Super God Gene – ตอนที่ 2668

หานเซิ่นจ้องมองอสูรตัวยักษ์ที่ตกลงมาในทะเลทราย มันดูเหมือนกับไทรเซราทอปส์มากๆ แต่ร่างกายของมันเป็นเงินสีขาวและมีปีกขนาดใหญ่กางออกจากด้านหลังของมัน ดูเหมือนมันจะได้รับบาดเจ็บหนักและร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่สาหัส มันไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้ เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากทั้งปากและร่างกายของมันและย้อมพื้นทรายเป็นสีแดง

 

“ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งร่วงลงมา!” หลี่เคอเอ๋อดูดีใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหามัน

 

หานเซิ่นตามเธอไปจากด้านหลัง ถึงแม้มันจะบาดเจ็บ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของมอนสเตอร์ตัวใหญ่ตัวนั้นได้ มันจะต้องเป็นระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน

 

“ถอยออกไป!” ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปใกล้ซีโน่เจเนอิคตัวนั้น ทรายก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของเทพแห่งทะเลทราย พ่อของหลี่เคอเอ๋อปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

 

ก่อนที่หลี่เคอเอ๋อจะสามารถตอบ พายุทรายก็พัดเข้าใส่พวกเขาและส่งพวกเขากระเด็นออกไปไกล

 

ตูม! ตูม! ตูม!

หลังจากที่พวกเขาลุกกลับขึ้นมา พวกเขาก็เห็นมังกรทรายนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากพื้น พวกมันดูเก่าแก่และอันตราย พวกมันเคลื่อนไหวตามคำสั่งของเทพแห่งทะเลทรายและพุ่งเข้าไปหาอสูรที่ได้รับบาดเจ็บ

 

อสูรคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันลุกขึ้นมาและแสงสีเงินไร้ที่สิ้นสุดก็ปะทุกลายเป็นพายุที่บ้าคลั่ง มันต่อสู้กับมังกรทรายที่ตอนนี้ล้อมมันเอาไว้

 

มังกรที่เกิดขึ้นมาจากทรายไม่สามารถต้านทานแสงสีเงินของเจ้าอสูรได้

 

ปัง!

 

หลังจากนั้นแสงสีเงินก็สาดส่องต่อไปสู่ร่างของเทพแห่งทะเลทรายและเทพแห่งทะเลทรายก็แหลกสลายไปเช่นเดียวกัน

 

หานเซิ่นมองดูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง โชคดีที่พวกเขาทั้งคู่ถูกพัดกระเด็นออกไปซะก่อน ไม่อย่างนั้นแสงสีเงินของเจ้าอสูรตัวนั้นก็คงจะทำลายพวกเขาจนไม่เหลือซากเช่นเดียวกัน

 

หลี่เคอเอ๋อจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ ถ้าพ่อของเธอไม่ปรากฏตัวมาออกมาหยุดพวกเขา อสูรยักษ์ตัวนี้ก็คงจะฆ่าพวกเขาในชั่วพริบตา

 

“พ่อของหลี่เคอเอ๋อคงจะไม่แพ้ง่ายๆแบบนั้นหรอกใช่ไหม”
ขณะที่หานเซิ่นคิด เขาก็เห็นทะเลทรายกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงราวกับทะเลที่แปรปรวน น้ำพุของทรายพุ่งขึ้นทุกหนทุกแห่งจนเกิดเป็นเสาที่สูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า หลังจากนั้นมันก็ร่วงกลับลงมาและก่อตัวเป็นเทพแห่งทะเลทรายอีกครั้ง กระบวนการนั้นเกิดขึ้นซ้ำๆไม่หยุดและสร้างกองกำลังสิ่งมีชีวิตทรายขึ้นมา

 

เทพแห่งทะเลทรายร้องตะโกนขณะที่มังกรคำราม ทะเลทรายแห่งนั้นกลายเป็นสนามรบสำหรับอสูรยักษ์ที่ดุร้าย ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ห่างจากสนามรบ แต่พื้นทรายก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนหานเซิ่นและหลี่เคอเอ๋อแทบจะยืนไม่อยู่ พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากถอยออกไป

 

ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงระยะปลอดภัย แต่หานเซิ่นยังสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัว แต่เขามองไม่เห็นการต่อสู้ เขาเห็นแค่หมอกทรายที่เกิดจากการที่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทรายถูกฉีกจนแหลกละเอียด หูของเขาดังก้องไปด้วยเสียงคำรามของมังกร

 

“ร่างกายจริงๆของพ่อข้าอยู่ลึกลงไปในทะเลทรายสามโลก ทรายพวกนี้เป็นแค่สิ่งที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของเขา” หลี่เคอเอ๋ออธิบายพร้อมกับหัวเราะ เธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพ่อเธอ แต่เธอรู้ว่าเขาจะปลอดภัย เพราะจริงๆแล้วเขาอยู่ลึกลงไปในทะเลทราย

 

หานเซิ่นมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งทะเลทรายปกคลุมไปด้วยหมอก แต่หลังจากที่มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น การสั่นสะเทือนของทะเลทรายก็หยุดลง หลังจากนั้นหมอกทรายทั้งหมดก็ค่อยๆจางหายไป เทพแห่งทะเลทรายปรากฏให้เห็นที่ขอบฟ้าและเข้ามาทางพวกเขาเพื่อบอกว่าพวกเขาสามารถเข้าไปได้แล้ว

 

“พ่อฆ่าซีโน่เจเนอิคนั่นหรอ? มันเป็นระดับอะไรกัน?” หลี่เคอเอ๋อถามด้วยความสงสัย

 

“พ่อไม่รู้ มันถูกลากเข้าไปในโลกปฏิสสาร” เทพแห่งทะเลทรายตอบ หลังจากนั้นเขาก็จางหายไป

 

หลี่เคอเอ๋ออยากจะถามเพิ่มอีก แต่เขาได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอจึงเริ่มเดินทางข้ามทะเลทรายร่วมกับหานเซิ่นต่อ

 

การต่อสู้ครั้งใหญ่นั้นเปลี่ยนแปลงดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทรายแห่งนี้ สิ่งก่อสร้างประหลาดและสิ่งของหลายอย่างเผยขึ้นมาให้เห็นจากใต้ทราย และสิ่งก่อสร้างที่ล้ำสมัยและยานรบที่เคยมีให้เห็นตอนนี้ได้หายไปแล้ว หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันถูกทำลายหรือว่าถูกฝังอยู่ใต้ทะเลทรายกันแน่

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆ ในตอนที่พวกเขาไปถึงตำแหน่งที่อสูรยักษ์ตัวนั้นร่วงลงมา เขาก็เห็นว่าทรายบริเวณนั้นถูกย้อมเป็นสีแดงอย่างกว้างขวาง แต่เขาไม่เห็นร่างของอสูรยักษ์ตัวนั้น

 

“น่าเสียดายที่อสูรตัวนั้นถูกดูดเข้าไปในโลกปฏิสสาร ถึงแม้มันจะบาดเจ็บ แต่มันก็ต่อสู้กับพ่อของข้าได้เป็นเวลานาน ดังนั้นมันจะต้องเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วาเป็นอย่างน้อย” หลี่เคอเอ๋อมองไปที่ทรายสีแดงอย่างเสียดาย

หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าเสียดายเช่นเดียวกัน ถ้าเขาแทงใส่มันสักครั้ง เขาก็อาจจะได้รับวิญญาณอสูรมา ซีโน่เจเนอิคนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ดังนั้นวิญญาณอสูรของมันก็คงจะทรงพลังไม่แพ้กัน

 

หานเซิ่นยังคงมองไปรอบๆขณะที่เดินตามหลี่เคอเอ๋อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องหยุดชะงักไป ในระยะที่ไกลออกไปในทะเลทราย หานเซิ่นเห็นหอคอยที่สร้างขึ้นมาจากหิน

 

หอคอยเก่านั้นเอนอยู่อย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนกับว่ามันจะล้มลงได้ทุกเมื่อ หานเซิ่นมองไปที่ป้ายของหอคอยหินที่เขียนเอาไว้ว่า “หอคอยแห่งโชคชะตา”

 

หอคอยนั้นมีสไตล์เดียวกันกับหอคอยแห่งโชคชะตาที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงครอบครอง

 

หานเซิ่นอึ้งกับภาพที่เห็น แต่เขารีบยับยั้งความคิดของตัวเองเอาไว้ในทันที เขาจะปล่อยให้ความทรงจำเกี่ยวกับหอคอยนี้เล็ดลอดออกมาไม่ได้

 

หลี่เคอเอ๋อสัมผัสได้ว่าจิตใจของหานเซิ่นดิ้นรนกับบางสิ่ง เธอมองออกไปที่หอคอยหินเช่นเดียวกัน หลังจากที่มองมันอยู่สักพัก เธอก็พูดขึ้นมา
“ข้าไม่เคยเห็นหอคอยนั่นมาก่อน มันคงจะถูกเผยออกมาจากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เจ้ารู้จักมันอย่างนั้นหรอ?”

 

“มันเป็นหอคอยหินเดียวกันกับที่ข้าเคยเห็นในตอนที่อยู่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง” หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้จากหลี่เคอเอ๋อได้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงอธิบายมันเล็กน้อย

 

หลี่เคอเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้า “เมื่อเจ้าพูดถึงมันขึ้นมา ข้าก็จำได้ว่ามันมีอะไรแบบนั้นอยู่จริงๆ ในตอนที่ข้าไปเยือนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าเคยเห็นหอคอยที่เหมือนกับหอคอยนี่”

 

“ไปกันเถอะ พวกเราควรไปตรวจดูมัน” หลี่เคอเอ๋อเสนอ

 

เธอไม่ได้สนใจในหอคอย แต่เธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นพยายามจะยับยั้งความปรารถนาที่จะไปที่นั่น หานเซิ่นพยายามจะยับยั้งความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของหอคอยแห่งโชคชะตาเอาไว้ ดังนั้นหลี่เคอเอ๋อจึงไม่เห็นทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับมัน แต่การควบคุมจิตใจของเขาทำให้หลี่เคอเอ๋อรู้ว่าหอคอยนั่นต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นหานเซิ่นก็คงจะไม่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมความคิดของตัวเอง

 

“การถูกจับตามองนี่แย่ชะมัด” หานเซิ่นถอนหายใจและตามหลี่เคอเอ๋อไปที่หอคอยแห่งโชคชะตา

 

หอคอยนั้นดูเก่ามากๆ แต่ถึงภายนอกของมันจะดูเก่า มันก็ไม่ได้เสื่อมโทรมแต่อย่างใด หลี่เคอเอ๋อเอื้อมมือไปหาประตูเพื่อเปิดมัน ประตูหินนั้นถูกเปิดออกได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด

 

พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน หอคอยนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นและทราย แต่นอกจากนั้นแล้วมันว่างเปล่า มันดูเหมือนกับหอคอยธรรมดาทั่วไป

 

“ขึ้นไปดูข้างบนกันเถอะ” หลี่เคอเอ๋อเดินขึ้นบันไดไป

 

หานเซิ่นตามหลี่เคอเอ๋อไป ขณะที่ยังคงพยายามยับยั้งข้อมูลที่อาจจะผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา

 

ชั้นที่สองก็ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน มันไม่มีอะไรอยู่ที่นี่ แต่หลี่เคอเอ๋อไม่ยอมแพ้เพียงแค่นั้น เธอเดินขึ้นไปสู่ชั้นต่อไป ทั้งหอคอยดูเหมือนจะว่างเปล่าจนกระทั่งพวกเขาไปถึงที่ชั้นที่เจ็ด

 

“มันมีใครบางคนอยู่ที่นี่” หลี่เคอเอ๋อมองแท่นหินที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องด้วยความตกใจ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset