“ไว้ชีวิตพวกเขา ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องถามพวกเขา” หานเซิ่นพูดกับจันทราสวรรค์ที่กำลังจะปลิดชีวิตจี๋หยางเซิง
จันทราสวรรค์ลดร่มกระดาษลงและมองจี๋หยางเซิงกับคนอื่นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ทั้ง 3 คนที่ถูกไว้ชีวิตนั้นบาดเจ็บหนัก ถึงแม้จะมองเผินๆ มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่
แถมพวกเขายังตกอยู่ภายใต้อาณาเขตตงเสวียน ดังนั้นพวกเขาไม่มีหวังที่จะหนีไปได้
“จี๋หยางเซิง เดม่อนดอลล์นี่มันคืออะไร?” หานเซิ่นมองจี๋หยางเซิงที่มีเลือดไหลออกมาทั่วตัว
“ในตอนนี้เมื่อข้าตกอยู่ในกำมือของเจ้า เจ้าก็ฆ่าข้าได้เลยถ้าเจ้าต้องการ แต่ข้าจะไม่มอบข้อมูลอะไรให้กับเจ้า” จี๋หยางเซิงพูด
หานเซิ่นยิ้ม ดูเหมือนว่าจี๋หยางเซิงไม่คิดจะยอมบอกข้อมูลอะไร ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะใช้พวกมันในการต่อรองแทนที่จะพยายามทำตัวกล้าหาญแบบนี้
หานเซิ่นสะบัดมือและเดม่อนระดับครึ่งเทพทั้ง 2 คนก็หายตัวไปในแสงสีรุ้ง พวกเขาสลายจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“จี๋หยางเซิง บอกข้ามาว่าเจ้าได้เดม่อนดอลล์มาจากไหนและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” หานเซิ่นพูดอย่างช้าๆ
จี๋หยางเซิงมีสีหน้าที่ซับซ้อน ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดด้วยความมั่นใจเหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมา
“ถ้าข้าบอกเจ้า เจ้าจะยอมไว้ชีวิตข้าจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “จี๋หยางเซิง ถึงแม้เจ้าจะหลงตัวเอง แต่เจ้าไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งในสายตาของข้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรในชีวิตของข้า ดังนั้นข้าไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
จี๋หยางเซิงกัดฟันและมองมาที่หานเซิ่น มันเหมือนกับว่าเขากำลังทำการตัดสินใจครั้งใหญ่
“โอเค ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์ แต่เจ้าต้องให้สัญญาว่าเจ้าจะปล่อยข้าไป”
ใบหน้าของหานเซิ่นดูเย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและรวบรวมแสงสีรุ้งในมือ
“โอเค ข้าจะบอกเจ้า! ข้าจะบอกเจ้า!” จี๋หยางเซิงตื่นตระหนก
ในตอนแรกจี๋หยางเซิงคิดว่าหานเซิ่นทำผิดพลาดในการฆ่าเดม่อนที่เหลือคนอื่นอีก 2 คนไป จี๋หยางเซิงคิดว่าถ้าเขาเป็นคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ หานเซิ่นก็จะไม่ฆ่าเขาด้วยความปราณนาที่อยากจะรู้ความลับของเดม่อนดอลล์ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจะถูกบังคับให้ทำการต่อรอง
แต่ตอนนี้เขารู้สึกตัวว่าหานเซิ่นมีพลังที่สามารถฆ่าครึ่งเทพ 2 คนอย่างง่ายดาย นั่นหมายความว่าเขาเองก็จะถูกฆ่าตายได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน ความลับที่เขามีอยู่นั้นดูไม่ได้มีค่าอะไรกับหานเซิ่นมากนัก
“อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าพูดโกหก ไม่อย่างนั้นถึงแม้ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้า แต่ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าเพื่อเป็นการลงโทษ” หานเซิ่นพูดกับจี๋หยางเซิง
หานเซิ่นรู้ว่าจริงๆแล้วจี๋หยางเซิงเป็นคนรักตัวกลัวตายที่แสร้งทำเป็นกล้าหาญ เขาเป็นคนที่จะพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่อลูกน้องยังอยู่รอบๆ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงช่วยเขาอีกแรงและฆ่าเดม่อนคนอื่นก่อนที่จะเริ่มการสอบถาม
ตอนนี้เมื่อจี๋หยางเซิงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด เขาดูเหมือนจะยินดีต่อรองเพื่อมีชีวิตรอดมากขึ้น ถึงแม้ความพยายามในการต่อรองของเขาจะอ่อนลงไป เนื่องจากความแน่วแน่ของเขาถูกพังทลาย
มันใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่หานเซิ่นจะได้รับฟังเรื่องราวของเดม่อนดอลล์จากจี๋หยางเซิง
จี๋หยางเซิงเองก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับเดม่อนดอลล์มากนัก ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยอัลฟ่าของเผ่าเดม่อน พวกมันมีพละกำลังที่สูงและเชี่ยวชาญในพลังมารนภา พวกมันน่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าเดม่อนจริงๆ
แต่ไม่มีใครที่รู้ว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นสร้างเดม่อนดอลล์พวกนี้จากอะไรกันแน่
ผู้คนเชื่อว่าเดม่อนดอลล์ถูกสร้างขึ้นจากยอดฝีมือเผ่าเดม่อน แต่มันมียอดฝีมือเผ่าเดม่อนไม่มากนักที่จะมีพรสวรรค์ระดับนั้น แถมมันไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการหายตัวไปของยอดฝีมือเผ่าเดม่อน ดังนั้นนั่นจึงไม่มีทางเป็นเรื่องจริงไปได้
แม้แต่สังคมของเผ่าเดม่อนก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์มากนัก มีเพียงแค่บุคคลสำคัญเท่านั้นที่จะรู้เกี่ยวกับพวกมัน และมีเดม่อนไม่มากที่จะได้รับเดม่อนดอลล์จากอัลฟ่ามาใช้งาน
ถึงแม้หานเซิ่นจะถามและข่มขู่ซ้ำๆ จี๋หยางเซิงก็ไม่เผยออกมาว่าเดม่อนดอลล์ถูกสร้างขึ้นยังไง มันคงจะเป็นบางสิ่งที่มีแค่เดม่อนอัลฟ่าเท่านั้นที่รู้
“มันมีเดม่อนดอลล์อยู่เท่าไหร่กัน?” หานเซิ่นรู้ว่าจี๋หยางเซิงไม่ได้พูดโกหก ดังนั้นเขาจึงถามคำถามต่อไป
“ข้าไม่แน่ใจในเรื่องนั้น ข้ารู้ว่ามันมีอย่างน้อยสิบตัว เดม่อนอัลฟ่าได้มอบเดม่อนดอลล์ออกไปหลายตัว แต่มันยังมีอีกหลายตัวเหลือเก็บเอาไว้ ข้ารู้ว่ามันมีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้า 3 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นระดับครึ่งเทพ”
จี๋หยางเซิงเปิดเผยความลับของเผ่าพันธุ์ออกมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเพื่อความอยู่รอด
“มันมีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้า 3 ตัว?” หานเซิ่นแปลกใจ เผ่าเดม่อนไม่ได้ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตอะไรในยุคสมัยนี้ ถึงอย่างนั้นไม่เพียงแค่พวกเขาจะมีระดับเทพเจ้าอยู่ แต่พวกเขามีเดม่อนดอลล์ระดับเทพเจ้าถึง 3 ตัว นั่นถือเป็นความจริงที่น่าตกใจ
“ดูเหมือนว่าเผ่าเดม่อนจะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้” กู่ชิงเฉิงพูดหลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่
หานเซิ่นเองก็คิดเหมือนกัน “มันมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเดม่อนอัลผ่า ฉันเดิมพันว่าเดม่อนดอลล์นั้นคือราชาชูร่าที่เข้ามาในจักรวาลจีโนผ่านสุสานของชูร่า นั่นเหมายความว่ามันมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างเดม่อนและชูร่า แต่ทำไมเดม่อลอัลฟ่าถึงได้เปลี่ยนพวกเขาเป็นเดม่อนดอลล์?”
หานเซิ่นไม่เข้าใจ เขาถามจี๋หยางเซิงเกี่ยวกับวิธีที่จะควบคุมเดม่อนดอลล์ ซึ่งชายคนนั้นก็ทำการอธิบายอย่างละเอียด
“แต่ถึงเจ้าจะรู้วิธีที่จะควบคุมมัน เจ้าก็จำเป็นต้องมีพลังมารนภาเพื่อจะทำแบบนั้นได้”
จี๋หยางเซิงพูดหลังจากที่อธิบายจบ แต่หานเซิ่นได้ใส่พลังเข้าไปในเขาสีม่วงเรียบร้อยแล้ว และเดม่อนดอลล์ก็เริ่มจะเคลื่อนไหว
จี๋หยางเซิงอ้าปากค้าง และเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
“เดม่อนดอลล์นี้ดูเหมือนเป็นอะไรที่ใช้งานได้ง่าย” หานเซิ่นยกเขาสีม่วงซึ่งกำลังปลดปล่อยควันสีม่วงออกมาขึ้น
ตามใดที่หานเซิ่นมีเขาสีม่วง เขาก็สามารถใช้จิตใจควบคุมเดม่อนดอลล์ได้ มันสามารถทำตามคำสั่งที่หลากหลาย และมันยังทำการเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องควบคุมอยู่ตลอดเวลา
“หานเซิ่น ข้าบอกทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ไปแล้ว และข้าก็ไม่ได้โกหกแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?” จี๋หยางเซิงถามหานเซิ่นด้วยความจริงใจ เขาดูหวาดกลัว
“ใครบอกว่าเจ้าไปได้?” หานเซิ่นยิ้ม
“เจ้าบอกว่าจะไว้ชีวิตข้า! นี่เจ้าคิดจะผิดสัญญาที่ให้เอาไว้อย่างนั้นหรอ?” จี๋หยางเซิงตกใจ ใบหน้าของเขาดูซีดเผือก
“ข้าบอกว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไป”
หานเซิ่นโบกมือและพูด “เจ้าต้องรับหน้าที่ลากรถม้าให้กับข้าในอนาคต”
“ลากรถม้า?” จี๋หยางเซิงสับสน เขาไม่รู้ว่านั่นหมายความว่าอะไร
…
ในคอร์แอเรีย ราชันหลายคนกำลังล่าซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอยู่ ในตอนที่พวกเขาฆ่ามันได้สำเร็จ พวกเขาก็เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนที่มาทางพวกเขา
พวกเขาจ้องมองด้วยความสับสนอยู่นานก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจว่าพวกเขากำลังเห็นอะไร
พวกเขาเห็นเดม่อนคนหนึ่งกำลังมาทางพวกเขา มันมีเชือกรอบไหล่ของเดม่อนคนนั้น และเขากำลังลากบางสิ่งที่ดูเหมือนกับรถม้า
“เฮ้ นั่นมันเดม่อนจี๋หยางเซิงไม่ใช่หรอ? นี่เขากำลังทำอะไร?”
เหล่าราชันมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
จี๋หยางเซิงกำลังลากรถม้าทองแดง มันไม่ได้มีหลังคา แต่มันมีร่มคันหนึ่งกางอยู่เหนือหัวคนที่นั่งอยู่ ภายในรถม้าคือชายหนึ่งคนและผู้หญิง 2 คน ผู้หญิงที่งดงามกำลังนั่งประกบทั้ง 2 ข้างของชายคนนั้นราวกับสนมของราชา