ที่นั่น

 

แต่ด้วยพลังของหานเซิ่นในตอนนี้ เขาไม่สามารถเอาชนะมีดเทพได้

 

“ถ้าเราทำลายมันไม่ได้ แบบนั้นเราก็ต้องหาทางเพื่อหยุดมัน บางทีวิชาเต่าอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลกับมีดเทพหรือเปล่า”

 

หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าลำพังแค่จินตนาการของตัวเองไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหานี้ ไม่ว่าเป็นจะการคาดเดาการโจมตีของคู่ต่อสู้หรือการตัดสินประสิทธิภาพของวิชาเต่า เขาก็จำเป็นต้องลองทดสอบจริงถึงจะรู้ได้

 

“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องไปที่ฟาร์มของพระเจ้าอีกครั้ง แต่มีดเทพนั้นจะยังอยู่บนดาวแกะหรือเปล่า?” หานเซิ่นตัดสินใจว่าหลังจากที่เขาปรับแต่งวิชาใต้นภาและเบรกซิกซ์สกายเสร็จแล้ว เขาจะเข้าไปที่ฟาร์มของพระเจ้าอีกครั้ง

 

“วิถีทางที่คนอื่นเดินคือวิถีทางของพวกเขา เราจำเดินในวิถีทางของตัวเอง”

หานเซิ่นยังคงไม่กินไม่ดื่มและใช้สมาธิไปกับการปรับแต่งวิชาจีโนต่อไป เขาไม่หลับหรือหยุดพักกว่าสองอาทิตย์

 

ทุกครั้งที่เขาคิดว่ากู่หว่านเอ๋อจะต้องใช้เลือดของเธอป้อนให้กับมีดนั่นทุกๆวัน หัวใจของหานเซิ่นก็รู้สึกเจ็บปวด

 

ก่อนที่การปรับแต่งวิชาจีโนจะเสร็จสิ้น เอ็กซ์ควิสิทก็กลับเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอมาตามลำพัง หลี่เคอเอ๋อไม่ได้มากับเธอด้วย

 

“ท่านผู้นำยังไม่คิดจะปล่อยข้าออกไปใช่ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่เอ็กซ์ควิสิท

 

เอ็กซ์ควิสิทไม่ตอบหานเซิ่น เธอเพียงแค่บอกให้เขาตามเธอไป หลังจากนั้นเธอก็บินไปสู่เมฆหมอก

 

หานเซิ่นประหลาดใจ เรื่องนี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา เอ็กซ์ควิสิทกำลังจะพาเขาออกไปจากขวด หานเซิ่นไม่เคยคาดคิดว่าทางเวรี่ไฮจะปล่อยเขาเป็นอิสระอีกครั้ง

 

แต่ถ้าเขาออกไปข้างนอกได้ง่ายๆ เขาก็จะไม่ลังเลหรือบ่นอะไร เขารีบบินตามเอ็กซ์ควิสิทไป

 

“นี่ท่านผู้นำเชื่อว่าข้าไม่ได้ถูกสาปแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเอ็กซ์ควิสิท

 

“อย่าพูดหรือถามอะไรทั้งนั้น เจ้าแค่ต้องตามข้ามาเงียบๆ” เอ็กซ์ควิสิทพูดโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขา

 

หานเซิ่นสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ แต่เขาไม่กล้าจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยู่เงียบๆและตามเอ็กซ์ควิสิทไปเรื่อยๆ

 

พวกเขาทั้งคู่ผ่านเมฆหมอก และในที่สุดพวกเขาก็โผล่ออกไปด้านนอกของขวด

 

ห้องโถงที่เก็บขวดเอาไว้มีระบบป้องกันที่ทรงพลัง เอ็กซ์ควิสิทใช้ตราประทับขนาดเล็กอันหนึ่งเพื่อเข้ามาข้างใน มันช่วยปิดระบบป้องกันที่จะส่งผลกระทบต่อเธอ เธอพาหานเซิ่นออกไปนอกห้องโถง

 

หลังจากที่ออกไปจากห้องโถง เอ็กซ์ควิสิทก็วางมือลงบนไหล่ของหานเซิ่น เธอกำลังจะเทเลพอร์ตพวกเขาทั้งคู่ไปจากที่นั่น

 

แต่หานเซิ่นจับมือของเธอเอาไว้และหยุดเธอจากการใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่น

 

เอ็กซ์ควิสิทมองหานเซิ่นด้วยความสับสน และหานเซิ่นก็มองกลับไปที่เธอด้วยสีหน้าจริงจัง

“ตอบคำถามของข้า นี่เจ้าจะพาข้าไปหาท่านผู้นำหรือเปล่า?”

 

เอ็กซ์ควิสิทลังเลเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัวและพูด “ไม่”

 

เมื่อได้ยินคำตอบ หานเซิ่นก็มั่นใจว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้อง เขาถามเอ็กซ์ควิสิทต่อไปว่า

“นี่ท่านผู้นำไม่ได้อนุญาตให้เจ้ามาพาตัวข้าออกไปจากโลกในขวดอย่างนั้นสินะ?”

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องพวกนั้น ข้าจะพาเจ้าออกไปจากเอาท์เตอร์สกาย หลังจากที่เจ้าออกไปแล้ว เจ้าก็ควรกลับไปที่ปราสาทนภา และบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่กับจางเสวียนเต้า ถ้าเขายินดีจะปกป้องเจ้า ข้าไม่คิดว่าผู้นำของพวกเราจะพยายามพาตัวเจ้ากลับมาจากปราสาทนภา” เอ็กซ์ควิสิทพูด

 

สีหน้าของหานเซิ่นกลายเป็นอะไรที่ไม่สามารถ่านได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เอ็กซ์ควิสิทกำลังเสี่ยงตัวเอง เธอคิดจะฝ่าฝืนกฎและพาเขาหนีออกไป

 

หานเซิ่นไม่เคยคิดว่าเอ็กซ์ควิสิทจะทำบางสิ่งแบบนี้เพื่อเขา

 

หานเซิ่นแค่คิดกับเอ็กซ์ควิสิทเหมือนเป็นเครื่องมือสำหรับการเร่งการเจริญเติบโต แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถคิดกับเธอแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

 

“ทำไมกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่มองเอ็กซ์ควิสิทด้วยสีหน้าซับซ้อน

 

“เจ้ามาที่นี่ขณะที่ยังมีชีวิต ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะออกไปจากที่นี่ขณะที่มีชีวิตเช่นเดียวกัน” เอ็กซ์ควิสิทพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

 

“ถ้าข้าจากไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” หานเซิ่นรู้ว่ากฎของเวรี่ไฮนั้นเคร่งครัดขนาดไหน เวรี่ไฮสามารถเรียกได้เป็นว่าผู้คนที่ไร้หัวใจ ถ้าใครฝ่าฝืนกฎ พวกเขาก็จะไม่เมตตาแม้แต่ผู้คนของตัวเอง

 

“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก ทั้งหมดที่ข้าทำก็คือปล่อยตัวไหมของตัวเองเป็นอิสระ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ ฉะนั้นหยุดทำให้ข้าต้องเสียเวลาได้แล้ว” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างเย็นชา

 

หานเซิ่นพยักหน้าและพูด “เจ้าพูดถูก พวกเราจะมัวมาเสียเวลาไม่ได้ พาข้ากลับเข้าไปในขวด”

 

เอ็กซ์ควิสิทอึ้งไป หลังจากนั้นเธอก็มองหานเซิ่นด้วยความสับสนและถาม “เจ้าไม่อยากไปจากที่นี่หรือยังไง?”

 

“ถ้าเจ้าทำลายพันธสัญญากับข้าและขังข้าเอาไว้ในโลกในขวดนั่น สักวันหนึ่งข้าก็จะใช้มีดจี้คอเจ้าและออกไปจากที่นี่โดยใช้กำลัง”

หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “แต่ถ้าเจ้าปล่อยข้าไปแบบนี้ ข้าจะรู้สึกผิดอย่างมาก ข้าจะเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นมากขนาดนี้ไม่ได้”

 

หานเซิ่นมาอยู่กับเผ่าเวรี่ไฮได้ไม่นานนัก แต่เขาได้ใช้เวลาอ่านกฎระเบียบของเวรี่ไฮอย่างละเอียด เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอปล่อยเขาไป เธออาจจะไม่ถูกฆ่า แต่เธอจะถูกจับไปขังเป็นศตวรรษ

 

หานเซิ่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เขาไม่รังเกียจที่จะต้องต่อสู้กับผู้คน ไม่ว่าศัตรูของเขาจะโหดร้ายขนาดไหน หานเซิ่นก็จะหาหนทางฆ่าพวกเขา สิ่งที่หานเซิ่นกลัวคือการที่ผู้คนปฏิบัติกับเขาอย่างเมตตาเกินไป เขาไม่ต้องการจะเป็นหนี้บุญคุณใครมากขนาดนั้น

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะตอบแทนผู้หญิงที่สูญเสียวัยหนุ่มสาวเพื่อเขายังไง เขาไม่อยากให้เอ็กซ์ควิสิทถูกจับไปขังเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีเพราะเขา ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากอยู่ที่นี่ต่อไป

 

แน่นอนว่าหานเซิ่นมีแผนการของตัวเอง สถานการณ์ของเขาไม่ได้สิ้นหวัง ถ้ามันสิ้นหวังจริงๆ เขาก็คงจะหนีไปและพาเอ็กซ์ควิสิทไปด้วย

 

แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเอ็กซ์ควิสิทอาจจะไม่ยินยอมทรยศเผ่าเวรี่ไฮเพื่อเขา ดังนั้นหานเซิ่นจำเป็นต้องปฏิเสธเจตนาดีของเอ็กซ์ควิสิท

 

“เจ้าไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอะไรข้า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่น

 

“การถูกจับตัวไปขังเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนั้นหรอ? นี่เธอมีชีวิตอยู่ได้กี่ศตวรรษกันเชียว?” หานเซิ่นถาม

 

“เจ้ารู้เรื่องนั้นได้ยังไง?” เอ็กซ์ควิสิทแปลกใจ

 

“ส่งข้ากลับไป” หานเซิ่นไม่ตอบ เขาแค่มองเอ็กซ์ควิสิทอย่างสงบนิ่ง

 

“เจ้าจำเป็นต้องรู้ว่าถ้าเจ้าพลาดโอกาสนี้ไป เจ้าอาจจะถูกขังอยู่ในโลกในขวดไปตลอดการ” เอ็กซ์ควิสิทมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

 

“ไม่ ข้าจะไม่ถูกขังอยู่ในนั้นไปตลอดการ ข้าจะใช้พลังของตัวเองเพื่อหนีออกไป ไม่มีอะไรกักขังข้าได้” หานเซิ่นพูดอย่างหนักแน่น ใบหน้าของเขาดูมั่นใจราวกับว่าเขากำลังบอกเธอว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset