ในตอนที่หานเซิ่นต่อสู้ด้วยขุนพลหุ่นยนต์ทอง เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นหมาป่าที่เข้าไปในฝูงแกะ ที่ไหนก็ตามที่ดาบแสงของเขาพุ่งออกไป ศัตรูของเขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เหล่าสตีลอาร์เมอร์ระดับราชันไม่สามารถทนแม้แต่การฟันที่เบาที่สุดของเขา
“ซีโน่เจเนอิคสตีลอาร์เมอร์ระดับราชันถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรสตีลอาร์เมอร์”
หลังจากที่ฆ่าสตีลอาร์เมอร์ได้หนึ่งร้อยตัว ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้รับวิญญาณอสูรมาหนึ่งดวง
ดูเหมือนว่าตอนนี้ปราสาทเหล็กจะเริ่มเหนื่อยแล้ว จำนวนของสตีลอาร์เมอร์ที่ออกมาดูจะน้อยลงเรื่อยๆ มันดูเหมือนกับสัตว์ที่หอบแดกหลังจากที่วิ่งเป็นเวลายาวนาน
รวมทั้งหมดแล้วมันมีสตีลอาร์เมอร์มากกว่า 200 ตัว ก่อนที่จะมาถึงวันนี้มันเป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับหานเซิ่นที่จะจัดการพวกมันจำนวนมากขนาดนั้น แต่ขุนพลหุ่นยนต์ทองตัดผ่านพวกมันราวกับมีดร้อนตัดผ่านเนย เขาจัดการพวกมันได้ในเวลาเพียงไม่นาน
เมื่อหานเซิ่นหันไปหาปราสาทเหล็ก เขาก็เห็นว่าอวกาศรอบๆกำลังสั่นสะเทือนเหมือนกับว่าเกิดแผ่นดินไหวขึ้น รอยแยกปรากฏขึ้นด้านหลังปราสาทเหล็กและเจ้ามอนสเตอร์ก็หนีหายเข้าไปในรอยแยกนั้น
ขณะที่หานเซิ่นกำลังตกใจกับเรื่องนั้น เจ้าเตาหลอมโลหะก็กำลังกินร่างกายของสตีลอาร์เมอร์อย่างเอร็ดอร่อย
แต่เนื่องจากเจ้าเตาหลอมทองแดงมีขนาดเล็ก มันจึงกินสตีลอาร์เมอร์ได้แค่ 8 ตัว มันไม่สามารถกินมากไปกว่านั้นได้
“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน?” หานเซิ่นถามเตาหลอมทองแดง
เตาหลอมทองแดงพ่นไฟออกมาเป็นตัวอักษร
“มันเพิ่งจะหนีไปไม่ใช่หรอ?”
“ปราสาทเหล็กนั้นคือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “เจ้ายังหาตัวมันได้ไหม?”
หานเซิ่นต้องการจะดูว่ามันจะมีอะไรอย่างอื่นออกมาจากปราสาทเหล็กอีกหรือเปล่า ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่พยายามโจมตีใส่มัน แต่ตอนนี้เมื่อมันหนีไป หานเซิ่นก็เริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของเขา
“ไม่” เตาหลอมทองแดงพูดด้วยการพ่นไฟออกมาเป็นตัวอักษร
หานเซิ่นยักไหล่ เขาหันไปค้นร่างของสตีลอาร์เมอร์เพื่อหายีนซีโน่เจเนอิค ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันเป็นฟันเฟืองเหล็กที่อยู่ในหัวใจของพวกมัน
หานเซิ่นจะไม่กลืนพวกมันเข้าไปทั้งร่างเหมือนอย่างเจ้าเตาหลอมทองแดง เขาดึงเอาคอร์ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันออกมาและเก็บเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรขุนพลหุ่นยนต์ทองกลับเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว
ขณะที่หานเซิ่นกำลังเก็บยีนคอร์ซีโน่เจเนอิคอยู่นั้น เขาก็เห็นใครบางคนตรงเข้ามา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นว่าเธอคือผู้หญิงชุดเหลืองที่เขาเจอก่อนหน้านี้
หลี่เคอเอ๋อติดตามร่องรอยที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเตาหลอมทองแดง เธอค่อนข้างแปลกใจที่พบว่าเวรี่ไฮเซ้นส์ของเธอไม่สามารถตรวจจับร่องรอยของหานเซิ่นได้ ด้วยเหตุนั้นความหวังเดียวของเธอที่จะตามหาตัวเขาก็คือการตามรอยเตาหลอมทองแดงมา
ทันทีที่หานเซิ่นเข้ามาอยู่ในระยะสายตา หลี่เคอเอ๋อก็เห็นสตีลอาร์เมอร์กระจัดกระจายไปทั่ว เธอตกตะลึงกับภาพที่เห็นไปชั่วขณะ
เธอจดจำสตีลอาร์เมอร์เหล่านี้ได้ว่าพวกมันคืออะไร เธอรู้ว่าสตีลอาร์เมอร์มาจากปราสาทเหล็กที่เป็นคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า แต่เธอเห็นแค่ร่างของเหล่าสตีลอาร์เมอร์เท่านั้น เธอไม่เห็นปราสาทเหล็ก เธอจึงสรุปไปว่าปราสาทเหล็กคงจะหนีไป แต่การรับรู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง
ในระหว่างการต่อสู้กับขุนพลเกราะทอง หานเซิ่นอาศัยพลังของมีดเขี้ยวรอยสักมังกรที่เป็นสมบัติระดับเทพเจ้าของดราก้อนวัน หลี่เคอเอ๋อเข้าใจถึงความจริงเรื่องนั้น
ดังนั้นจนถึงตอนนี้หลี่เคอเอ๋อยังคงคลางแคลงใจเกี่ยวกับพลังโจมตีของหานเซิ่น แค่ตอนนี้หานเซิ่นไล่ปราสาทเหล็กไปโดยลำพัง เธอจึงไม่ลังเลอีกต่อไปที่จะเชื่อในศักยภาพของเขา
‘ระดับราชันที่ต่อสู้กับระดับเทพเจ้าได้? ถึงแม้ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าภายในคอร์แอเรียจะอ่อนแอกว่าก็จริง แต่ความสามารถของดอลลาร์ก็ยังเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี แถมเขายังเล็ดลอดจากเวรี่ไฮเซ้นส์ของเราได้อีก ดอลลาร์เผ่ามนุษย์คนนี้มาจากที่ไหนกัน? แม้แต่เอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่มีคนที่มีพรสวรรค์ถึงขนาดนี้เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว’ หลี่เคอเอ๋อคิดกับตัวเอง โดยไม่ลังเลเธอตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
“หญิงชุดเหลือง บังเอิญจังเลยนะที่เจ้ามาปรากฏตัวที่นี่” หานเซิ่นทักทายอย่างแดกดัน
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ข้าตามเจ้ามา” หลี่เคอเอ๋อพูด
“เจ้าตามหลังข้ามา? เจ้าคงจะไม่ได้มาขอให้ข้าไปฆ่าคอร์ไตรพอดทองแดงหรอกใช่ไหม?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจจะทำอะไรแบบนั้น ถ้าหลี่เคอเอ๋อไม่คิดจะทำตามข้อตกลงที่เธอได้ให้เอาไว้ เขาก็จะไม่สนใจเธออีกต่อไป
หลี่เคอเอ๋อส่ายหัว “ข้าเห็นตัวอักษรที่เจ้าทิ้งเอาไว้บนหลังของข้า ข้ามาที่นี่เพื่อยอมรับว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้ ข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้าจริงๆ”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าท่าทางของหลี่เคอเอ๋อจะเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้
“หญิงชุดเหลือง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแบบนั้น” หานเซิ่นพูด
“ทำไมพวกเราไม่มาทำความรู้จักกันให้ดีกว่านี้? พวกเรามาเริ่มใหม่อีกครั้ง ชื่อของข้าคือหลี่เคอเอ๋อ” หลี่เคอเอ๋อยิ้มและยื่นมือของเธอออกมา
“ดอลลาร์” หานเซิ่นจับมือกับเธอ
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามาเล็กน้อย ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะจ้างเจ้าไปฆ่าคอร์ไตรพอดทองแดงร่วมกับข้า” หลังจากที่หลี่เคอเอ๋อลดมือลง เธอก็ยิ้มอีกครั้ง
“ข้ากลัวว่าต้องทำให้เจ้าผิดหวัง ข้ามีบางสิ่งที่จำเป็นต้องทำ”
มันไม่สำคัญว่าหลี่เคอเอ๋อจะดีกับเขาหรือไม่ หานเซิ่นไม่สนใจจะร่วมเดินทางกับเธอ แผนการที่จะล่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าของเขาเป็นอะไรที่สำคัญกว่า
แต่หลี่เคอเอ๋อไม่ได้ดูผิดหวัง เธอพูดอย่างอ่อนหวาน “อย่าเพิ่งพูดแบบนั้น ลองฟังข้อเสนอของข้าดูก่อนเป็นยังไง?”
หานเซิ่นคิดว่าเธอจะเสนอยีนซีโน่เจเนอิคหรืออะไรทำนองนั้น แต่ไหนๆเธอก็อุส่าพูดอย่างมีมารยาทและเธอก็ไม่ใช่ศัตรูของเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงยินดีที่จะฟังข้อเสนอของเธอ
หลี่เคอเอ๋อเคลื่อนตัวเข้ามายืนอยู่บนร่างของสตีลอาร์เมอร์และพูด
“ถ้าข้าเข้าใจสถานการณ์ได้ถูกต้อง เจ้าเพิ่งจะสังหารฝูงของสตีลอาร์เมอร์และทำให้ปราสาทเหล็กวิ่งหนีไปอย่างนั้นใช่ไหม?”
หานเซิ่นมองไปที่หลี่เคอเอ๋อ เขาไม่ได้ให้คำยืนยันหรือปฏิเสธสิ่งที่เธอพูด แต่ความเงียบของเขาก็ถือเป็นการยืนยันในตัวของมัน
ดวงตาของหลี่เคอเอ๋อเป็นประกาย เธอคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นเอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้เธอได้รับคำยืนยันถึงการสันนิษฐานของเธอ
“ปราสาทเหล็กของคอร์แอเรียไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งมากนัก แต่เจ้าไล่มันหนีไปได้ทั้งๆที่เป็นแค่ระดับราชัน น้อยคนนักที่จะทำอะไรแบบนั้นได้” หลี่เคอเอ๋อเอ่ยชมเขา
“เจ้าพยายามจะบอกอะไร?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาเริ่มรู้สึกรำคาญ
เขาไม่ใช่เด็กที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะหลงตัวเองเพียงเพราะคำพูดพวกนี้ ในสายตาของเขาการเอ่ยชมของหลี่เคอเอ๋อเป็นอะไรที่ทำให้เขาเสียเวลา
“เจ้ามีพลังที่จะฆ่าคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า แต่การโค่นล้มพวกมันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างการเอาชนะพวกมันในการต่อสู้ ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่จะไม่อยู่กับที่เพื่อรอคอยให้เจ้าปลิดชีวิตของพวกมัน เหมือนอย่างปราสาทเหล็ก พวกมันจะหาตัวได้ยากหลังจากที่พวกมันหนีไปได้ แต่ข้าหาพวกมันได้ ถ้าเจ้าช่วยข้าล่าคอร์ไตรพอดทองแดง ข้าจะช่วยเจ้าหาที่อยู่ของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า” หลี่เคอเอ๋อพูด