“ทำไมข้าต้องให้เจ้าดูด้วย?” หานเซิ่นถาม เสียงของเขาฟังดูผ่อนคลาย เขาค่อยๆม้วนกระดาษและหันไปมองที่หลี่อวี้เจิน
หลี่อวี้เจินมองหานเซิ่นด้วยความดูถูก หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา
“ตอนนี้เจ้าเข้าร่วมกับเผ่าเวรี่ไฮแล้ว”
“นั่นก็ใช่ แล้วมันยังไง?” ใบหน้าของหานเซิ่นยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก
แทนที่จะโมโห หลี่อวี้เจินกลับยิ้มและพูดขึ้นมา “ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าถ้าเวรี่ไฮคนหนึ่งสั่งบางสิ่งกับเจ้า เจ้าจะปฏิเสธไม่ได้”
“โอ้ เป็นอย่างนั้นเองหรอ? แต่ข้าเพิ่งจะพูดปฏิเสธไป เจ้าจะทำยังไงกับเรื่องนั้น?” หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นคิดว่าหลี่อวี้เจินกำลังจะโจมตีเขา แต่ดูเหมือนว่าหลี่อวี้เจินจะไม่ทำอะไรแบบนั้น เขาแค่จ้องมองมาที่หานเซิ่นต่อไป หลังจากนั้นดวงตาที่สามบนหน้าฝากของเขาก็เปิดออก ม่านตาสีขาวดำของเขาเป็นเปลี่ยนหยินหยางที่เหมือนกับสัญลักษณ์ของไท่เก๊ก
ตอนนี้สายตาของหลี่อวี้เจินดูเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และนั่นทำให้หานเซิ่นต้องขมวดคิ้ว
หลี่อวี้เจินมองไปที่แผ่นกระดาษสีเหลืองของหานเซิ่นและเขาก็พูดด้วยความดูถูก “ข้าก็คิดว่าเจ้าตกอะไรดีๆขึ้นมาได้ แต่มันเป็นเพียงแค่ภาพโป๊ เห็นได้ชัดว่าข้าประเมินเจ้าสูงเกินไป”
หลังจากนั้นหลี่อวี้เจินก็เลิกสนใจหานเซิ่น เขากลับไปที่จุดตกปลาและเริ่มทำการตกปลาต่อ
หลังจากที่หลี่อวี้เจินนั่งลงและตกปลาได้ไม่นาน เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง และดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง
หลี่อวี้เจินรีบดึงสายขึ้นมา ซึ่งไม่ว่าอะไรก็ตามที่ติดกับเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ขึ้นมาจะต้องเป็นอะไรที่หนักมากๆ
ปัง!
หลังจากที่ชักเย่อกับสิ่งที่อยู่ใต้เมฆหมอกกว่าสิบนาที ในที่สุดหลี่อวี้เจินก็ดึงมันขึ้นมาจากทะเลสาบได้สำเร็จ วัตถุนั้นลอยเป็นเส้นโค้งและร่วงลงบนฝั่ง
หานเซิ่นหันไปมองและสังเกตเห็นดาบทองคำเล่มใหญ่ที่ดูคล้ายคลึงกับดาบที่เป่าเอ๋อได้รับ แต่มันดูหยาบกว่ามาก มันเป็นเพียงแค่ดาบทองคำเล่มใหญ่ที่ขาดความหรูหรา
หลี่อวี้เจินมองดูดาบที่ได้รับด้วยความตื่นเต้น เขาพูดกับตัวเอง
“โกลด์สแลช… นี่คือโกลด์สแลชระดับเทพเจ้า? ลุงเจ็ดพูดถูก ในที่สุดโชคของข้าก็พลิกผัน”
เขาหยิบดาบทองคำขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยความดีใจ เขาดูจะชอบสิ่งที่เพิ่งตกขึ้นมาได้มากๆ และหลังจากที่ชื่นชมมันจนเต็มเอ็มแล้ว เขาก็เก็บเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์และเดินจากไปพร้อมกับดาบทองคำในมือ
เมื่อหลี่อวี้เจินเดินผ่านหานเซิ่น เขาก็มองมาที่หานเซิ่นและทำเหมือนกับว่ากำลังพูดกับตัวเอง แต่คำพูดเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ต้องการให้หานเซิ่นได้ยิน “นี่เป็นโชคที่แยกเจ้าจากข้า เจ้าตกได้แค่ภาพโป๊ที่ไร้ประโยชน์ ขณะที่ข้าได้รับสมบัติระดับเทพเจ้า”
“จริงอย่างนั้นหรอ? เจ้าจะบอกว่าดาบห่วยๆเล่มนั้นเป็นสมบัติระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่โง่เขลาซะจริง! โกลด์สแลชนั้นเป็นสมบัติที่ตกได้ยากมากๆ มันต้องเป็นระดับเทพเจ้าเป็นอย่างน้อย ถึงแม้มันจะเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ แต่มันก็ดีกว่าภาพสกปรกของเจ้ามาก” หลี่อวี้เจินพูด
“นั่นหมายความว่ามันยังมีโกลด์สแลชขั้นสูงกว่าถูกไหม?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอนว่ามันมีอยู่ หนึ่งในผู้นำของพวกเราเคยตกโกลด์สแลชขั้นบัตเตอร์ฟลายขึ้นมา แต่นั่นไม่สำคัญอะไรกับเจ้า เชิญเจ้าตกเอาภาพโป๊สกปรกๆต่อไป… ฮ่าๆ!” หลี่อวี้เจินถือดาบอย่างภาคภูมิและหัวเราะเสียงดังขณะที่เดินจากไป
หานเซิ่นไม่ใส่ใจอะไรกับสิ่งที่ชายคนนั้นพูด เขาคิดกับตัวเอง ‘ดูเหมือนว่าดาบที่เป่าเอ๋อได้รับจะเป็นโกลด์สแลชเช่นเดียวกัน แต่เห็นได้ชัดว่าของเป่าเอ๋อนั้นขั้นสูงกว่า แต่มันอยู่ขั้นไหนยังต้องระบุอีกที’
หลังจากที่หลี่อวี้เจินจากไปแล้ว หานเซิ่นก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่มีใครคอยจับตาดูเขาแล้ว
หานเซิ่นมีแผนที่จะตกบางสิ่งขึ้นมาจากทะเลสาบอีกสักชิ้นก่อนที่จะมอบเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ให้กับเป่าเอ๋อ
ไม่นานหลังจากนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกว่าเส้นไหมอันเดอร์เวิลด์กระตุก มันมีบางสิ่งมาติดที่ปลายเส้นไหมของเขา
หานเซิ่นคิดว่ามันคงจะเป็นแค่กระดาษเหลืองอีกแผ่น แต่สิ่งที่เขาดึงขึ้นมาเป็นสีดำ มันไม่ใช่กระดาษแผ่นสีเหลืองเหมือนกับครั้งก่อนๆ
“นี่เราโชคดีขึ้นแล้วอย่างนั้นหรอ?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารีบหยิบวัตถุสีดำมาดูใกล้ๆ
เมื่อหานเซิ่นเห็นชัดๆว่ามันคืออะไร เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา วัตถุใหม่ที่เขาตกขึ้นมาได้นั้นเป็นแผ่นกระดาษเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้มันเป็นสีดำและมันก็หนากว่าแผ่นกระดาษสีเหลืองก่อนหน้านี้มาก
“นี่ข้าต้องตกกระดาษให้ครบเจ็ดสีเลยหรือยังไง? นี่ข้าจะอัญเชิญมังกรออกมาได้หลังจากที่เก็บพวกมันจนครบอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นบ่นขณะที่เอามันมาดูใกล้ๆ
แต่สิ่งที่ได้เห็นทำให้หานเซิ่นอึ้งไป กระดาษแผ่นใหม่นี้แตกต่างไปจากแผ่นอื่น ความหนาของมันดูเหมือนกับปกของหนังสือ นอกจากนั้นมันยังมีคำสามคำเขียนเอาไว้
“คัมภีร์นภาอำพัน นี่คงจะไม่ได้เป็นปกของกระดาษสีเหลืองพวกนั้นหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นแปลกใจ เขาพลิกอีกด้านหนึ่งเพื่อดูตัวอักษรด้านในของปก
“ถ้าผู้คนตกอยู่ในกลียุค ท้องฟ้าและผืนดินก็จะตกอยู่ในกลียุค และทั้งฟ้าและผืนดินก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง”
หานเซิ่นตกใจ ตัวอักษรเหล่านี้คือบทนำของคัมภีร์นภาอำพัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกระดาษสีเหลืองพวกนั้น
‘มันคงจะไม่ได้เป็นปกของกระดาษสีเหลืองพวกนั้น บางทีมันอาจจะเป็นปกของหนังสือเล่มอื่น?’ หานเซิ่นคิดว่าสถานการณ์ทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่แปลก
หานเซิ่นดูลังเล ขณะที่เป่าเอ๋อเริ่มทำการตกปลา เขาก็นำเอากระดาษสีเหลืองทั้งหมดออกมา เขาสังเกตเห็นว่ากระดาษสีเหลืองทั้งหมดมีหมายเลขหน้ากำกับอยู่ ดังนั้นหานเซิ่นจึงเรียงลำดับพวกมันตามหมายเลข แต่ทว่ามันยังคงมีหลายหน้าที่ขาดหายไป หมายเลขหน้าสูงสุดคือสองร้อยห้าสิบสี่ แต่หานเซิ่นมีกระดาษอยู่แค่ยี่สิบแผ่นเท่านั้น
หานเซิ่นนำพวกมันไปวางคู่กับปกของคัมภีร์นภาอำพันและสังเกตเห็นว่าขนาดของพวกมันพอดีกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าปกนี้เป็นของกระดาษสีเหลืองจริงๆหรือเปล่า
หานเซิ่นคิดว่านี่เป็นอะไรที่แปลก เขามองไปที่รูปภาพบนกระดาษสีเหลือง และในตอนที่เขามองดูพวกมัน เขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาด
ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ารูปพวกนี้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ชายบ้ากามในสมัยอดีตวาดขึ้นมา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตพวกมันอย่างละเอียด แต่ตอนนี้เมื่อเขามองดูดีๆ เขาก็สังเกตได้ถึงบางสิ่ง
คนในภาพวาดปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดสีฟ้าและแดง เส้นที่ถูกวาดเอาไว้นั้นบางมากๆ ถ้าหานเซิ่นไม่มองดูดีๆ เขาก็จะไม่สังเกตเห็นพวกมันเลย ภาพที่ถูกวาดนั้นเป็นอะไรที่สมจริงมากๆแม้แต่เส้นเลือดของคนในภาพก็ถูกวาดเอาไว้
แต่หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียด หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าพวกมันไม่ใช่เส้นเลือด เส้นสีฟ้าเล็กๆนั่นควรจะเป็นเส้นลมปราณ ขณะที่เส้นสีแดงควรจะเป็นเส้นพลังชีวิต
หานเซิ่นตกใจ เขาคิดกับตัวเอง ‘นี่ไม่ใช่ภาพโป๊ แต่มันเป็นวิชาจีโน! แต่ทำไมวิชาจีโนถึงเป็นแบบนี้? มันจะถูกเข้าใจผิดได้ง่ายๆ’
ความจริงที่มันไม่มีคำบรรยายอะไรถูกเขียนเอาไว้ บวกกับหานเซิ่นยังขาดกระดาษสีเหลืองอีกหลายหน้า ทำให้เขายังไม่แน่ใจอย่างเต็มที่ว่ามันเป็นวิชาจีโนจริงๆ แต่ยังไงก็ตามมันก็ทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมา
หานเซิ่นเริ่มผลัดกับเป่าเอ๋อใช้เส้นไหมอันเดอร์เวิลด์ในการตกปลาอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตกกระดาษเหลืองอีกแผ่นขึ้นมาได้