เลอตู้กลับเข้าไปต่อสู้กับยูนิคอร์นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง แต่ทั้งหมดที่หานเซิ่นเห็นคือหยดเลือดนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันเห็นได้ชัดว่านั่นคือเลือดของเลอตู้
“นี่มันแย่แล้ว พวกเราต้องหาหนทางหนีออกไปจากที่นี่”
หานเซิ่นพยายามจะออกไปหลายต่อหลายครั้ง แต่พลังของเขาไม่เพียงพอที่จะทำลายโซ่สสารที่ก่อตัวเป็นกรงขังพวกเขาเอาไว้ หานเซิ่นจำเป็นต้องใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่เขาจะหนีออกไปได้
“ทำไมถึงไม่มีซีโน่เจเนอิคหรือคนจากเผ่าพันธุ์อื่นมามองดูพวกเรา? ถ้ามีใครสักคนอยู่นอกโล่ป้องกันล่องหนนี้ เราก็คงจะใช้วิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตเพื่อเทเลพอร์ตออกไปข้างนอกได้” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขามองไปรอบๆ แต่เขามองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเลย
หานเซิ่นคาดเดาว่ามีใครบางคนจงใจล็อคที่นี่เอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันก็ต้องมีสิ่งมีชีวิตมาดูการต่อสู้บ้าง
“คนแบบไหนกันที่ต้องการให้พวกเราตายมากขนาดนี้?”
หานเซิ่นตะโกนและหันหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาหวังว่าจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์จากเลอตู้
“มันไม่มีใครต้องการให้เจ้าตาย พวกเราเป็นแค่วัวกระทิงในสนามต่อสู้”
เสียงของเลอตู้ดังก้องกลับมา เขาดูใจเย็นอย่างน่าตกใจ มันเหมือนกับว่านอกจากความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว เขายังไม่สามารถแสดงอารมณ์อะไรออกมาได้
หานเซิ่นเข้าใจทันทีว่าเลอตู้หมายความว่าอะไร พวกเขาเป็นผู้เข้าแข่งขันในเกมส์กีฬา แต่พวกเขาไม่ใช่มาธาดอร์ที่หลอกล่อวัวกระทิงในขณะที่ผู้ชมส่งเสียงเชียร์ พวกเขาเป็นสุนัขที่ต่อสู้ในสนามโดยให้ผู้ชมวางเดิมพัน
เหตุผลที่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวไม่มาฆ่าพวกเขาด้วยตัวเองเป็นอะไรง่ายๆ สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าคงจะกำลังเพลิดเพลินกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าหานเซิ่นและเลอตู้จะอยู่หรือตาย เขาก็ยังคงสนุกสนาน
ไม่มีใครต้องการเป็นสุนัขที่ดันทุรังต่อสู้ในการต่อสู้ที่ไม่มีโอกาสชนะ แต่หานเซิ่นไม่มีทางเลือก เขาเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกชักใย ความรู้สึกไร้กำลัง ทำให้อกของหานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกบดขยี้
ปัง!
บนท้องฟ้าด้านบนมีรอยร้าวเกิดขึ้นและฉีกอวกาศอีกครั้ง เลอตู้ถูกส่งกระเด็นออกมา
ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเลือด เขามีบาดแผลอยู่เต็มตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงต่อสู้ต่อไป
ดวงตาของเลอตู้ยังคงแจ่มใส หานเซิ่นแทบจะรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของเขา มันเหมือนกับว่าเขากำลังพูดขึ้นว่า
“ถ้าเจ้าไม่ชอบอะไรแบบนี้? แบบนั้นก็ใช้พลังของเจ้าเพื่อเอาชนะพวกมัน!”
ตูม!
เลอตู้มีเลือดท่วมตัว แต่เขายังคงพยุงตัวเองขึ้นมาและพุ่งกลับเข้าไปปะทะกับยูนิคอร์นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะต่อสู้จนเลือดหยดสุดท้าย เลอตู้ไม่มีวันที่จะยอมแพ้
ความรู้สึกไร้กำลังของเลอตู้เหมือนกับภายในหัวของหานเซิ่น มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงทุกสิ่งในชีวิตของเขา เขามีคำถามมากมายและในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องมีคำอธิบาย แต่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบให้กับเขาได้ เขาต้องตามหาคำตอบทั้งหมดตามลำพัง
หานเซิ่นรู้ว่าไม่มีใครมอบคำตอบให้กับเขาได้และรู้ว่าตัวเองนั่นอ่อนแอเกินไป
เหมือนอย่างหานอวี้เฟยพ่อของเขา หานอวี้เฟยเลือกที่จะประสบทุกสิ่งตามลำพังเพื่อปกป้องภรรยาและลูกๆ เขาไม่เคยเปิดเผยอดีตของตัวเองกับใครคนไหน แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่เว้น
และนั่นเป็นเพราะหานเซิ่นเป็นแค่เด็กที่ไร้กำลัง การบอกหานเซิ่นไปนั้นไม่ได้ช่วยอะไร มันมีแต่จะทำให้เขามีภาระที่ต้องแบกรับเพิ่มขึ้น
พ่อคนนั้นไม่ต้องการให้ลูกของเขาต้องประสบหรือแบกรักภาระที่ไม่ควร
คนอื่นๆที่นอกเหนือจากพ่อของหานเซิ่นอาจจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไปในการเก็บข้อมูลเอาไว้เป็นความลับ แทนที่จะพยายามปกป้องหานเซิ่น พวกเขาแค่คิดว่าหานเซิ่นนั้นอ่อนแอ การมอบความลับให้กับคนที่อ่อนแอคนหนึ่งจะไปมีประโยชน์อะไร? มันจะไม่ช่วยอะไรพวกเขาเลยสักนิดและมันก็มีแต่จะนำปัญหามาให้
แต่หานเซิ่นจำเป็นต้องหาคำตอบของคำถามพวกนี้ เพราะในตอนที่ทุกอย่างมืดมิดและเงียบสงัด พวกมันจะผุดขึ้นมาในจิตใจของเขาซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่หยุด เขาอาจจะเกลียดการที่ตัวเองไร้กำลัง แต่เขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
ความรู้สึกไร้กำลัง ความรู้สึกสิ้นหวัง การขาดอำนาจที่จะเลือกชะตากรรมของตัวเอง ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ
ความรู้สึกบนใบหน้าของเลอตู้ฝังลึกอยู่ในหัวใจของหานเซิ่นเช่นเดียวกัน และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หานเซิ่นต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น เขาอยากจะได้รับคำตอบของคำถามเหล่านั้น
“หนี้นี้… ฉันต้องให้พวกเวรนั่นจ่ายคืนให้กับฉัน” หานเซิ่นกัดฟันขณะที่เลือดภายในร่างกายของเขาเดือด
การฆ่าฟันยังคงดำเนินต่อไป และยูนิคอร์นครึ่งเทพทั้ง 7 ก็ไม่สามารถหยุดยั้งหานเซิ่นได้อีกต่อไป เขาฆ่ายูนิคอร์นไปนับไม่ถ้วน และพวกมันก็กรีดร้องใส่เขาด้วยความโกรธ พวกมันคงจะเกลียดชังหานเซิ่นมากๆ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นแสงสีรุ้งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ยูนิคอร์นหลายตัวใช้อาณาเขตของพวกมันเพื่อเป็นโล่ป้องกันตัวเองจากแสงนั่น ยูนิคอร์นที่ไม่ได้ทำแบบนั้นลุกเป็นไฟขึ้นมา
แสงนั้นยังไปถึงตัวของยูนิคอร์นระดับครึ่งเทพทั้ง 7 ตัว และพวกมันก็ลุกไหม้ภายใต้รัศมีของแสงสีรุ้งนั้น
‘โอ้ไม่นะ!’ หานเซิ่นคิด เขาเห็นยูนิคอร์นสีดำกรีดร้องขึ้นไปบนท้องฟ้า และทันใดนั้นมันก็วิ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น
ในตอนนี้มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม มันเร็วกว่าที่หานเซิ่นจะเคลื่อนไหวได้ทัน หานเซิ่นต้องการจะใช้วิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อต แต่มันสายเกินไปแล้ว เขายกมีดเขี้ยวผีสิงและธันเดอร์ก็อตสไปค์ขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองการโจมตีของยูนิคอร์นสีดำ
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นถูกยิงออกไปราวกับกระสุนของลูกปืนใหญ่ เลือดพุ่งออกมาจากปากและอกของเขาราวกับว่ามันจะระเบิด
เมื่อยูนิคอร์นระดับเทพเจ้าเสริมพลังให้กับเหล่ายูนิคอร์นครึ่งเทพ ความเร็วและพละกำลังของยูนิคอร์นสีดำก็เพิ่มสูงขึ้น กายหยกขั้นที่ 2 ของหานเซิ่นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับมัน
ก่อนที่หานเซิ่นจะทรงตัวได้ ลำแสงสีขาว 2 เส้นก็พุ่งออกมาจากดวงตาของยูนิคอร์นสีขาว พวกมันทะลุร่างกายของหานเซิ่นไป
ร่างกายของหานเซิ่นระเบิดเหมือนกับน้ำ แต่เขาก็รีบประกอบตัวขึ้นมาใหม่ ร่างกายของหานเซิ่นกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง แต่ใบหน้าของหานเซิ่นดูซีดไป
เขามีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เมื่อเหล่ายูนิคอร์นระดับครึ่งเทพได้รับการเสริมพลังจากยูนิคอร์นระดับเทพเจ้า หานเซิ่นก็ไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นยูนิคอร์นระดับครึ่งเทพสีทองและม่วงก็วิ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น พลังอาณาเขตที่น่ากลัวของพวกมันสร้างโล่ที่ทับซ้อนกันขึ้นมา โล่ที่ต่างสีนั้นมีพลังที่แตกต่างกัน
วินาทีต่อมา ยูนิคอร์นสีม่วงและทองก็ชนเข้ากับหานเซิ่นและบดขยี้ร่างกายของเขา