“ข้าจะพาพวกมันออกไปจากคอร์แอเรียได้ยังไงกัน?”
หานเซิ่นสงสัยขณะที่บินเข้าไปหาจระเข้น้อยและเตาหลอมทองแดง พวกมันดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าซีโน่เจเนอิคตัวอื่นเห็นพวกมัน ซีโน่เจเนอิคเหล่านั้นก็คงจะรีบวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด นี่ทำให้หานเซิ่นดีใจ
เตาหลอมทองแดงนั้นใกล้จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ส่วนจระเข้น้อยก็ทรงพลังอยู่แล้ว ถ้าเขาพาพวกมันออกไปจากคอร์แอเรียได้ พลังของพวกมันก็จะเป็นประโยชน์มากๆ
ตลอดหนี่งปีที่ผ่านมา หานเซิ่นอ่านข้อมูลมากมายเกี่ยวกับคอร์แอเรีย ซึ่งพวกมันส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ปราสาทนภาได้ทำการเก็บรวบรวมเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่รู้วิธีที่จะพาคอร์ซีโน่เจเนอิคออกไปจากคอร์แอเรีย
นอกซะจากเขาจะฆ่าพวกมันและเอายีนคอร์ซีโน่เจเนอิคไป มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพาพวกมันออกไป
จระเข้น้อยไม่พอใจที่หานเซิ่นหายตัวไปเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนั้นเมื่อมันเห็นเขา มันก็เริ่มจะส่งเสียงคำรามใส่เขาราวกับว่ามันกำลังต่อว่าเขา
หานเซิ่นจึงนำสิ่งของประนีประนอมที่เตรียมเอาไว้ออกมา ซึ่งมันคือแว่นกันแดนที่สร้างขึ้นสำหรับจระเข้ตัวหนึ่ง
จระเข้น้อยมองไปที่แว่นกันแดดด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันลืมเกี่ยวกับการต่อว่าหานเซิ่นไปจนหมด
หานเซิ่นสวมแว่นกันแดนให้กับจระเข้น้อย โชคดีที่มันโตขึ้นมาหน่อย แว่นกันแดนจึงไม่ใหญ่จนเกินไป หานเซิ่นสามารถสวมมันบนใบหน้าของจระเข้น้อยได้อย่างง่ายดาย
“เท่มากๆ” หานเซิ่นมองจระเข้น้อยที่สวมแว่นกันแดดและยกนิ้วให้กับมัน
ตอนนี้จระเข้น้อยดูเหมือนกับหัวหน้าแก๊ง มันดูน่าเกรงขามอย่างมาก นอกจากนั้นแว่นกันแดนยังช่วยซ่อนดวงตาของมัน
จระเข้น้อยดูเหมือนจะชื่นชอบแว่นกันแดน มันดูอวดดีอย่างมากขณะที่สวมใส่แว่น
หานเซิ่นต้องการใช้พลังของจระเข้น้อยเพื่อฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มหาพวกมันจากที่ไหน เตาหลอมทองแดงนำทางพวกเขาอยู่ครึ่งวัน แต่พวกเขาก็เจอแค่คอร์ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน พวกเขาไม่สามารถหาซีโน่เจเนเอิคระดับเทพเจ้าได้
ถ้าไม่มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าให้ล่า หานเซิ่นก็ไม่มีอารมณ์จะเดินทางต่อ เขาหาโอกาสในตอนที่จระเข้น้อยไม่ได้มองเพื่อแอบออกไปจากคอร์แอเรีย แต่ขณะที่หานเซิ่นกำลังก้าวผ่านประตูสู่คอร์แอเรียฮลล์ จระเข้น้อยก็กระโดดขึ้นบนหลังของเขา
หานเซิ่นตอบสนองช้าเกินไป เขาได้ก้าวเข้าไปภายในคอร์แอเรียฮอลล์เรียบร้อยแล้ว
หานเซิ่นคิดว่าพลังของคอร์แอเรียฮอลล์จะป้องกันจระเข้น้อยจากการเข้ามา แต่ทว่าเมื่อเขามองหลังของตัวเอง เขาก็เห็นว่าจระเข้น้อยยังคงอยู่บนไหล่ของเขา พวกเขาเข้ามาภายในคอร์แอเรียฮอลล์ร่วมกัน
จระเข้น้อยคำรามใส่หานเซิ่นด้วยความโกรธ ดูเหมือนมันกำลังบอกว่าหานเซิ่นผิดสัญญา แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการคำรามของจระเข้น้อย เขายกมันออกจากไหล่และพูดกับตัวเอง
“ไม่มีทาง คอร์ซีโน่เจเนอิคไม่ควรจะเข้ามาในคอร์แอเรียฮอลล์ได้ สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ตอนนี้จระเข้น้อยกระโดดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มันเป็นเพราะการปรับแต่งของคริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าทำไมจระเข้น้อยถึงเข้ามาในคอร์แอเรียฮอลล์ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งคำถาม นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
หานเซิ่นกลั้นหายใจขณะที่มองไปที่จระเข้น้อยโดยหวังว่ามันจะกลับไปที่จักรวาลจีโนพร้อมกับเขา ซึ่งมันได้ผล และนั่นก็ทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก
จระเข้น้อยมาอยู่ในห้องของหานเซิ่น มันมอบไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันดูเหมือนจะสนใจทุกสิ่งที่ได้เห็น
“เจ้าตัวน้อยนี่เป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าศักยภาพเก้าดาว มันจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตในสักวันหนึ่ง” หานเซิ่นตื่นเต้นอย่างมาก แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมันดูดีๆ เขาก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
หานเซิ่นใช้ตัวตนของดอลลาร์ในตอนที่พบจระเข้น้อย ซึ่งถ้าเขาพาจระเข้น้อยมาที่ปราสาทนภา และถ้าเอ็กซ์ควิสิทมาเห็นมันเข้า เธอก็จะรู้ว่าเขาคือดอลลาร์
“ไม่ได้ เราจะปล่อยให้จระเข้น้อยอยู่ที่นี่ไม่ได้” หานเซิ่นเมินเฉยต่อการต่อต้านของจระเข้น้อยและพามันกลับเข้าไปในคอร์แอเรีย
จระเข้น้อยคำรามใส่เขา เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจที่หานเซิ่นส่งมันกลับมา
หานเซิ่นพยายามเกลี้ยกล่อมมัน เขาให้สัญญาว่าจะพามันออกมาในสักวันหนึ่ง และเมื่อถึงวันนั้น มันก็จะได้รับของขวัญมากมาย นั่นเป็นหนทางเดียวที่หานเซิ่นจะทำให้มันใจเย็นลง
หานเซิ่นลองพาเตาหลอมทองแดงเข้าในคอร์แอเรียฮอล์เช่นกัน แต่มันเด้งออกไปในทันที ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่จระเข้น้อยเท่านั้นที่ตามเขาออกไปได้
‘ดูเหมือนว่าที่จระเข้น้อยออกไปได้จะเป็นเพราะการปรับแต่งของคริสตัลไลเซอร์’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาไม่พาจระเข้น้อยไปซ่อนเอาไว้ที่ไหนได้ ถ้าเขาพามันมายังจักรวาลจีโน
หานเซิ่นไม่สามารถเก็บมันเอาไว้ในปราสาทนภาได้ เขาพยายามคิดหาสถานที่ที่จะให้มันอยู่ไปสักพัก แต่เขาก็คิดอะไรไม่ออก การปล่อยให้จระเข้ระดับเทพเจ้าท่องอวกาศนั้นเป็นอะไรที่เสียของ และหานเซิ่นก็เป็นห่วงความปลอดภัยของมัน
จักรวาลจีโนไม่เหมือนกับคอร์แอเรีย ถึงแม้จระเข้น้อยจะเหมือนเป็นผู้ปกครองภายในคอร์แอเรีย แต่ในจักรวาลจีโนที่กว้างใหญ่ มันมีซีโน่เจเนอิคอีกมากที่สามารถฆ่ามันได้
ตอนนี้หานเซิ่นยังไม่มีตัวเลือกดีๆ ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ปราสาทนภาตามลำพัง
หานเซิ่นมีแผนจะไปที่ดาวอุปราคาและติดต่อหาหวังอวี่ฮังและเซี่ยชิงเพื่อถามว่าพวกเขาพอจะมีสถานที่ให้จระเข้น้อยอยู่อาศัยบ้างไหม แต่ก่อนที่เขาจะออกไปจากเกาะหยกน้อย ไผ่เดียวดายก็เข้ามาหาเขาที่เกาะ
“หานเซิ่น ตอนนี้บาดแผลของเจ้าคงจะหายดีแล้วใช่ไหม?” ไผ่เดียวดายถามหานเซิ่น
“ข้าพื้นตัวราวๆแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” หานเซิ่นตอบ
“นั่นพอดีเลย ข้ากำลังจะไปที่เมืองราชาขาวเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ไผ่เดียวดายพูด
“เมืองราชาขาว? ข้าไม่มีบัตรผ่านที่นั่น”
เมืองทั้งห้านั้นจำเป็นต้องมีบัตรผ่านเฉพาะอยู่ หานเซิ่นมีแค่บัตรผ่านเข้าไปในเมืองราชาดำ ดังนั้นเขาไม่สามารถเข้าไปในอีกสี่เมืองได้
ไผ่เดียวดายโยนบัตรผ่านให้กับหานเซิ่นพร้อมกับพูด “ตอนนี้เจ้าก็มีมันแล้ว”
“ก็ได้ แต่อย่างน้อยๆเจ้าก็ควรบอกข้าก่อนว่าเมืองราชาขาวเป็นยังไง” หานเซิ่นพูดขณะที่รับบัตรผ่านเอาไว้
“พวกเราค่อยคุยกันระหว่างเดินทาง” ไผ่เดียวดายพูดขณะที่เริ่มเดินไปทางสถานหยกขาว
หานเซิ่นตามไป และไผ่เดียวดายก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับเมืองราชาขาว
มันแตกต่างไปจากเมืองราชาดำ เมืองราชาขาวนั้นมีซีโน่เจเนอิคที่เป็นระดับราชันหรือสูงกว่า แม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าก็ป้วนเปี้ยนอยู่ภายในนั้น แต่ซีโน่เจเนอิคของเมืองราชาขาวนั้นไม่ปกติ พวกมันแตกต่างไปจากซีโน่เจเนอิคที่พบเห็นได้ที่อื่น หลังจากที่ไผ่เดียวดายอธิบายเกี่ยวกับเมืองราชาขาว ดวงตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเมืองราชาขาวเป็นเหมือนกับสนามประลองขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องฆ่าซีโน่เจเนอิคในสนามประลองเพื่อจะได้รับไข่ของพวกมัน?” หานเซิ่นถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ก็ทำนองนั้น ถ้าพลังของเจ้าเพียงพอ เจ้าจะฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและเอาไข่ของพวกมันไปก็ได้” ไผ่เดียวดายยืนยันด้วยการพยักหน้า
“มันมีสถานที่ดีๆแบบนั้นอยู่ด้วยหรอเนี่ย? เจ้าควรจะบอกข้าให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นดีใจ