หานเซิ่นยื่นมือออกไปสัมผัสหน้าผากของมนตรา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหมุนฟันเฟืองของเรื่องราวของยีน
ฟันเฟืองที่เหมือนกันของพวกเขาทั้งคู่สามารถเชื่อมต่อกันได้ พวกมันประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะที่ฟันเฟืองของหานเซิ่นเริ่มหมุน ฟันเฟืองของมนตราก็หมุนตาม ฟันเฟืองทั้ง 2 เร่งความเร็วขึ้นพร้อมกัน และสัญลักษณ์มนตราบนฟันเฟืองก็สว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ
แต่เนื่องจากฟันเฟืองประสานกัน ฟันเฟืองทั้ง 2 จึงหมุนกันไปคนละทิศทาง หนึ่งในพวกมันหมุนตามเข็มนาฬิกา ขณะที่ฟันเฟืองอีกอันหมุนทวนเข็มนาฬิกา
พวกเขาทั้งคู่มีพลังของเรื่องราวของยีน แต่หานเซิ่นตรวจพบว่าพลังของตัวเขาเองนั้นแตกต่างไปจากของมนตรา แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรกันที่ทำให้พลังของพวกเขาแตกต่างกัน
หานเซิ่นคาดเดาว่าความแตกต่างของพลังนั้นมาจากฟันเฟืองของพวกเขาที่หมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม
ขณะที่หานเซิ่นพยายามหาว่าการเชื่อมต่อระหว่างฟันเฟืองมีประโยชน์อะไรกัน ทันใดนั้นร่างกายของมนตราก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงภายใต้มือของเขา
ความเปลี่ยนแปลงนี้แตกต่างไปจากในตอนที่เธอกลายเป็นชุดเกราะ ปืนพก ปืนไรเฟิลหรือปืนอาร์พีจี มนตราก้าวเข้ามาหาหานเซิ่นและเชื่อมต่อกับร่างกายของเขา
“นี่มัน…” หานเซิ่นตกใจ นี่เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขารวมร่างกับนางฟ้า
แน่นอนว่าในตอนที่มนตรารวมเข้ากับร่างกายของหานเซิ่น ร่างกายของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ผมและดวงตาของเขาเปลี่ยนไปสะท้อนสีของมนตรา และสัญลักษณ์ประหลาดของมนตราก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา
การรวมกันนี้แตกต่างไปจากตอนที่มนตรากลายร่างเป็นชุดเกราะให้กับหานเซิ่น แต่เหมือนกับที่หานเซิ่นรวมร่างกับนางฟ้า เพราะร่างกายของหานเซิ่นไม่ได้ห่อหุ้มไปด้วยชุดเกราะ
หลังจากที่รวมร่างกับมนตรา หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าตอนนี้เขามีฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนอยู่ 2 อัน เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อ พวกมันยังคงทำงานและหมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม แต่นอกจากการส่งผลกระทบต่อกันแล้ว พวกมันก็ไม่ได้เชื่อมต่อกับฟันเฟืองจักรวาลอื่น พวกมันไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากตอนที่พวกมันแยกจากกัน พวกมันไม่ได้ปลดปล่อยพลังอาณาเขตอะไรออกมา
แต่หลังจากที่พวกมันรวมกัน ความแข็งแกร่งของหานเซิ่นก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังลึกลับจากภายในจิต เขาเคยรู้สึกถึงพลังนี้มาก่อน และตอนนี้มันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นรีบมองไปที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำที่อยู่ในจิต สัญลักษณ์หนึ่งปรากฏขึ้นบนหมวกของชุดเกราะคริสตัลสีดำ ซึ่งมันดูเหมือนกับสัญลักษณ์บนหน้าผากของหานเซิ่น มันเรืองแสงอ่อนๆ
หานเซิ่นรู้สึกว่าการเชื่อมต่อระหว่างเขากับชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่เคยใกล้ชิดถึงขนาดนี้มาก่อน มันเหมือนกับว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ด้วยจิตใจของเขา
แต่หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันเป็นภาพมายาซะมากกว่า เขาเห็นถึงการเชื่อมต่อระหว่างตัวเองกับชุดเกราะคริสตัลสีดำ แต่เขายังไม่สามารถควบคุมมันได้
แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีใจ “นี่พลังของเรื่องราวของยีนมีไว้เพื่อควบคุมชุดเกราะคริสตัลสีดำอย่างนั้นหรอ? การเชื่อมต่อระหว่างเราและชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ถ้าเรื่องราวของยีนเพิ่มระดับขึ้นถึงจุดๆหนึ่ง บางทีเราอาจจะควบคุมชุดเกราะคริสตัลสีดำได้จริงๆ”
หานเซิ่นนึกย้อนไปถึงตอนที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำทำลายล้างรูปปั้นของสิ่งมีชีวิตที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า เขารู้สึกอยากจะพัฒนาเรื่องราวของยีนไปจนถึงขั้นสูงสุดเพื่อที่เขาจะได้สวมใส่ชุดเกราะที่ทรงพลังอย่างนั้น
แต่นั่นก็ทำให้หานเซิ่นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เรื่องราวของยีนถูกคิดค้นโดยผู้นำเซเคร็ดและผู้หญิงประหลาดคนนั้น จุดประสงค์ของมันก็คือฆ่าพระเจ้า ทำไมเรื่องราวของยีนถึงได้มีความเกี่ยวข้องกับชุดเกราะคริสตัลสีดำกัน? นี่ชุดเกราะคริสตัลสีดำเป็นของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? ชุดเกราะคริสตัลสีดำมีต้นกำเนิดมาจากก็อตแซงชัวรี่ ถ้ามันมีความเกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ด อย่างนั้นทำไมผู้นำเซเคร็ดถึงได้ทิ้งมันเอาไว้ในก็อตแซงชัวรี่? ถ้าชุดเกราะคริสตัลสีดำคือสิ่งที่ผู้นำเซเคร็ดสร้างขึ้นเพื่อฆ่าพระเจ้า มันล้มเหลวอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาเอามันไปทิ้งในก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นใช่ไหม?”
หานเซิ่นรู้ว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้นำเซเคร็ดจะทิ้งชุดเกราะไปแบบนั้น ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น เขายังไม่รู้ความจริงในเรื่องนั้น
หลังจากที่ได้รู้ว่ามนตราสามารถทำอะไรได้ หานเซิ่นก็รู้สึกหดหู่ การหมุนฟันเฟืองของเรื่องราวของยีนไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก การรวมร่างกับมนตราแค่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรอย่างอื่น
‘ไม่มีทาง เรื่องราวของยีนควรจะเป็นเอกราช ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เรื่องราวของยีนจำเป็นต้องพึ่งชุดเกราะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? นี่ชุดเกราะคริสตัลสีดำถูกสร้างขึ้นมาเพราะมันเป็นหนทางเดียวที่ผู้นำเซเคร็ดจะฝึกเรื่องราวของยีนได้อย่างนั้นหรอ? นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันเชื่อมต่อกันได้ใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิด
ในตอนแรกที่หานเซิ่นพยายามฝึกเรื่องราวของยีน เขาทำไม่สำเร็จ มันเป็นเพราะความช่วยเหลือของชุดเกราะคริสตัลสีดำที่ทำให้เขาสามารถฝึกเรื่องราวของยีนได้
ถ้าผู้นำเซเคร็ดและผู้หญิงคนนั้นคิดค้นเรื่องราวของยีนขึ้นมาและสังเกตว่าไม่สามารฝึกมันได้ ผู้นำเซเคร็ดก็อาจจะพบหนทางที่จะฝึกมันด้วยการใช้ชุดเกราะคริสตัลสีดำนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหานเซิ่นในตอนที่เขาฝึกเรื่องราวของยีนก็อาจจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล
แต่มันมีเรื่องหนึ่งที่ไม่สมเหตุสมผล ถ้าชุดเกราะคริสตัลสีดำเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยฝึกเรื่องราวของยีนจริง ผู้นำเซเคร็ดก็ต้องถนุถนอมมันราวกับสมบัติล้ำค่า มันจะไม่มีเหตุผลที่เขาจะทิ้งมันเอาไว้ในก็อตแซงชัวรี่ นอกจากนั้นทำไมเขาถึงได้ทิ้งมันเอาไว้ในก็อตแซงชัวรี่เขตหนึ่ง?
ไม่ว่าจะคิดมากแค่ไหน หานเซิ่นก็ยังไม่เข้าใจ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหยุดคิดและคลายการเชื่อมต่อกับมนตรา
‘แปลกจริงๆ ในตอนที่เรารวมร่างกับมนตรา ทำไมกระบวนการของมันถึงได้คล้ายคลึงกับตอนที่เรารวมร่างกับนางฟ้า?’ หานเซิ่นอยากตามนางฟ้ามาเพื่อลองรวมร่างกัน แต่เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงต้องรอไปก่อน
ในตอนที่หานเซิ่นกลับมาที่ห้องควบคุม โจรสลัดยืนเรียงแถวกันตรงหน้าเป่าเอ๋อ พวกเขาต่างดูหดหู่ พวกเขาต่างเป็นระดับดยุกและราชัน แต่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ พวกเขาดูน่าหัวเราะ
ดวงตาของเหล่าโจรสลัดดูเหมือนกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้นหานเซิ่นจึงอุ้มเป่าเอ๋อขึ้นมาบนไหล่และพูด “ตอนนี้พวกเจ้ากลับไปทำงานได้แล้ว”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เริ่มเดินออกไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโจรสลัดคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “กัปตัน ดูนั่น! มีบางสิ่งกำลังตรงเข้ามาหาพวกเรา”
หานเซิ่นหันไปมองตามที่ชายคนนั้นบอกและเห็นยานรบขนาดใหญ่ลำหนึ่งท่ามกลางหมู่เมฆ ยานรบนั้นเกือบจะใหญ่โตเท่ากับดวงดาวทั้งดวง
ยานรบที่ใหญ่โตขนาดนั้นไม่ได้หายากอะไร แต่ที่นี่คือระบบเทียนเซีย เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำงานในที่แห่งนี้ได้ ด้วยเหตุนั้นมันจึงน่าแปลกที่ได้เห็นว่ายานที่ใหญ่โตขนาดนี้ยังทำงานได้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคำนึงถึงความประหลาดนี้ ยานรบก็เคลื่อนเข้ามาใกล้กับวาฬขาว วาฬขาวที่ใหญ่โตนั้นดูเหมือนกับปลาที่เล็กกระจิดริดเมื่ออยู่ต่อหน้ายานรบขนาดมหึมา