หานเซิ่นอึ้งไปขณะที่มองดูร่างกายของจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน การรวมร่างของพวกเธอเหมือนกับวิธีการที่หานเซิ่นรวมร่างกับนางฟ้า
แต่ในตอนที่หานเซิ่นรวมร่างกับนางฟ้า ร่างกายของหานเซิ่นจะเป็นหลัก ส่วนนางฟ้าเป็นรอง
จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงนั้นเท่าเทียมกัน พวกเธอจึงต้องแย่งชิงกันและกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นมองกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์ เขาก็มักจะคิดเสมอว่าพวกเธองดงาม แม้แต่หานเซิ่นเองก็เผลอมองพวกเธออยู่เป็นครั้งคราว เพราะยังไงซะทุกคนก็ชื่นชอบการมองผู้หญิงที่งดงาม
เมื่อกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์รวมร่างกัน หานเซิ่นก็ไม่รู้สึกว่ากำลังมองดูมนุษย์อีกต่อไป ความงดงามของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นอะไรที่เหนือธรรมชาติ เธองดงามจนดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เป็นของโลกใบนี้อีกต่อไป
ดวงตาของเธอเป็นเหมือนกับน้ำสีดำของสระ มันดูเหมือนกับว่าเธอมองทะลุถึงก้นบึ้งของหัวใจผู้คน
มันไม่มีมลทินอะไรบนใบหน้าของเธอ และทุกซอกทุกมุมเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ ถ้าผู้คนได้มาให้เธอ พวกเขาก็จะรู้สึกละอายเพียงแค่มาอยู่ในรัศมีของเธอ พวกเขาจะคิดว่าตัวเองนั้นไม่คู่ควร
กู่ชิงเฉิงเป็นคนที่งดงาม แต่เธอไม่เคยใช้รูปลักษณ์เพื่อกดดันคนอื่น แต่คนที่อยู่ตรงหน้าหานเซิ่นตอนนี้นั้นต่างออกไป ความงดงามของเธอเป็นอะไรที่ทำให้ผู้ที่ได้เห็นลืมหายใจ
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเธอไม่ใช่รูปลักษณ์ แต่เป็นจิตแห่งดาบของเธอ
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองเชี่ยวชาญในวิชาดาบ เพราะยังไงซะจิตแห่งดาบของเขาก็สามารถเทียบได้กับจิตแห่งดาบของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า แต่จิตแห่งดาบของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหานเซิ่นตอนนี้นั้นทำให้จิตแห่งดาบของเขาดูริบหรี่ไปเลยเมื่อเทียบกันแล้ว
‘มันเป็นแฟรี่แห่งดาบที่สมบูรณ์’ หานเซิ่นคิด ถึงแม้ความจริงแล้วเธอจะกำลังถือร่มกระดาษสีขาวแทนที่จะเป็นดาบ
“เจ้ารู้ไหมว่าในตอนนี้ข้าต้องการทำอะไร?” จู่ๆจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงก็พูดกับหานเซิ่น
“พวกเธอต้องการจะทำอะไร?” หานเซิ่นถามด้วยความสงสัย
“ฆ่าเจ้า” ผู้หญิงคนนั้นพูดขณะที่มองมาที่หานเซิ่น
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่น” หานเซิ่นพูด ถึงแม้เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดจริงจัง แต่เขาก็ไม่สามารถสังเกตถึงอารมณ์หรือความรู้สึกของเธอได้ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะมีรูปลักษณ์ที่ภาคภูมิ แต่หานเซิ่นก็ไม่เคยเห็นความภาคภูมิในระดับนี้มาก่อน เธอเหมือนกับเทพธิดาที่มาจากดินแดนที่สูงส่ง
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวและพูดอย่างจริงจัง “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าต้องการจะฆ่าเจ้าจริงๆ และไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น ข้าต้องการฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ พวกเจ้าทั้งหมดน่าเกลียดในสายตาของข้า พวกเจ้าทั้งหมดไม่สมบูรณ์แบบ ข้าไม่อาจจะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบได้ ข้าเก็บกดและหยุดตัวเองจากการฆ่าผู้คนมาเป็นเวลานาน”
หานเซิ่นมองเธอด้วยความตกใจ เขาเชื่อว่าเธอไม่ได้พูดล้อเล่น
ปัง!
ทันใดนั้นร่างกายของพวกเธอก็แยกออกเป็น 2 จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงแยกตัวออกจากกันอีกครั้ง พวกเธอทั้งคู่ดูซีดเซียว
“ตอนนี้นายก็รู้แล้วว่าทำไมนายต้องฆ่าหนึ่งในพวกเรา ถ้าพวกเรารวมกันเป็นหนึ่ง พวกเราจะมีบุคลิกภาพที่ลุ่มหลงในความสมบูรณ์แบบและต้องการจะทำลายทุกอย่างที่เห็นว่าไม่สมบูรณ์ เมื่อพวกเรารวมร่างกัน ความมืดลึกภายในยีนของพวกเราก็จะถูกนำออกมา พวกเราอาจจะเก็บกดความปรารถนาที่จะทำลายล้างทุกสิ่งเอาไว้ได้ชั่วครู่ แต่พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” กู่ชิงเฉิงพูด
“เธอจะบอกว่าถ้ามีแค่บุคลิกภาพเดียวที่เหลือรอด ปัญหาแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์พยักหน้า พวกเธอไม่อยากกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่จะฆ่าทุกอย่างที่เห็นว่าไม่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้มันจะรับประกันความอยู่รอด แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่พวกเธอต้องการ พวกเธอไม่อยากกลายเป็นปีศาจที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
“นี่มันเป็นแฟรี่แห่งดาบแบบไหนกัน? มันก็แค่นักดาบหญิงที่ชั่วร้ายคนหนึ่ง” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
เมื่อมองไปที่จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิง หานเซิ่นก็รู้ตัวว่าเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ในตอนที่พวกเธอรวมร่างกัน พวกเธอไม่ได้แค่ต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น พวกเธอยังมีพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัว
หลังจากที่พวกเธอรวมร่างกัน ถึงพวกเธอจะยังคงเป็นแค่ระดับราชัน แต่หลังจากที่ได้มองดูจิตแห่งดาบของเธอแล้ว มันก็เห็นได้ชัดว่าสักวันหนึ่งพวกเธอจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า เมื่อถึงตอนนั้นพวกเธอก็จะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
ทั้งกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์นั้นมีพรสวรรค์มากๆ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพวกเธอมีร่างกายขั้นสุดยอด เมื่อพวกเธอรวมร่างกัน พวกเธอก็จะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าที่พวกเธอเป็นในตอนนี้
หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างกายขั้นสุดยอด 2 ร่างอยู่ร่วมกันได้ยังไง แต่ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้
แต่ไม่ว่ามันจะรวมกันยังไง พรสวรรค์ที่น่ากลัวหลังจากที่รวมร่างก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“หลังจากที่พวกเธอรวมร่าง พวกเธอทั้งคู่ยังมีร่างกายขั้นสุดของตัวเองไหม?” หานเซิ่นถาม
กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์แค่พยักหน้า แต่หานเซิ่นก็รู้ว่าการยืนยันนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวขนาดไหน
จันทราสวรรค์มองไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าคิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจถึงน้ำหนักของสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าพวกเราไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราก็จะต้องตาย พวกเราคาดคะเนว่าพวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี แต่ถ้าพวกเราตกลงที่จะรวมเป็นหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องดี พวกเราอาจจะไม่ตาย แต่คนอื่นอาจจะต้องตาย พวกเราเคยฆ่าคนมาก่อน แต่พวกเราพบว่าการต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าฟันอย่างไร้เหตุผลนั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด พวกเราไม่ต้องการมีชีวิตแบบนั้น”
“บางทีนั่นอาจจะไม่เกิดขึ้น เมื่อพวกเธอรวมร่างกันเต็มที่แล้ว ความปรารถนาที่จะฆ่าฟันอาจจะหายไป” หานเซิ่นพยายามปลอบโยนพวกเธอ
“นั่นเป็นไปไม่ได้” จันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงพูดออกมาพร้อมกัน
พวกเธอมองหน้ากัน หลังจากนั้นจันทราสวรรค์ก็พูดขึ้นมา
“พวกเราต้องการจะมีชีวิตต่อ แต่พวกเราไม่อยากจะกลายเป็นคนแบบนั้น ดังนั้นมีเพียงแค่หนึ่งในพวกเราที่จะมีชีวิตต่อไป ถ้าพวกเราหาผู้ชนะไม่ได้ แบบนั้นพวกเราก็จะให้เจ้าเป็นคนตัดสิน เจ้าต้องตัดสินใจว่าระหว่างพวกเราใครที่ควรจะมีชีวิตต่อไป”
หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าจันทราสวรรค์จะพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่เขาใกล้ชิดกับกู่ชิงเฉิงมาก เขารู้ว่าลึกๆแล้วส่วนหนึ่งในตัวเขาหวังที่จะให้เธอเป็นคนที่มีชีวิตต่อไป
แต่จันทราสวรรค์ไม่ใช่ศัตรูของเขา เขาไม่อยากให้เธอตาย
หานเซิ่นมองไปที่กู่ชิงเฉิง กู่ชิงเฉิงพยักหน้าให้กับเขา เขาพูดอย่างเศร้าใจ
“ทำไมพวกเธอถึงให้ฉันเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้?”
“เพราะเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่ฆ่าพวกเราได้ถึงแม้พวกเราจะตอบโต้ ดังนั้นนี่เป็นการตัดสินใจที่มีเพียงแค่เจ้าที่จะทำได้” จันทราสวรรค์พูดอย่างไร้ความรู้สึก เธอพูดมันเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ
หานเซิ่นรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ในจักรวาลจีโนเขาแข็งแกร่งมาก ส่วนในก็อตแซงชัวรี่ เขาเป็นเหมือนกับเทพ แต่ปรากฏว่ามันมีปัญหาที่แม้แต่เทพก็ไม่สามารถแก้ไขได้
“นี่มันยากยิ่งกว่าการเลือกระหว่างแม่และภรรยาที่ตกลงไปในลำธาร มันเป็นอะไรที่ยากเกินไป” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
เขาไม่ใช่แค่ตัดสินใจว่าจะช่วยใคร แต่เขาต้องตัดสินใจที่จะฆ่าอีกคนด้วย