“ท่านหญิง ทำไมตัวอักษรพวกนี้ถึงถูกเขียนอยู่บนหลังของท่านหญิง?” ผีเสื้อน้อยถามด้วยความสงสัย
หลี่เคอเอ๋อกัดริมฝีปาก แต่หลังจากนั้นสักพักเธอก็หัวเราะออกมาและจู่ๆใบหน้าของเธอก็ดูจริงจังอย่างน่าแปลก
“ดอลลาร์นั้นยอดเยี่ยม เขาปกปิดการกระทำของเขาจากเวรี่ไฮเซ้นส์ของข้าได้”
ดวงตาของผีเสื้อน้อยเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“มันเป็นไปได้ยังไงที่ดอลลาร์จะเขียนตัวอักษรเอาไว้บนหลังของท่านหญิงโดยที่ท่านหญิงไม่รู้ตัว?”
ผีเสื้อน้อยดูจะไม่เชื่อ หลี่เคอเอ๋อนั้นมีเวรี่ไฮเซ้นส์อยู่ เธอเป็นเหมือนกับเทพที่สัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วแบบนั้นใครบางคนจะเขียนตัวอักษรบนหลังของเธอโดยที่เธอไม่รู้สึกตัวได้ยังไง
“ข้าเพิ่งเลื่อนเป็นระดับราชันได้ไม่นาน เวรี่ไฮเซ้นส์ของข้าจึงยังไม่สมบูรณ์ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ข้าจะพลาดบางสิ่งไป แต่ไม่ใช่ใครจะทำแบบนั้นก็ได้ ดอลลาร์มั่นใจว่าข้าจะไม่รู้สึกอะไร ดังนั้นไม่ว่าพลังอะไรก็ตามที่เขาใช้ มันต้องเป็นอะไรที่ทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าข้าประเมินเขาต่ำเกินไป” ดวงตาที่งดงามของหลี่เคอเอ๋อเป็นประกายอย่างน่าประหลาด
“ท่านหญิง ถ้าดอลลาร์แข็งแกร่งขนาดนั้น ท่านหญิงจะเลือกเขามาเป็นตัวไหมของท่านหญิงไหม?” ผีเสื้อน้อยกระพริบตาปริบๆ
“ข้ายังไม่รู้จักเขาดีพอ ข้าจะเลือกเขาเพียงเพราะความสามารถที่เขาแสดงออกมาไม่ได้ แถมข้าก็ไม่รู้ว่าจะหาตัวเขาได้ที่ไหน ถึงแม้ข้าจะต้องการให้เขามาเป็นตัวไหมของข้า ข้าก็ติดต่อกับเขาไม่ได้อยู่ดี” หลี่เคอเอ๋อพูด
หานเซิ่นไม่รู้ถึงสิ่งที่หลี่เคอเอ๋อกำลังคิด แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรเธอ
เหตุผลที่หานเซิ่นสามารถเขียนตัวอักษรบนหลังของเธอได้โดยที่เธอไม่รู้ตัวได้นั้นเป็นเพราะเขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนช่วย เขาล็อคฟันเฟืองจักรวาลรอบตัวทั้งหมด ซึ่งช่วยให้เขาสามารถทำการเคลื่อนไหวโดยที่ไม่ถูกสังเกต ด้วยเหตุนั้นหลี่เคอเอ๋อจึงไม่สามารถรู้สึกถึงอะไรได้
และด้านพลังในการสัมผัสนั้น ศาสตร์ตงเสวียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเวรี่ไฮเซ้นส์ หลี่เคอเอ๋อไม่ได้รู้เกี่ยวกับศาสตร์ตงเสวียน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถ้าเธอรู้เกี่ยวกับมันล่ะก็ เธอก็คงจะไม่แพ้อย่างหมดรูปแบบนี้
เตาหลอมทองแดงส่งเสียงร้องออกมาขณะที่มันนำทางไป ไฟจากตัวของมันลอยขึ้นลงขณะที่ดาบเล่มร้อยเล่มยื่นออกมาจากภายในของมัน พวกมันทั้งหมดมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลาที่หานเซิ่นไปล่าคอร์ซีโน่เจเนอิคและใช้ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันมาทำเป็นดาบ
“เจ้ากำลังพาข้าไปที่ไหน?” หานเซิ่นถามเตาหลอมทองแดง
เขาบอกให้เจ้าเตาหลอมทองแดงช่วยหาซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า มันนำทางเขามากว่าครึ่งวันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของซีโน่เจเนอิค ขณะที่พวกเขาเดินทางไป อวกาศรอบๆพวกเขาก็เงียบลงเรื่อยๆ มันไม่มีแม้แต่ดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์น้อยอยู่รอบๆ
เตาหลอมทองแดงพ่นเปลวไฟออกมา พวกมันลอยตัวในอากาศและก่อตัวเป็นตัวอักษร “ปราสาทเหล็ก”
“ที่นั่นคือที่ไหน?” หานเซิ่นถาม
“ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า” เตาหลอมทองแดงพ่นตัวอักษรไฟออกมาเพิ่ม
สติปัญญาของซีโน่เจเนอิคนั้นค่อนข้างจำกัด พวกมันไม่สามารถแสดงสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาได้ดีนัก หานเซิ่นจึงไม่สามารถถามอะไรได้มาก แต่มันไม่เป็นอะไร ตราบใดที่พวกเขาไปในสถานที่ที่มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่
หานเซิ่นบินตามเตาหลอมทองแดงไปเรื่อยๆ และหลังจากการเดินทางอยู่หลายวัน พวกเขาก็ได้เห็นปราสาทหลังหนึ่งลอยตัวอยู่ในอวกาศ
ปราสาทนั้นดูเหมือนจะทำขึ้นมาจากโลหะ และมันก็ถูกก่อสร้างโดยการใช้ฟันเฟืองและเครื่องจักร ท่อไอเสีย 2 ท่อยื่นออกมาจากปราสาท ฟันเฟืองหมุนไปเรื่อยๆและควันไฟก็ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง หานเซิ่นสามารถได้ยินเสียงของไดนาโมจากภายใน
ปราสาทที่ใหญ่โตนั้นเหมือนกับมอนสเตอร์เหล็กตัวใหญ่ มันลอยตัวอยู่ในอากาศ ลักษณะของมันรวมถึงการที่หานเซิ่นไม่เจอกับซีโน่เจเนอิคเลยสักตัว ขณะที่เดินทางมานั้นดูผิดปกติ
ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้เครื่องจักรที่ดูเหมือนกับปราสาทมากเท่าไหร่ มันก็ดูแปลกประหลาดมากเท่านั้น ฟันเฟืองเหล็กขนาดใหญ่หมุนและเสียงที่มันสร้างขึ้นมาก็เหมือนกับเสียงการทำงานของช่างเหล็ก ควันไฟถูกปล่อยออกมาจากเครื่องจักรวานั้น มันดูเหมือนโรงงานบางอย่าง
“ซีโน่เจเนอิคของคอร์แอเรียนี่แปลกจริงๆ ปราสาทเหล็กนี้ไม่ได้เป็นซีโน่เจเนอิคหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นแปลกใจ
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ๆเขาก็เห็นมอนสเตอร์เหล็กเคลื่อนที่ไปข้างหน้าราวกับรถดันดิน ไฟถูกปล่อยออกมาจากท่อไอเสียทั้ง 2 ของมัน เครื่องยนต์ดูเหมือนจะถูกเร่งความเร็วขึ้นและเสียงของฟันเฟืองก็กลายเป็นเสียงที่ดังติดต่อกันด้วยความถี่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ฟันเฟืองหลากหลายขนาดหมุนอย่างบ้าคลั่ง และวินาทีต่อมาประตูของปราสาทก็เปิดออก ไฟถูกพ่นออกมาราวกับว่ามันเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่ จากภายในของปราสาทเหล็กนั้นมีหุ่นยนต์เหล็กที่สูงสิบเมตรปรากฏตัวออกมา ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูแข็งแกร่งมากขณะที่มันก้าวออกมา
หุ่นยนต์ซีโน่เจเนอินนั้นไม่สามารถเทียบกับหุ่นยนต์ที่ทันสมัยที่หานเซิ่นคุ้นเคยได้ ดีไซน์ของมันดูคล้ายคลึงกับอัศวินของยุโรปสมัยกลางมากกว่า
ขณะที่ประตูของปราสาทยังคงเปิดออกและไฟที่ร้อนแรงถูกปล่อยออกมามากขึ้น หุ่นยนต์เหล็กอีกหลายตัวก็เรียงแถวกันออกมา มันดูเหมือนกับโรงงานผลิตของเล่น
หานเซิ่นจ้องมองหุ่นยนต์ที่ออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างและพูดขึ้นมา
“คอร์ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน? ปราสาทเหล็กนี่สร้างคอร์ซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้?”
การเจอกับกลุ่มของซีโน่เจเนอิคระดับราชันนั้นไม่ได้ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจอะไร แต่การได้เจอกับมอนสเตอร์ที่สามารถผลิตพวกมันออกมาได้นั้น หานเซิ่นไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
หลังจากที่หุ่นยนต์เหล็กออกมาจากปราสาท พวกมันทั้งหมดก็มุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นต้องการจะลองพลังของวิญญาณอสูรขุนพลหุ่นยนต์ทอง เมื่อเขาเรียกมันออกมา ขุนพลเกราะทองก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของเขา
หานเซิ่นใช้จิตใจควบคุมหุ่นยนต์ทองในแบบเดียวกันกับที่เขาควบคุมร่างกายตัวเอง เขายกดาบใหญ่สีทองที่เหมือนกับฟันปลาขึ้น ฟันเฟืองบนใบมีดเริ่มหมุนและใบเลื่อยเองก็หมุนเช่นเดียวกัน มันกลายเหมือนกับเลื่อยขนาดใหญ่
หานเซิ่นแกว่งดาบ และดาบแสงก็พุ่งออกไปตัดหุ่นยนต์เหล็กจนขาดครึ่ง พวกมันไม่สามารถต้านทานพลังดาบของเขาได้
“ดี ดีมาก… นี่เป็นการต่อสู้ที่ดี!” หานเซิ่นหัวเราะด้วยความตื่นเต้น เขากวัดแกว่งดาบและตัดเหล่าหุ่นยนต์เหล็กราวกับหั่นผัก เขาฆ่ากลุ่มของหุ่นยนต์เหล็กได้ในเวลาอันสั้น
“ซีโน่เจเนอิคสตีลอาร์เมอร์ระดับราชันถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
หานเซิ่นได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นซ้ำๆ แต่มันไม่มีเสียงประกาศที่พูดถึงวิญญาณอสูร
‘นี่พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันจริงๆหรือเนี่ย? นี่พวกมันเพียงแค่อาศัยอยู่ในปราสาทหรือว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นภายในนั้น?’ หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่ปราสาทเหล็ก
กลุ่มของสตีลอาร์เมอร์กลุ่มแรกถูกฆ่าตายจนหมด และปราสาทเหล็กก็ดูโกรธมาก มันปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อเปิดประตูทุกบานของปราสาท และเหล่าสตีลอาร์เมอร์ก็บินออกมาเพิ่มอีก พวกมันมีกันเป็นร้อยตัว และมันก็ยังออกมาเพิ่มอีกเรื่อยๆ