ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อไปนานเท่าไหร่ เหมิงเลี่ยก็สับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าบางตัวจะไม่ฉลาดอะไรนัก แต่มันก็ยังรู้ว่าต้องถอยไปเมื่อเป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบ มันไม่ควรพยายามจะโจมตีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ลดละแบบนี้
แต่เจ้ากิเลนนั้นต้องการจะต่อสู้จนตัวตาย ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยากจะรับมืออย่างน่าประหลาดใจ แต่สิ่งที่ทำให้เหมิงเลี่ยกังวลมากที่สุดคือความคิดที่ว่ามีใครบางคนบ่งการเรื่องทั้งหมดนี้อย่างลับๆ ถ้าบุคคลปริศนาคนนั้นสามารถควบคุมซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้ เหมิงเลี่ยก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน
“เราต้องรีบพาหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงโดยเร็ว”
เหมิงเลี่ยทำการตัดสินใจ โซ่สสารระเบิดในแสงสว่างที่แสบตา มันเหมือนกับเทพสีทองกำลังฉีกผ่านอวกาศ
เนื่องจากระดับพลังมหาศาลปะทะกัน หานเซิ่นจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ หลังจากผ่านไปสิบชั่วโมง หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของบางสิ่ง หลังจากนั้นมันก็เงียบไป เขาหันไปเห็นร่างที่ไร้หัวของเจ้ากิเลนค่อยๆร่วงผ่านก้อนเมฆลงไป
หลังจากนั้นเหมิงเลี่ยก็เข้ามาหาเขา มือของชายคนนั้นถือหัวที่ขาดของกิเลนเอาไว้ แต่เหมิงเลี่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ร่างกายสีทองของเขามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากและบาดแผลหนึ่งนั้นลึกจนเห็นกระดูก เขาดูจะได้รับความเสียหายพอสมควร
หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่ไม่สามารถโจมตีปิดชีวิตของเจ้ากิเลนได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้เป็นจำนวนมาก เขาค่อยๆเติมเต็มยีนระดับราชันของตัวเองไปทีละนิดๆ
หานเซิ่นและเหมิงเลี่ยเริ่มเดินทางกันต่อ หานเซิ่นฆ่าคลาวด์บีสต์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป มันก็มีคลาวด์บีสต์ที่บ้าคลั่งปรากฏตัวมาเพิ่มอีก ถึงแม้เหมิงเลี่ยจะฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็เริ่มจะเหนื่อยล้า
“ถ้าข้าได้รู้ว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่ล่ะก็ ข้าจะถลกหนังคนๆนั้นทั้งเป็น” เหมิงเลี่ยสาบแช่งอย่างไม่พอใจ
ในอดียเหล่าซีโน่เจเนอิคไม่เคยเข้ามาใกล้เหมิงเลี่ย เพราะพวกมันหวาดกลัวเขา แต่ในตอนนี้แม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับบารอนหรือไวเคานต์ก็ยังเข้ามาโจมตีเขา ถึงแม้เขาจะฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญ
หลังจากที่ต่อสู้มาตลอดทางอย่างไม่หยุด ในที่สุดเหมิงเลี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาคว้าตัวหานเซิ่นและรีบหนีไปจากการไล่ตามของเหล่าซีโน่เจเนอิคด้วยความเร็วสูง เขารู้สึกเบื่อหน่ายจากการฆ่าฟันอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ต้องการจะฆ่าฟันอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่เดินทางไปได้หนึ่งแสนไมล์ พวกเขาก็พบกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอีกตัวหนึ่ง มันปรากฏตัวออกมาขวางทางเหมิงเลี่ยเอาไว้
หานเซิ่นเห็นนกสีรุ้งตัวใหญ่ที่ดูคล้ายคลึงกับนกยูง มันบินผ่านหมู่เมฆตรงเข้ามา และเพียงแค่พลังชีวิตของมันก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ตัวสั่นด้วยความกลัว
“ราชานกยูงเทียนเซีย! ใครกันที่ควบคุมราชานกยูงเทียนเซียได้?” เหมิงเลี่ยพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาดูซีดไป
“นี่มันแข็งแกร่งอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“มันเป็นอันดับที่ 4 ใน 7 เทพของระบบเทียนเซีย ยูนิคอร์นเทียนเซียเป็นอันดับสุดท้าย แบบนั้นแล้วเจ้าคิดว่ามันจะไม่แข็งแกร่งอย่างนั้นหรอ?”
สีหน้าของเหมิงเลี่ยดูไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะราชานกยูงเทียนเซียได้
หานเซิ่นมองไปที่ราชานกยูงเทียนเซียด้วยความแปลกใจ มันค่อยๆกางขนนกที่งดงามของมันออกเป็นครึ่งวงกลมด้านหลัง
ภาพที่เหมือนกับดวงตาจ้องออกมาจากหางของนกยูง สีทั้งหมดของสายรุ้งสว่างขึ้นภายในดวงตานั้น พวกมันกลายเป็นแสงแห่งเทพสีรุ้งที่อาบทั้งทะเลเมฆ
ในจังหวะที่แสงสีรุ้งถูกปลดปล่อยออกมา หานเซิ่นก็มองดูแสงนั้นพุ่งมาถูกร่างกายของเขา และเมื่อเป็นแบบนั้น ชุดเกราะ ผิวหนังและเส้นผมของเขาก็เริ่มจะดูเหมือนฝุ่นธุลี เขาอึ้งเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้
กายหยกของหานเซิ่นไม่สามารถป้องกันแสงแห่งเทพสายรุ้งของเจ้านกยูงได้ หานเซิ่นมองไปที่เหมิงเลี่ยและเห็นว่าเขาเองก็เริ่มละลายเป็นผุยผงเช่นเดียวกัน
เหมิงเลี่ยกัดฟันและร่างกายของเขาก็กลายเป็นสีทองอีกครั้ง เขายื่นมือมาจับตัวหานเซิ่นเพื่อทำให้ร่างกายของหานเซิ่นกลายเป็นสีทองเช่นเดียวกัน สีทองนั้นย้อมทั้งร่างกายของหานเซิ่น
เมื่อหานเซิ่นสังเกตดูดีๆ เขาก็เห็นว่าชั้นสีทองนั้นทำมาจากโซ่สสารที่สลับซับซ้อน แต่ชั้นป้องกันนั้นก็เริ่มจะสลายภายใต้แสงแห่งเทพสายรุ้งของเจ้านกยูง เห็นได้ชัดว่าร่างกายสีทองของเหมิงเลี่ยไม่สามารถทนต่อแสงแห่งเทพสายรุ้งของราชานกยูงเทียนเซียได้
“เจ้าต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เหมิงเลี่ยโยนหานเซิ่นออกไป หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวิ่งเข้าไปหาราชานกยูงเทียนเซีย
หานเซิ่นใช้แรงจาการโยนของเหมิงเลี่ยเพื่อหนีจากแสงแห่งเทพสายรุ้ง ขณะเดียวเจ้าราชานกยูงเทียนเซียก็กำลังยุ่งอยู่กับการรับมือกับเหมิงเลี่ย ทำให้มันไม่สามารถไล่ตามเขามาได้
‘เวรล่ะ! แม้แต่ซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวแบบนี้ก็ยังถูกดึงดูดเข้ามา เราคงจะเก็บของพวกนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว’ หานเซิ่นคิด เขานำก้อนเมฆออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาและโยนมันทิ้งไป หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบินหนีไป
สิ่งนั้นดึงดูดราชานกยูงเทียนเซียมาได้ ถ้าเกิดหานเซิ่นยังคงพกมันติดตัวต่อไป มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่มันจะดึงดูดเทพของเทียนเซียที่เหลือ
แค่ยูนิคอร์นเทียนเซียที่เป็นอันดับสุดท้ายก็ยังแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แบบนั้นแล้วราชานกยูงเทียนเซียก็คงจะต้องน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก แม้แต่เหมิงเลี่ยก็ไม่กล้าประมาณศัตรูแบบนั้น ถ้าเกิดมันยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้นปรากฏตัวออกมาอีก พวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายในเวลาอันสั้น
หลังจากที่หานเซิ่นทิ้งก้อนเมฆนั้นไป เขาก็บินไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อหนีไปจากเหมิงเลี่ย
หลังจากบินไปได้สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งกำลังตามเขามาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมอง เขาก็เห็นว่าก้อนเมฆนั้นกำลังไล่ตามเขามา
“โอ้ไม่นะ! ทำไมมันถึงได้ไล่ตามเรามา?” ดวงตาของหานเซิ่นแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เจ้าสิ่งนั้นไม่ยอมอยู่ในที่ที่เขาทิ้งมันเอาไว้
ก้อนเมฆนั้นไม่ได้ตอบหานเซิ่น มันบินเข้ามาหาเขาและลอยตัวอยู่ใกล้ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ต้องการจะทำร้ายอะไรเขา
หานเซิ่นคิดว่าควรจะออกห่างจากเมฆประหลาดนี้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเร่งความเร็วขึ้นและใช้ฟินิกซ์เทคนิคขณะที่บินหนีไป
ถึงแม้เมฆสีน้ำนมจะดูเชื่องช้ามาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันกลับไล่ตามหานเซิ่นได้ทัน ไม่ว่าหานเซิ่นจะเปลี่ยนทิศทางสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถหนีมันได้
หานเซิ่นลองชกใส่มันเพื่อจะส่งมันกระเด็นออกไป แต่นั่นก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเท่าไหร่ ก้อนเมฆสีน้ำนมก็จะกลายเป็นอะไรที่เหนียวแน่นและทนต่อแรงกระแทกได้ทุกอย่าง
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นกลุ่มคลาวด์บีสต์อีกกลุ่มปรากฏตัวออกมา พวกมันถูกดึงดูดเข้ามาโดยก้อนเมฆที่ติดตามหานเซิ่นอยู่
โชคดีที่คลาวด์บีสต์พวกนั้นมีระดับค่อนข้างต่ำ พวกมันเป็นแค่ระดับไวเคานต์และเอิร์ล ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย
“ถ้าเจ้าพาซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาหาข้าอีก ข้าก็คงจะถูกฆ่าตาย”
หานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรเพื่อกำจัดก้อนเมฆนี้ได้ เขารู้สึกอยากจะร้องไห้
แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รัศมีการดึงดูดของก้อนเมฆนี้มีจำกัด ถ้าเขาไม่ไปไหน มันก็จะไม่มีคลาวด์บีสต์ที่น่ากลัวถูกดึงดูดเข้ามาหาเขา
เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็หยุดหนี เขาหยุดอยู่กับที่และจ้องมองไปที่ก้อนเมฆสีน้ำนม เขาพูดกับมัน “ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ตามข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”
หานเซิ่นพยายามจะขู่จิ้งหรีดดำและต้นเศรษฐีเรือนนอก เพราะมันเห็นได้ชัดว่าหนึ่งในพวกมันคือสิ่งที่ก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้
“คิดจริงๆหรือว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้?” หานเซิ่นพูดด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าก้อนเมฆไม่มีการตอบสนองอะไร เขาก็เดินตรงเข้าไปหาก้อนเมฆ