หัวของพวกมันเหมือนกับพระสงฆ์ และหางของพวกมันก็กางออกเหมือนกับปีกของผีเสื้อ ร่างกายของพวกมันอ้วนกลม นอกจากสีดำและขาวของพวกมันแล้ว พวกมันดูเหมือนกับปลาทองหัวสิงห์ พวกมันว่ายอย่างใจเย็นอยู่ภายในลูกบาศก์
เป่าเอ๋อนั่งยองๆลงบนลูกบาศก์สี่แกะและยื่นมือลงไปในน้ำเพื่อสัมผัสปลาทั้งสอง ปลานั้นอยู่ต่ำกว่าผิวน้ำเพียงแค่ไม่กี่นิ้ว แต่เป่าเอ๋อไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงพวกมันได้ ถึงแม้แขนของเธอจะจุ่มลงไปในน้ำทั้งแขนแล้วก็ตาม เธอก็ไม่สามารถแตะต้องปลาทองทั้งสองได้
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาเอามีดเขี้ยวผีสิงออกมาและแทงใส่ปลาสีขาวที่อยู่ใต้น้ำ ปลาสีขาวตัวนั้นอยู่ใกล้กับผิวน้ำ แต่ในตอนที่หานเซิ่นปล่อยมีดลมปราณลงไป มีดลมปราณของเขาก็จมลงไปในน้ำโดยไม่ได้เข้าไปใกล้ปลาทองสีขาว
ปลาทั้งสองตัวดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงการโจมตีของหานเซิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว และพวกมันยังคงว่ายไปมาอย่างช้าๆ ระยะทางจากผิวน้ำไม่กี่นิ้วเหมือนกับเป็นความยาวของทั้งระบบสุริยะจักรวาล ไม่ว่ามีดลมปราณของหานเซิ่นจะน่ากลัวสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถผ่านน้ำไปถึงตัวของปลาทองที่อยู่ข้างในได้
‘ลูกบาศก์สี่แกะนี้แปลกจริงๆ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขายื่นมือออกไปจับลูกบาศก์และพลิกมันเอียงไปด้านข้าง ซึ่งน้ำก็เริ่มจะไหลออกมา
น้ำทะลักออกมาอย่างรุนแรงราวกับเขื่อนแตก น้ำไหลออกมาอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนกับว่ามันจะก่อตัวเป็นทะเลสาบอีกทะเลสาบหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นระดับน้ำในลูกบาศก์ก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
‘สิ่งนี่คืออะไรกัน?’ หานเซิ่นคิด ลูกบาศก์สี่แกะเป็นอะไรที่แปลกเกินไป แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
ถ้าลูกบาศก์นี้เป็นระดับเทพเจ้า มันก็ยังคงแปลกที่หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสพลังของมันได้ และถ้ามันเป็นเพียงแค่วัตถุธรรมดาๆ มันก็ไม่ควรจะกักเก็บน้ำที่มากมายขนาดนั้นเอาไว้ได้
หานเซิ่นพยายามครุ่นคิด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าเป่าเอ๋อได้ปีนขึ้นไปบนหนึ่งในหัวแกะทองแดง และเธอก็ใช้เท้าของเธอเหยียบลงบนหัวของมัน
เป่าเอ๋อดูจะยังคงโกรธเคือง เธอจำได้ว่าทุกครั้งที่ลูกบาศก์จมกลับลงไปในเมฆหมอกของทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์ พวกมันจะเย้ยหยันเธอ ด้วยเหตุนั้นเธอต้องการจะเหยียบหัวแกะเพื่อระบายความโกรธ
แต่ในตอนที่เธอเริ่มเหยียบหัวของมัน มันก็มีเสียงดังขึ้นมา หัวของแกะถูกกดลงโดยเท้าของเป่าเอ๋อ มันเหมือนกับว่าหัวแกะก้มลงไปเพื่อจะกินหญ้าบนพื้น
เป่าเอ๋อดูแปลกใจกับเรื่องนี้ เธอไม่ได้คาคคิดว่าลูกบาศก์สี่แกะจะบอบบางขนาดนี้
หานเซิ่นรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนแรกที่เขาชกใส่ลูกบาศก์ เขาพบว่ามันเป็นวัตถุที่แข็งแรงมากๆ แต่ทว่าหัวแกะทองแดงกลับถูกเหยียบลงง่ายดายทั้งๆเป่าเอ๋อแค่เหยียบมันเบาๆสองครั้ง
‘ถ้าเป่าเอ๋อไม่ได้ใช้พลังพิเศษเพื่อทำแบบนั้น แบบนั้นลูกบาศก์…’
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็เห็นปลาทองที่อยู่ในลูกบาศก์ว่ายเร็วขึ้น
ขณะที่ปลาทองทั้งสองว่ายด้วยความเร็วสูง น้ำก็เริ่มจะหมุนจนกระทั่งก่อให้เกิดเป็นวังวนขึ้นมา
หานเซิ่นรู้สึกว่าจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เขารีบคว้าตัวเป่าเอ๋อเพื่อจะเทเลพอร์ตออกห่างจากลูกบาศก์ แต่หลังจากที่เขาอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมา เขาก็รู้สึกตัวว่ามันสายเกินไปแล้ว มันมีพลังดูดที่รุนแรงออกมาจากลูกบาศก์และดึงเขากับเป่าเอ๋อเข้าไปสู่วังวนที่เกิดขึ้น
หมูทั้งสิบหกตัวก็ถูกดูดเข้าไปด้วยเช่นกัน พวกมันหมุนวนไปรอบๆร่วมกับหานเซิ่นและเป่าเอ๋อ
หานเซิ่นจับตัวเป่าเอ๋อเอาไว้แน่นและพยายามจะหนีไป แต่โลกรอบๆตัวเขาตกอยู่ในความโกลาหล ในตอนที่เขาควบคุมตัวเองได้แล้ว เขาก็ชะงักไป ลูกบาศก์สี่แกะตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขาและปลาทองทั้งสองก็กำลังว่ายไปน้ำอย่างช้าๆ วังวนได้หายไปแล้ว และหัวแกะที่เป่าเอ๋อเหยียบก็เงยกลับขึ้นมาเหมือนกับหัวแกะอื่นอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หมูน้อยทั้งสิบหกตัวก็ออกมาจากน้ำเช่นเดียวกัน พวกมันยืนเรียงกันบนขอบของลูกบาศก์ ขณะที่เขย่าตัวเพื่อสลัดน้ำออกจากผิวของพวกมัน
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สภาพแวดล้อมรอบๆแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง หานเซิ่นกำลังอยู่ที่ริมทะเลสาบอันเดอร์เวิลด์เมื่อครู่นี้ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในที่ที่ต่างออกไป ขณะที่มองไปรอบๆ หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองยังคงอยู่ในเอาท์เตอร์สกายด้วยซ้ำ
รอบๆตัวพวกเขาเต็มไปด้วยปราสาท แต่มันไม่เหมือนกับปราสาทที่ถูกพบเห็นได้ในเอาท์เตอร์สกาย ปราสาทพวกนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนภูเขา พวกมันถูกสร้างขึ้นบนทะเลแทน
มันมีปราสาทที่แตกต่างกันออกไปตั้งอยู่บนทะเลที่ดูไร้ที่สิ้นสุด พวกมันเป็นเหมือนกับเกาะที่กระจายออกไปตามมหาสมุทร
“ที่นี่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปรอบๆ นอกจากปราสาทแล้ว มันก็ไม่มีอะไรให้เห็น มันดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่รอบๆเช่นกัน
ทะเลใต้พวกเขาดูลึกไร้ก้นบึ้ง แต่มันไม่ได้เหมือนกับทะเลธรรมดาๆ ทะเลที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นสีฟ้า มันโปร่งใสราวกับคริสตัลและมันก็ไม่คลื่นทะเลแม้แต่น้อย น้ำของทะเลดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด
“พ่อ ดวงอาทิตย์ดูแปลกๆ” เป่าเอ๋อชี้ไปที่ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เธอมองไปที่มันด้วยความสงสัย
หานเซิ่นไม่ได้สังเกตดวงอาทิตย์ แต่ตอนนี้เมื่อเป่าเอ๋อชี้นิ้วไป เขาก็มองตามไป และต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
ดวงอาทิตย์นั้นจะปลดปล่อยแสงและความร้อน แต่ดวงอาทิตย์ของที่นี่เป็นอะไรที่แปลกประหลาด การจะเรียกมันว่า “ดวงอาทิตย์” ดูจะเป็นการเรียกที่ผิด มันเป็นเหมือนกับนาฬิกาบนท้องฟ้ามากกว่า
หน้าปัดของนาฬิกามีเข็มสามเข็มที่มีความยาวและความหนาแตกต่างกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวแทนของวินาที นาทีและชั่วโมง
ถึงแม้มันจะไม่มีหมายเลขบนหน้าปัดนาฬิกา แต่ตำแหน่งของเข็มดูเหมือนจะกำลังแสดงเวลาสิบสองนาฬิกา
‘ปราสาทบนทะเลอันเงียบสงัดที่มีดวงอาทิตย์เป็นนาฬิกา… นี่พวกเราถูกพามาในสถานที่แบบไหนกันแน่?’ หานเซิ่นคิดอย่างเป็นกังวล
เหล่าปราสาทลอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนทะเลโดยที่ไม่มีอะไรคอยค้ำจุน แม้แต่ลูกบาศก์สี่แกะเองก็ลอยอยู่บนผิวน้ำได้ ทุกอย่างรอบๆตัวพวกเขาดูเงียบสงัด ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงที่นี่ หานเซิ่นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากรอบๆเลยแม้แต่นิดเดียว
ปลาทองสองตัวภายในลูกบาศก์ยังคงว่ายไปมา พวกมันดูเหมือนจะกำลังเล่นกันอยู่ในน้ำ
ขณะที่หานเซิ่นหันมองปราสาทรอบๆที่กระจายตัวกันออกไปทั่วทะเล เขาก็สงสัยว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี ขณะที่เขาครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล
เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วบริเวณ หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อดูดวงอาทิตย์ที่เหมือนกับนาฬิกา เข็มทั้งสามเข็มชี้ไปที่ด้านบนสุด สำหรับนาฬิกาปกตินั่นจะหมายถึงเที่ยงวันหรือเที่ยงคืน