หานเซิ่นมองไปที่เธอชั่วครู่ เธอดูเอาแต่ใจและบ้าเล็กน้อย เขาไม่อยากจะทำตามที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร เขาหัวเราะและพูด
“ข้าเรียนรู้วิชาจีโนหลายอย่าง ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญพวกมันทั้งหมด แต่ข้าฝึกฝนพอที่จะใช้พวกมันแต่ละวิชาได้”
“ที่ว่าพอใช้ได้นั้นแต่ละคนมีความหมายแตกต่างกันไป เจ้าแน่ใจหรือว่าฝึกฝนวิชาจีโนเหล่านี้เพียงพอน่ะ?” ผู้หญิงชุดเหลืองถามอย่างจริงจัง ใบหน้าของเธอดูเคร่งขรึม
“ข้าคิดว่าแบบนั้น” หานเซิ่นไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าอะไรกันแน่ เธอพูดเหมือนกับว่าระหว่างพวกเขาทั้ง 2 คนกำลังแข่งขันกันเพื่อหาว่าใครที่แข็งแกร่งกว่า
“โอเค ถ้าอย่างนั้น ข้าจะทดสอบเจ้าด้วยทักษะวิชาดาบที่พื้นฐานที่สุด เจ้ารู้จักการฟังดาบไหม?” ผู้หญิงชุดเหลืองถาม
“การฟังดาบคืออะไร?” หานเซิ่นไม่เคยได้ยินทักษะนี้มาก่อน
ผู้หญิงชุดเหลืองไม่ได้หัวเราะในความไม่รู้เรื่องอะไรของหานเซิ่น เธอเพียงแค่อธิบาย
“ดาบเล่มหนึ่งก็เหมือนกับคนๆหนึ่ง คนๆหนึ่งก็เป็นเหมือนเสียงๆหนึ่ง พวกเราอาจจะเห็นคนๆนั้นได้ แต่จนกว่าพวกเราจะได้พูดกับเขา เขาก็ยังไม่ได้เป็นเพื่อนที่แท้จริง เจ้าแค่ต้องใช้เสียงเพื่อสื่อสาร ในทางกลับกันพวกเราจะรู้จักผู้คนอย่างแท้จริงด้วยลักษณะภายในของพวกเขา ดาบเองก็เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าแค่มองลักษณะภายนอกของมัน เจ้าก็ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่อยู่ภายในดาบ เจ้าจำเป็นต้องฟังดาบเพื่อเข้าใจมันอย่างแท้จริง”
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้ยินอะไรแบบนี้ เขาคิดว่ามันเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เขาถามขึ้นมา
“ผู้คนพูด แต่ดาบไม่พูด แบบนั้นเราจะฟังเสียงของดาบได้ยังไง?”
“เสียงของเครื่องดนตรีนั้นไม่ใช่ภาษา แบบนั้นแล้วทำไมผู้คนถึงอารมณ์และความหมายที่มันสื่อออกมาได้ยังไง? ถึงแม้ดาบจะไม่พูด แต่ในตอนที่เจ้าใช้ดาบสร้างเสียงขึ้นมา เจ้าก็จะได้ยินเสียงของดาบ ถ้าเจ้ารู้จักดาบเป็นอย่างดี ถึงแม้เจ้าจะไม่เห็นดาบ เจ้าก็รู้ได้ว่ามันคือดาบอะไร” ผู้หญิงชุดเหลืองพูด
หานเซิ่นไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด เขามองไปที่เธอและพูด
“นั่นหมายความว่าถ้าข้าเอาดาบเล่มหนึ่งออกมาและแกว่งแกว่งมันไปมั่วๆ และด้วยการทำแบบนั้นเจ้าก็จะรู้ถึงดาบที่ข้าใช้อย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว” ผู้หญิงชุดเหลืองตอบด้วยความมั่นใจ
“เยี่ยม ข้ามีดาบอยู่เล่มหนึ่ง และข้าอยากจะให้เจ้าช่วยฟังมัน” หานเซิ่นพูด
“เอาสิ” ผู้หญิงชุดเหลืองหันหลังและหลับตา เธอพูดกับหานเซิ่น
“เจ้าเริ่มกวัดแกว่งดาบให้ข้าฟังได้เลย”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อป้องกันสายตาของเธอเผื่อในกรณีที่เธอแอบมอง หลังจากนั้นเขาก็เอาวิญญาณอสูรเห็ดร่มพิษออกมา
วิญญาณอสูรเห็ดร่มพิษเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ แต่มันไม่ใช่ดาบ มันเป็นร่มคันหนึ่ง ในตอนที่มันหุบอยู่นั้น มันจะมีความยาว 3 ฟุตและสามารถใช้แทนดาบได้
หานเซิ่นถือเห็ดร่มพิษในมือและกวัดแกว่งมันไปมาด้วยวิชาดาบ ขณะเดียวกันเขาก็ใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อสแกนผู้หญิงชุดเหลืองเผื่อในกรณีที่เธอจะใช้วิชาจีโนบางอย่างเพื่อมองดูเห็ดร่มพิษของเขา
แต่หานเซิ่นหวาดระแวงเกินไป ผู้หญิงชุดเหลืองไม่ได้ใช้วิชาจีโนอะไรเพื่อแอบมองเขา เธอเพียงแค่ฟังเสียงการกวัดแกว่งดาบไปมาของหานเซิ่น
หานเซิ่นกวัดแกว่งดาบเพียงแค่ 2 ครั้งก่อนที่ผู้หญิงชุดเหลืองจะพูดขึ้นมาว่า “นั่นมากพอแล้ว”
หานเซิ่นเก็บเห็ดร่มพิษไปและมองมาที่ผู้หญิงชุดเหลือง “ได้โปรดบอกข้าว่าดาบของข้าฟังดูเป็นยังไง”
“ดาบเล่มนี้มันแย่” ผู้หญิงชุดเหลืองพูด
“ทำไมมันถึงแย่?” หานเซิ่นถาม
“ถ้าเจ้าจะใช้ร่มคันหนึ่งแทนดาบ เจ้าควรจะเน้นไปที่การแทงและการกวาด วิชาดาบที่เจ้าใช้เป็นแค่การฟันเพียงอย่างเดียว” ผู้หญิงชุดเหลืองพูดอย่างรวบรัด
หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจ การระบุสิ่งของด้วยเสียงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร หานเซิ่นก็สามารถฟังมันได้ ยอดฝีมือระดับราชันหลายคนก็สามารถทำได้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่อะไรที่พิเศษ
ผู้หญิงชุดเหลืองดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอพูดขึ้นมา
“ร่มของเจ้าฟังดูขมขื่นมากๆ ถ้าข้าฟังได้ถูกต้อง มันคงจะเป็นร่มพิษ มันฟังดูบริสุทธิ์และเข้มข้นอย่างมาก มันคงจะเป็นอาวุธระดับราชัน”
“เจ้าแยกแยะเสียงของมันได้ถึงระดับนั้นเชียว?”
หานเซิ่นแปลกใจ ถึงแม้คนอื่นจะเห็นร่มของเขา แต่พวกเขาก็คงจะไม่รู้ว่ามันเป็นพิษ แถมเขาเป็นคนเดียวในจักรวาลจีโนที่ใช้วิญญาณอสูรเห็ดร่มพิษ เธอรู้ได้ยังไงว่าร่มของเขาเป็นพิษ? หานเซิ่นสับสนในเรื่องนี้
“ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ข้าได้ยินดาบ และข้าก็ได้ยินร่ม หนึ่งวิชาเป็นเหมือนกับหนึ่งพันวิชา มันไม่มีอะไรที่หนีจากการได้ยินของข้าได้”
ผู้หญิงชุดเหลืองพูดอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่ามันเป็นความจริงของจักรวาล
แต่ผู้หญิงชุดเหลืองดูอวดดีเกินไปหน่อย แม้แต่อัลฟ่าของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็ไม่กล้ากล่าวอ้างว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
หานเซิ่นครุ่นคิดกับตัวเอง ‘ถ้าผู้หญิงคนนี้อวดดีถึงขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นแค่ระดับราชัน แบบนั้นเธอคงจะเป็นบุคคลสำคัญของเผ่านภา แต่ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นเธอเลยในตอนที่อยู่ที่ปราสาทนภา?’
ผู้หญิงชุดเหลืองรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เธอเอามือลูบผมของตัวเองและพูด
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ลองใช้วิชาจีโนวิชาหนึ่ง โดยไม่มอง ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับมันและธาตุของมัน”
“น่าสนใจ ข้าเองก็อยากจะเห็นทักษะการฟังที่น่าอัศจรรย์ของเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ
“เชิญ” ผู้หญิงชุดเหลืองยิ้ม
ที่เธอพยายามจะทดสอบเขาก็เพราะเธอต้องการจะรู้จักเขาดียิ่งขึ้น เธอเชื่อว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำความรู้จักเขาก็คือการได้เห็นว่าเขาฝึกวิชาจีโนอะไร
ทฤษฎีการฟังเสียงก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของผู้หญิงชุดเหลืองเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องอธิบายถึงความสามารถที่แท้จริง ผู้หญิงชุดเหลืองนั้นฝึกวิชาลับตัวหนึ่งของเผ่าเวรี่ไฮ มันเรียกว่าเวรี่ไฮเซ้นส์ มันสามารถสัมผัสได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
มันไม่ใช่แค่การฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถึงแม้เธอจะถูกปิดสัมผัสทั้ง 7 เธอก็ยังเห็นภาพของทุกอย่างรอบตัวได้อย่างชัดเจนในจิตใจ ความสามารถในการได้ยินและรู้สึกของเธอจะไม่ถูกปิด
หานเซิ่นไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนมือของตัวเองเป็นวิชาเพทริฟายด์ที่เขาได้เรียนรู้มาจากเลฟต์เครซี่
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘วิชาเพทริฟายด์นั้นไม่มีเสียง เธอคงจะไม่ได้ยินอะไร’
หานเซิ่นเปลี่ยนแค่มือให้กลายเป็นหิน เขาใช้แขนของตัวเองเพื่อชกหมัดออกไป หลังจากนั้นเขาก็หันไปถามผู้หญิงชุดเหลือง
“เจ้าบอกได้ไหมว่านี่เป็นวิชาจีโนแบบไหน?”
ผู้หญิงชุดเหลืองใช้เวรี่ไฮเซ้นส์เพื่อสัมผัสทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น ถึงเธอจะไม่ได้หันมามอง แต่เธอก็เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“หมัดของเจ้าฟังดูหนักและเทอะทะ มันฟังค่อนข้างเป็นธรรมชาติ ถ้าข้าฟังได้ถูกต้อง เจ้าใช้วิชาเปลี่ยนหมัดของตัวเองให้กลายเป็นหิน ส่วนหมัดของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการจะตั้งชื่อของมัน เรียกมันว่าหมัดเพทริฟายด์”
หานเซิ่นตกใจ เขาถอนหายใจออกมา “หญิงชุดเหลืองมีการฟังที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
“ถ้าข้าพูดผิดไปแม้แต่อย่างเดียวล่ะก็ เจ้าก็ไม่ต้องมาล่าคอร์ไตรพอดทองแดงร่วมกับข้า” ผู้หญิงชุดเหลืองพูด เธอต้องการจะยั่วยุความอยากรู้ของหานเซิ่นเพื่อที่หานเซิ่นจะได้ใช้วิชาจีโนที่เขาถนัดจริงๆ แบบนั้นเธอก็จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนยังไง
ดอลลาร์และเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นสิ่งแปลกประหลาดในจักรวาลจีโน มันไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ไหน