“มันต้องเป็นเพราะแส้เหล็กนี่แน่ๆ” หานเซิ่นกัดฟัน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหาสาเหตุของปัญหามากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหาได้ นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นไม่สบายใจมากที่สุดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนิงเยวี่ย ตอนนี้หานเซิ่นจึงกังวลว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
บุคลิกภาพและร่างกายของหนิงเยวี่ยถูกเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ตอนนี้หนิงเยวี่ยดูเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่ง หานเซิ่นกลัวว่าตัวเองจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นจิ้งจอกหรืออะไรทำนองนั้น เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดถึงสายตาที่เจ้าเสือขาวมองมาที่เขาได้ และเขาก็เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก เขารู้สึกตัวว่าเจ้าเสือขาวกำลังมองมาที่เขาแบบเดียวกับที่เขามองหนิงเยวี่ย
“เจ้าเสือขาวนั่นรู้อยู่แล้วว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” หานเซิ่นรู้สึกโกรธขึ้นมา
หานเซิ่นไม่สามารถหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ หลังจากนั้นเขาก็เลือกจะลองใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาต้องการดูว่าพลังอันไร้เทียมทานของร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะลบล้างผลของแส้เหล็กนี้ไปได้หรือเปล่า
หลังจากที่หานเซิ่นใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด หูและหางจิ้งจอกก็ถูกเผาผลาญหายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้หานเซิ่นถอนหายใจออกมา
“โชคดีที่เรามีร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอยู่ ไม่งั้นคงเป็นอย่างหนิงเยวี่ยไปแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่ทุบอกของตัวเอง
เมื่อจีเหยียนหรันและหลิงเอ๋อเห็นว่าหางและหูจิ้งจอกของหานเซิ่นหายไปแล้ว พวกเธอก็ดูผิดหวัง มันเหมือนกับว่าพวกเธอเพิ่งจะสูญเสียของเล่นโปรดไป
แต่หานเซิ่นไม่สนใจ เขาไม่ชอบที่จะดูประหลาด หลังจากที่ปิดใช้งานร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด เขาก็ลูบหัวและหลังของตัวเอง ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีแล้ว และเขาก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก
แต่ความดีใจของหานเซิ่นนั้นแสนสั้น ในวันเดียวกันขณะที่เขากำลังพาหลิงเอ๋อไปเดินเล่น ผู้คนบนถนนก็เริ่มจะหันมามองเขาอย่างแปลกๆ เมื่อสังเกตเห็นถึงเรื่องนั้น หานเซิ่นก็เริ่มจะรู้สึกกังวลขึ้นมา
เขาสัมผัสหัวตัวเองและรู้สึกตัวว่าหูจิ้งจอกงอกกลับมาอีกครั้ง หางเองก็เช่นกัน
ใบหน้าของหานเซิ่นเปลี่ยนไป ขณะที่หลิงเอ๋อดูดีใจ เธอนั่งบนไหล่ของหานเซิ่นและกำลังเล่นกับหูของเขา เธอลูบไล้พวกมันอย่างเบิกบาน
หานเซิ่นรีบหาสถานที่ที่ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ หลังจากนั้นเขาก็เทเลพอร์ตกลับไปที่บ้าน เขาใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อกำจัดความผิดปกติของร่างกายออกไป
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รีบกลับเข้าไปในจักรวาลจีโนโดยไม่ลังเล ที่นั่นเขาโยนแส้เหล็กทองแดงสีม่วงทิ้งลงไปในทะเลสีดำ เมื่อเขาแน่ใจว่าแส้เหล็กจมลึกลงไปใต้ท้องทะเลแล้ว เขาก็กลับเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าแส้เหล็กทองแดงสีม่วงมาติดอยู่ที่เข็มขัดบนเอวของเขา
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” หานเซิ่นตกใจ
ตอนนี้เขาอยู่ภายในก็อตแซงชัวรี่ แต่ถึงอย่างนั้นแส้เหล็กทองแดงสีม่วงก็ยังมาปรากฏอยู่ข้างเอวของเขาได้ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่แส้เหล็กทองแดงสีม่วงกลับมาอยู่ข้างกายเขาได้ไม่กี่วินาที หูและหางจิ้งจอกก็งอกกลับมาอีกครั้ง
หานเซิ่นพยายามจะกำจัดแส้เหล็กทิ้งไปหลายครั้ง แต่ถึงเขาจะนำมันไปทิ้งบนดวงดาวภายในคอร์แอเรีย เขาก็ไม่สามารถกำจัดมันไปได้อยู่ดี ในเวลาอันสั้นมันจะมาปรากฏตัวข้างกายเขาอีกครั้ง
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจว่าตัวเองประสบเคราะห์ร้ายเหมือนกับหนิงเยวี่ย อาวุธประหลาดอย่างหนึ่งตามติดเขาและมันไม่มีทางที่เขาจะกำจัดมันไปได้
ตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง เขาไม่ควรจะรับแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้มา ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็คงจะให้กู่ชิงเฉิงหรือจันทราสวรรค์เป็นคนเอามันไปใช้แทน มันจะเป็นอะไรที่ยอมรับได้มากกว่าถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะมีหูและหางของจิ้งจอก
แต่จะมาคิดเสียใจในตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เมื่อกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เห็นหานเซิ่น พวกเธอก็พยายามจะไม่หัวเราะออกมา พวกเธอแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าพวกเธอกำลังหัวเราะอย่างหนักจากภายใน
“นี่แกจะบอกฉันได้หรือยังว่ามันคืออะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่โยนแส้เหล็กทองแดงสีม่วงลงตรงหน้าเสือขาว
“เหมียว” เสือขาวส่งเสียงร้องและยิ้มด้วยดวงตาที่เหมือนกับพระจันทร์
หานเซิ่นไม่ได้พูดภาษาของมัน แต่เขารู้ว่ามันกำลังหัวเราะเขา
“แกรีบบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่านี่คืออะไร และฉันจะกำจัดมันไปได้ยังไง ถ้าแกไม่บอกมาล่ะก็ ฉันจะถลกหนังของแกทั้งเป็น” หานเซิ่นขมขู่และกระชากเจ้าเสือขาวอย่างเกรี้ยวโกรธ
เจ้าเสือขาวส่งเสียงเหมียวออกมาเบาๆ แต่หานเซิ่นไม่เข้าใจว่ามันพยายามจะบอกอะไร เมื่อหานเซิ่นยอมปล่อยมันไป มันก็รีบหนีหายไป
หานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรได้ เขาพยายามจะแยกตัวออกจากอาวุธนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่เขาไม่สามารถเป็นอิสระจากมันได้
แต่โชคดีที่สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายไปมากกว่านี้ นอกจากหูและหางจิ้งจอกแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของเขา
ข้อดีอย่างเดียวของเรื่องทั้งหมดก็คือความจริงที่เห็ดจะไม่เป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่นอีกต่อไป ตั้งแต่ที่หางและหูจิ้งจอกงอกออกมา เห็ดก็ไม่งอกขึ้นมาบนหัวของเขาอีก
“เห็ดหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันมีหูจิ้งจอกมาแทนที่ นี่พวกมันคิดว่าสมองของฉันเป็นอะไร? โรงแรมอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกโกรธมากๆ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
“พ่อ แบบนี้พ่อดูดีมากๆ” เป่าเอ๋อเอนหัวไปด้านข้างขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
“ดูดีอะไรกันล่ะ” หานเซิ่นหดหู่ แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับมัน เขาไม่สามารถใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อกำจัดพวกมันออกไปทุกๆ 5 นาทีได้
“นายจะเคยชินกับมัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน” หนิงเยวี่ยพูดออกมา
หานเซิ่นมองรูปลักษณ์ผู้หญิงของหนิงเยวี่ยและรู้สึกหนาวขึ้นมา เขาคิดกับตัวเอง ‘ไม่มีทาง ฉันต้องหาทางกำจัดพวกมันออกไปให้ได้’
แต่ถึงหานเซิ่นจะแน่วแน่เพียงไหน ความเป็นจริงก็ดูเหมือนจะทำให้เขาต้องผิดหวัง โลกจริงนั้นโหดร้าย หานเซิ่นได้ใช้วิธีต่างๆมากมายเพื่อกำจัดหูและหางจิ้งจอก แต่มันไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล
วันนั้นขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะกำจัดรูปลักษณ์จิ้งจอก จู่ๆเขาก็เห็นการแยกของมิติที่รุนแรง มีดลมปราณสีม่วงที่น่ากลัวตัดหมอกหนาลงมา
“นั่นมัน…พลังเขี้ยว…” เมื่อเห็นมีดลมปราณนั่น หานเซิ่นก็รู้สึกแปลกใจ มันมีเพียงแค่คนเดียวที่สามารถใช้พลังเขี้ยวแบบนั้นได้
วินาทีต่อมา หานเซิ่นก็เห็นเงาหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างที่เกิดขึ้นเพื่อลงมาบนเกาะในท่าคุกเข่า บุคคลคนนั้นสวมใส่ชุดเกราะม่วงที่ดูเท่มากๆ
“อาจารย์!” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นอี๋ซาที่นี่
“รีบตามข้ามา เรามีเวลาไม่มาก!” อี๋ซาพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา
แต่หานเซิ่นรู้ว่าเธอต้องใช้ความพยายามเพื่อมาถึงที่นี่ หานเซิ่นสามารถเห็นว่าชุดเกราะของอี๋ซาเต็มไปด้วยรอยตัดและรอยบุบ มันทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง
อี๋ซาเป็นอาจารย์ของเขา แต่มีอาจารย์น้อยคนนักที่จะยินดีตัดท้องของแมงมุมหลุมดำเพื่อเข้ามาช่วยลูกศิษย์ของตัวเอง
หานเซิ่นรีบรวบรวมผู้คนขึ้นมาบนวาฬขาว หลังจากนั้นเขาก็ตามอี๋ซาผ่านหมอกหนาไป
ใบหน้าของอี๋ซายังคงดูสงบนิ่ง เธอปลดปล่อยพลังเขี้ยวที่ตัดผ่านหมอกหนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดไป อี๋ซาพาหานเซิ่นและคนอื่นเข้าไปในช่องว่างของมิติที่พลังเขี้ยวของเธอสร้างขึ้น