ขนนกสีขาวอมเทาปรากฏออกมาห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่น ภาพของนกยูงสายรุ้งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและปลดปล่อยแสงสีรุ้งที่น่ากลัวออกมา แสงสีรุ้งนั้นละลายควันสีม่วงของมารนภาล็อคอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีพลังที่จับตัวหานเซิ่นเอาไว้ก็หายไป
จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นๆตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น มารนภาล็อคของพวกเขาสามารถจับได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
พวกเขามองเสื้อขนนกของหานเซิ่นอย่างตกตะลึง พวกเขาไม่แน่ใจว่าสมบัติที่หานเซิ่นกำลังใช้คือสมบัติซีโน่เจเนอิคแบบไหนกันแน่ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังพอที่จะทำลายมารนภาล็อคของพวกเขา
การสันนิษฐานของพวกเขาถูกแค่ครึ่งเดียว หานเซิ่นสามารถทำลายพลังของมารนภาล็อคได้เป็นเพราะพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงก็จริง แต่ลำพังแค่วิญญาณอสูรไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นอิสระได้ ถึงแม้ราชานกยูงเทียนเซียจะมาอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง มันก็ไม่สามารถทำลายมารนภาล็อคได้
แต่เมื่อพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง ความแข็งแกร่งของหานเซิ่นและพลังศาสตร์ตงเสวียนรวมกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือพลังที่มากพอจะทำลายมารนกาล็อค
ที่หานเซิ่นไม่ใช่เสื้อคลุมวิญญาณราชนนกยูงในตอนแรกเป็นเพราะเขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคนในชุดเกราะ เขาอยากรู้ว่าใครหรืออะไรที่อยู่เบื้องหลังคนในชุดเกราะ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาปล่อยให้ตัวเองถูกจับ
ตอนนี้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ที่จะแสแสร้งอีกต่อไป
ดวงตาของจี๋หยางเซิงเบิกกว้าง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาใส่พลังของตัวเองเข้าไปในเขาสีม่วงที่อยู่ในมือมากขึ้น
ดวงตาของคนในชุดเกราะเรืองแสงสีม่วงขึ้นมาอีกหน เขาพยายามจะจับหัวของหานเซิ่นอีกครั้ง
หานเซิ่นสะบัดมือและแสงสีรุ้งสาดส่องไปถูกคนในชุดเกราะ ร่างกายของคนในชุดเกราะสูญเสียการควบคุมและคว่ำลงไป แสงสีรุ้งครอบงำร่างกายทั้งร่างของเขา พลังของมันเริ่มจะย่อยสลายชุดเกราะสีดำอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน
คนที่อยู่ข้างในเป็นชายที่บึกบนอย่างมาก เขาสูงยิ่งกว่าหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้สูงอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ในจักรวาลจีโน รอยสักปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา
หานเซิ่นเห็นว่ารอยสักเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับชูร่า แต่หานเซิ่นไม่ได้เห็นชูร่าที่มีรอยสักแบบนี้มากนัก พวกมันแตกต่างไปจากรอยสักทั่วไปของเผ่าเดม่อน
หานเซิ่นมองไปที่หัวของคนๆนั้นและประหลาดใจที่เห็นว่าเขาไม่มีเขาของชูร่าอยู่ หัวของเขาปกคลุมด้วยผมสั้นสีม่วงเท่านั้น
แต่ในผมสั้นนั้น หานเซิ่นเห็นร่องรอยรูปไข่ มันดูเหมือนว่าครั้งหนึ่งคนๆนี้เคยมีเขาอยู่ แต่มันถูกหักออกไป
‘เขาเป็นหนึ่งในชูร่าจริงๆ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ชายคนนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกและกล้ามเนื้อของเขาบูดบวมจนดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะระเบิด ลมปราณสีม่วงลอยออกมาและพยายามเข้ามาโจมตีหานเซิ่นอีกครั้ง หานเซิ่นตรวจจับพลังมารนภาได้ในทันที
“นี่ศาสตร์มารนภาและวิชาจำลองนภาเหมือนกันอย่างนั้นหรอ? แต่ถ้ามันไม่มีความแตกต่างอะไร นั่นก็หมายความว่าชูร่าบริสุทธิ์ไม่ควรจะเรียนรู้มันได้ไม่ใช่หรอ? ถ้าเขาเป็นชูร่าราชาจากก็อตแซงชัวรี่ เขาฝึกศาสตร์มารนภาได้ยังไง?” หานเซิ่นสงสัย
หมัดของคนๆนั้นเข้ามาหาหานเซิ่น แต่หานเซิ่นยกมือขึ้นมาหยุดมันเอาไว้ มือของหานเซิ่นห่อหุ้มด้วยแสงแห่งเทพสีรุ้งที่ก่อตัวโดยโซ่สสาร แสงแห่งเทพสีรุ้งนั้นรัดร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว
คนๆนั้นพยายามดิ้นรน พลังมารนภาไม่ได้เป็นอะไรที่ทรงพลัง แต่มันแค่ไม่พลาดเป้าหมายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นความสามารถที่ไร้เทียมทาน และเมื่อพูดถึงเรื่องพลัง คนๆนี้ยังไม่ถึงระดับเทพเจ้าซะทีเดียว พลังของเขาด้อยกว่าพลังของเสื้อคลุมวิญญาณ
ถ้าชูร่าคนนี้ต่อสู้กับคนอื่นนอกจากหานเซิ่น เขาก็สามารถใช้พลังเหตุและผลเพื่อหนีไปได้ แต่หานเซิ่นกำลังใช้อาณาเขตตงเสวียนร่วมกับพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง อาณาเขตตงเสวียนจะบังคับให้ฟันเฟืองจักรวาลทั้งหมดในรัศมีหยุดหมุน แม้แต่พลังเหตุและผลก็ไม่สามารถหนีจากการควบคุมของหานเซิ่นได้ นอกซะจากว่าชูร่าคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นพลังของเขาก็ไม่สามารถใช้การอะไรได้เมื่ออาณาเขตตงเสวียนของเขายังคงทำงานอยู่
จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นตกตะลึง พลังของเดม่อนดอลล์นั้นเกือบจะถึงระดับเทพเจ้า และเดม่อนดอลล์ก็ไม่ใช่คนเผ่าเดม่อนธรรมดาๆ พวกเขามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวมากๆ หลังจากที่พวกเขากลายเป็นเดม่อนดอลล์ พวกเขาจะมีปฏิกิริยาประหลาดต่อพลังมารนภา หลังจากนั้นเดม่อนดอลล์จะได้รับพลังเหตุและผลมา ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถประยุกต์ใช้พวกมันได้อย่างหลากหลาย แม้แต่เดม่อนเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถจับตัวเดม่อนดอลล์ได้ แต่ตอนนี้เดม่อนดอลล์ถูกจับตัวโดยหานเซิ่น สถานการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป
โดยไม่ลังเล จี๋หยางเซิงหันหลังกลับเพื่อจะหนีไปให้เร็วที่สุด เดม่อนคนอื่นก็คิดจะทำแบบเดียวกัน แต่พวกเขาเพิ่งจะสังเกตว่าพลังของตัวเองหายไป พวกเขาไม่สามารถฉีกมิติของอวกาศ พวกเขาไม่สามารถใช้พลังอะไรได้นอกจากร่างกายของพวกเขาด้วยซ้ำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความกลัว
“ให้ข้าจัดการพวกเขา” จันทราสวรรค์พูดขึ้นมา เธอกวัดแกว่งร่มกระดาษและปลดปล่อยแสงแห่งดาบออกมา มันบินตรงไปที่จี๋หยางเซิง
เนื่องจากความจริงที่พวกเขาไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ จี๋หยางเซิงและคนอื่นจึงโยกตัวหลบอย่างเงอะงะ แต่ปฏิกิริยาของพวกเขาช้าเกินไป การโจมตีที่โหดร้ายเริ่มพุ่งทะลุผ่านร่างกายของพวกเขา เลือดของเหล่าเดม่อนกระจัดกระจายไปทั่วขณะที่พวกเขากรีดร้องออกมา
วินาทีต่อมา เดม่อนระดับราชันหลายคนก็สิ้นชีพไปเรียบร้อยแล้วภายใต้ดาบแสงของจันทราสวรรค์ จี๋หยางเซิงและเดม่อนระดับครึ่งเทพ 2 คนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตอนนี้พวกเขาเชื่อสิ่งที่หานเซิ่นพูดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นงดงามมากก็จริง แต่เธอยังเป็นคนที่จะสังหารหมู่ศัตรูของเธอโดยไม่แม้แต่จะแสดงความลังเล
พวกเขายังคงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลพลังอาณาเขตของหานเซิ่น พวกเขาไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ ถึงแม้พวกเขาจะพยายามหมุนฟันเฟืองของตัวเอง แต่พลังของพวกเขาก็ยังคงอยู่ในตัว พวกเขาไม่สามารถใช้งานพวกมันได้
พลังอาณาเขตของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เหนือไปกว่าระดับราชัน แต่ดาบแสงของเธอสามารถเจาะทะลุร่างกายของครึ่งเทพ พลังนั้นเหนือกว่าที่ระดับราชันทั่วไปจะทำได้
จี๋หยางเซิงทั้งตกใจทั้งโกรธ เขารู้สึกเกลียดความจริงที่ตัวเองไม่ทำตามคำแนะนำของเดม่อนระดับราชันคนนั้น
“หานเซิ่น ข้าเป็นบุตรชายของผู้นำเผ่าเดม่อน ถ้าเจ้าฆ่าข้า เผ่าเดม่อนก็จะทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้น แต่ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป เจ้าจะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้าและยีนซีโน่เจเนอิคที่เจ้าต้องการ” จี๋หยางเซิงตะโกน
หานเซิ่นมองจี๋หยางเซิงและพูด “เผ่าเดม่อนอย่างนั้นหรอ? พวกเจ้าถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำเมื่อเทียบกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของจี๋หยางเซิงก็ซีดไป เขาจำได้ว่าหานเซิ่นฆ่าองค์ชายคนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้าเขาไม่กลัวแม้แต่ต่อความพิโรธของเอ็กซ์ตรีมคิง ทำไมเขาถึงต้องกลัวเผ่าเดม่อน?
หานเซิ่นยื่นมือออกมาและแสงสีรุ้งก็พุ่งออกไปจากฝ่ามือของเขา จี๋หยางเซิงไม่มีเวลาจะหลบหลีกมัน เขาสีม่วงถูกหานเซิ่นชิงไป
หานเซิ่นเมินเฉยต่อจี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นที่กำลังถูกดาบแสงของจันทราสวรรค์ฆ่า เขาหันความสนใจมาที่เขาสีม่วงอันลึกลับและยกมันขึ้นมาทาบกับเขาที่หักบนหัวของชูร่า
‘มันเป็นเขาของเขาจริงๆ’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่