คนในชุดเกราะหายไปจากสายตาของกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ หลังจากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น หมัดของเขาชกไปที่ท้องของหานเซิ่น แต่ในจังหวะที่หมัดของคนในชุดเกราะกำลังจะไปถึงตัวหานเซิ่น จู่ๆร่างกายของหานเซิ่นก็หายไป เขาไปปรากฏตัวที่อื่น การหนีไปอย่างรวดเร็วของเขาเป็นผลจากวิชาเทเลพอร์ตที่เขาฝึกฝน
โดยที่ไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว คนในชุดเกราะชกอีกหมัดและร่างกายของเขาก็หายไปเหมือนกับครั้งก่อน เขาไปปรากฏตัวตรงหน้าหานเซิ่น
หานเซิ่นเทเลพอร์ตเพื่อหลบหมัดของคนในชุดเกราะอีกครั้งหนึ่ง
พวกเขาทั้งคู่แว็บไปแว็บมาอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับว่าพวกเขาสามารถอยู่บนท้องฟ้าจังหวะหนึ่งและอยู่บนพื้นในจังหวะต่อมา
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์เคลื่อนที่เข้าไปเพื่อจะช่วยหานเซิ่น แต่หานเซิ่นบอกพวกเธอว่า
“ไม่ต้องเข้ามา… พวกเธอหลบการโจมตีของเขาไม่ได้ ใช้พลังของพวกเธอปกป้องตัวเองเอาไว้ และอย่าได้เปิดช่องโหว่ให้กับเขา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ก็หยุดอยู่กับที่ พวกเธอมองดูหานเซิ่นและคนในชุดเกราะสีดำทำการต่อสู้กัน จันทราสวรรค์กางร่มกระดาษในมือ ดาบแสงแว็บขึ้นมาจากผิวของร่ม หลังจากนั้นมันก็ขยายตัวออกเพื่อห่อหุ้มพวกเธอทั้ง 2 เอาไว้
“คนในชุดเกราะนั้นไม่ได้ใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ต” กู่ชิงเฉิงพูดอย่างมั่นใจขณะที่เธอมองการต่อสู้ตรงหน้า
จันทราสวรรค์พยักหน้า “มันไม่ใช่การเทเลพอร์ต มันเหมือนกับ… มันเหมือนกับ…”
“เทพสังหารหลัว” กู่ชิงเฉิงพูดในสิ่งที่จันทราสวรรค์ลังเลที่จะพูดออกมา
ชายแก่คนนั้นเป็นคนที่เคยสร้างหลักปักฐานในก็อตแซงชัวรี่ให้กับมนุษยชาติ
ในตอนที่พลังของเทพสังหารหลัวถึงจุดสูงสุด ออร่าที่ออกมาจากตัวเขานั้นเหมือนกับบุคคลในชุดเกราะ เขาเมินเฉยต่อกฎของอวกาศเพื่อจะฆ่าศัตรูของเขา
“ทำไมคนในชุดเกราะคนนี้ถึงได้มีพลังวิชาจำลองนภา? ไม่สิ… นี่มันพลังของศาสตร์มารนภา คนในชุดเกราะนี้เป็นเผ่าเดม่อนอย่างนั้นหรอ?” กู่ชิงเฉิงพึมพำออกมา
หานเซิ่นรู้ว่าคนในชุดเกราะไม่ได้ใช้วิชาเทเลพอร์ตประเภทอวกาศ แต่กำลังใช้พลังมารนภา มีพลังไม่มากนักที่จะต่อต้านพลังมารนภาได้ แต่ต้องขอบคุณที่ศาสตร์ตงเสวียนของหานเซิ่นเป็นหนึ่งในวิชาที่ทำได้
หานเซิ่นสามารถปัดป้องการโจมตีของคนในชุดเกราะได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร แต่พลังของเขาเหนือกว่าหานเซิ่นอย่างปฏิเสธไม่ได้ และนั่นหมายความว่าหานเซิ่นไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายแบบตรงๆได้
หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆเมื่อมองไปที่คนในชุดเกราะ เขารู้ว่าคนที่มาโจมตีเขาคนนี้นั้นแตกต่างไปจากเหล่าเดม่อนที่เขาเคยพบมาก่อนหน้านี้ แต่เขายังไม่แน่ใจว่ามันแตกต่างยังไง
จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นมองดูการต่อสู้ผ่านกระจกบานหนึ่ง พวกเขาดูจะตกใจ แม้แต่จี๋หยางเซิงก็ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
“ไม่แปลกใจเลยที่หานเซิ่นหนีจากการถูกไล่ล่าโดยเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้ เขาเป็นคนที่น่ากลัวมากๆ เขากำลังใช้พลังแบบไหนกันแน่ถึงหลบหลีกการโจมตีของพลังมารนภาได้” เดม่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมา
พวกเขารู้ว่าพลังมารนภาของเดม่อนดอลล์นั้นจะทำให้ทุกการโจมตีถูกเป้าหมาย นอกซะจากว่าศัตรูจะมีพลังเหตุและผลเหมือนกัน ถ้าศัตรูไม่มีพลังแบบนั้น แม้แต่การเทเลพอร์ตก็ไม่ช่วยให้พวกเขาหนีจากการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้
ศาสตร์มารนภามีพลังเหตุและผล ดังนั้นเมื่อเดม่อนดอลล์เล็งเป้าไปที่หานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นจะเทเลพอร์ตหนีไป เขาก็ควรจะถูกโจมตีอยู่ดี
แต่การเทเลพอร์ตของหานเซิ่นช่วยให้เขาหลบหลีกการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้ มันเห็นได้ชัดเขากำลังใช้วิชาเทเลพอร์ตขั้นสูง และส่วนพลังอีกอย่างที่หานเซิ่นกำลังใช้นั้น จี๋หยางเซิงไม่สามารถคาดเดาได้ เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังได้เห็นอะไร
“ในตอนนี้เขาอาจจะหลบหลีกการโจมตีของเดม่อนดอลล์ได้ แต่ความพยายามของเขานั้นไร้ประโยชน์ เขาเชื่องช้าและอ่อนแอกว่าเดม่อนดอลล์ วันนี้พวกเราจะพาตัวเขาไปกับพวกเรา เผ่าพันธุ์ของพวกเราต้องการมากกว่าการอวยพรแค่ครั้งเดียว ผู้คนนับพันของพวกเราในอีกหลายสิบปี… ไม่สิผู้คนนับล้านของพวกเราในอีกหลายร้อยปีก็ต้องการสิ่งที่เขาจะมอบให้เช่นกัน”
จี๋หยางเซิงพูด เขาพยายามจะเร่งให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เขาใส่พลังของตัวเองเข้าไปในเขาสีม่วงเพิ่มขึ้น สัญลักษณ์ลึกลับบนเขาสีม่วงเรืองแสงสีม่วงออกมา
พลังในการมอบพรที่หานเซิ่นแสดงอออกมานั้นทำให้เผ่าพันธุ์อื่นต้องการพลังนั้นของเขา
ถ้าพวกเขาสามารถจับตัวหานเซิ่นไปได้ พวกเขาจะไม่ส่งตัวหานเซิ่นไปให้กับเอ็กซ์ตรีมคิง พวกเขาจะเก็บตัวหานเซิ่นเอาไว้และบังคับให้หานเซิ่นมอบพรให้กับลูกหลานของพวกเขา
สัญลักษณ์ลึกลับบนเขาสีม่วงสว่างไสวมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นคนในชุดเกราะที่กำลังโจมตีหานเซิ่นอยู่ก็หยุดนิ่งไป ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น
กล้ามเนื้อของบุคคลปริศนาใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมและชุดเกราะสีดำก็เริ่มบูดบวม ออร่าสีม่วงดำที่ชั่วร้ายหนาแน่นขึ้นภายในชุดเกราะ มันทำให้บุคคลในชุดเกราะดูเหมือนกับปีศาจจากขุมนรก ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเหมือนกับสายฟ้า
“นี่…นี่มันชูร่าเช้นจ์” หานเซิ่นมองไปที่บุคคลในชุดเกราะด้วยความตกใจ
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมบุคคลในชุดเกราะถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดม่อนคนอื่น พวกเขาดูคล้ายคลึงกัน แต่หานเซิ่นรู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าเขานั้นเหมือนกับชูร่าในสหพันธ์มากกว่า แต่ทว่าพลังที่เขาใช้เห็นได้ชัดว่าคือพลังมารนภา นั่นทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นหนึ่งในเผ่าเดม่อน
เมื่อบุคคลในชุดเกราะใช้ชูร่าเช้นจ์ ออร่าของชูร่าก็หนักแน่นขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ดีกว่าเดิม
‘ทำไมถึงมีชูร่าอยู่ที่นี่? เราไม่เคยพาชูร่ามาที่จักรวาลจีโน นอกซะจากเขาจะเป็นหนึ่งในชูร่าที่ออกมาโดยใช้โลงศพในสุสานของชูร่า… เขาคือหนึ่งในราชาของชูร่าอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นมองคนในชุดเกราะที่ดูเหมือนกับเผ่าเดม่อนด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
คนในชุดเกราะนั้นไม่ได้หยุดคิดเหมือนอย่างที่หานเซิ่นทำ หลังจากที่เขาเปลี่ยนแปลงเสร็จแล้ว ดวงตาที่เหมือนกับสายฟ้าสีม่วงของเขาก็จ้องมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไป
หานเซิ่นหลบหมัดของคนในชุดเกราะ แต่ในตอนที่เขาเทเลพอร์ตหนีไป คนในชุดเกราะก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา เพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงรอบหมัดของคนในชุดเกราะขณะที่ชกใส่ท้องของหานเซิ่น
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปราวกับลูกอุกกาบาต เขากระเด็นไปชนดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ใกล้เคียงและทะลุผ่านมันกับดาวเคราะห์น้อยอีกหลายดวง ก่อนที่หานเซิ่นจะทรงตัวได้ คนในชุดเกราะก็ปรากฏตัวตรงหน้าและชกหมัดใส่เขาอีกครั้ง เขาถูกส่งกระเด็นออกไปอีกหนหนึ่ง
หานเซิ่นกระอักเลือดออกมาขณะที่ถูกชกกระเด็นออกไป เขาไม่สามารถแม้แต่จะเทเลพอร์ตหนี