หานเซิ่นติดตามเลอตู้ผ่านทะเลเมฆไป พวกเขาได้พบกับยอดฝีมือมากมายที่เดินทางมาเพื่อจับตัวหานเซิ่น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ยอดฝีมือเหล่านั้นเห็นเลอตู้ พวกเขาก็รีบหลีกทางให้ในทันที มันไม่มีใครกล้าเข้ามาเผชิญหน้ากับเลอตู้
แต่หานเซิ่นยังรู้สึกได้ถึงสายตาของใครหลายๆคนที่กำลังมองมาที่เขา และความรู้สึกนั่นก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆยิ่งเวลาผ่านไป อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆไม่สามารถใช้งานในระบบเทียนเซียได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่านักล่าที่เดินทางมาจะไม่มีหนทางจับตาดูเขา ยอดฝีมือหลายคนที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้สามารถจับตาดูเลอตู้และหานเซิ่นได้จากระยะที่ไกลออกไปหลายหมื่นไมล์
เลอตู้เพียงแค่บินต่อไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไร แต่ที่สุดแล้วเขาก็หยุดไปอย่างกะทันหัน
หานเซิ่นสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่เขามองออกไปข้างหน้า คนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากหมู่เมฆสีเขียว
บุคคลกลุ่มนั้นดูเหมือนกันทั้งหมด พวกเขามีปีกผีเสื้อกางออกจากด้านหลัง และบนหัวโล้นของพวกเขาก็มีหนวด 2 หนวดงอกออกมา ร่างกายของพวกเขาสวมชุดเกราะแมลงสีดำ
พวกเขามีอยู่ด้วยกัน 6 คน พวกเขากระพือปีกของตัวเองและบินเข้าไปหาเลอตู้
หานเซิ่นสังเกตพวกเขาทั้ง 6 อย่างตั้งใจ พวกเขาทุกคนดูเหมือนกันหมด และชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ก็เป็นแบบเดียวกัน พวกเขาทั้ง 6 ดูเหมือนกับแฝด
แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ได้โง่เขลาพอที่จะดูถูกพวกเขาจากรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด พวกเขาทั้งหมดเป็นระดับราชันขั้นที่ 8 หรือขั้นที่ 9 บางคนอาจจะเป็นถึงครึ่งเทพด้วยซ้ำ
มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องแข็งแกร่ง เมื่อดูจากการที่พวกเขากล้าเข้ามาขวางทางของเลอตู้ ยอดฝีมือระดับราชันธรรมดาคงจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น
“เลอตู้ ได้โปรดเห็นแก่พวกเรา 6 พี่น้อง พวกเราจะซาบซึ้งอย่างมาก” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา
“พวกเจ้าเป็นใคร?” เลอตู้พูดอย่างขาดความกระตือรือร้น
“เจ้า…” คนประหลาดที่อยู่หน้าสุดโกรธ
“ก็ได้เลอตู้ พวกเรากำลังคิดจะไปแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ของเดสทรอยเยอร์ แต่ถ้าเจ้าอยากจะตายมาก พวกเราราชาหกแฟรี่ผีเสื้อก็จะช่วยให้เจ้าได้สมหวังเอง”
หลังจากที่พูดแบบนั้นบุคคลประหลาดทั้ง 6 ก็กระพือปีกและบินเข้ามาล้อมเลอตู้เอาไว้
“เจ้าไปหาที่ปลอดภัยและรอข้าอยู่ที่นั่น” เลอตู้พูดอย่างสงบนิ่ง
หานเซิ่นได้ยินคำสั่งและบินถอยห่างออกไปจากทะเลเมฆบริเวณนั้น
ราชาหกแฟรี่ผีเสื้อมองดูหานเซิ่นบินจากไป แต่พวกเขาไม่ได้ไล่ตาม เนื่องจากเลอตู้กำลังมองมาที่พวกเขา ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการกับเลอตู้ก่อนแล้วค่อยไล่ตามหานเซิ่นไป
หานเซิ่นบินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง ราชาหกแฟรี่ผีเสื้อใช้อาณาเขตและปีกผีเสื้อบนหลังของพวกเขาก็เริ่มเรืองแสงออกมาด้วยสี 6 สีที่แตกต่างกัน เมื่ออาณาเขตของทั้ง 6 คนประสานเข้าด้วยกัน มันก็กลายเป็นอาณาเขต 6 สีที่ขังเลอตู้เอาไว้ภายใน
ปัง!
เลอตู้พยายามชกใส่อาณาเขต 6 สีนั้น แต่มันไม่ได้ผล
หานเซิ่นตกใจขณะที่หันกลับไปมอง แฟรี่ผีเสื้อทั้ง 6 เป็นครึ่งเทพอย่างไม่ต้องสงสัย และตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้ง 6 รวมอาณาเขตของตัวเองเป็นหนึ่งเดียว ประสิทธิภาพของมันก็ทวีคูณด้วยจำนวนของพวกเขา ถ้าแม้แต่พละกำลังของเลอตู้ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายอาณาเขตนั่น มันก็ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะกล้ามาเผชิญหน้ากับเลอตู้
จากระยะไกลหานเซิ่นได้ยินหนึ่งในแฟรี่ผีเสื้อพูดขึ้นมา
“เลอตู้ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อเจ้าตกอยู่ในอาณาเขตแฟรี่ของพวกเรา เจ้าก็ไม่มีทางจะเคลื่อนที่ไปจากตรงนั้นได้อีก”
เลอตู้เมินเฉยต่อคำพูดของพวกเขาและเริ่มชกหมัดไปรอบๆ อาณาเขตแฟรี่ 6 สีสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันไม่ได้บุบสลายหรือแตกร้าว
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หานเซิ่นก็เลิกหันมามองและรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดกับตัวเอง ‘ดูเหมือนว่าเลอตู้จะฆ่าคนพวกนี้ไม่ได้ง่ายๆ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะหนีไป รอนายอย่างนั้นหรอ? ฉันฉลาดเกินกว่าที่จะนั่งอยู่เฉยๆและรอให้นายมาจับตัวฉันไปอีกครั้ง’
หานเซิ่นเมินเฉยต่อสถานการณ์ด้านหลังและใช้สมาธิไปกับการพยายามจะหนีไป เขาต้องการจะไปให้ไกลจากเลอตู้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หานเซิ่นติดตามเลอตู้มานานพอที่จะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตำแหน่งไหนในระบบเทียนเซีย ถึงแม้เขาจะยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของเป่าเอ๋อได้ แต่เขาก็พอจะรู้ทิศทางที่เธอมุ่งหน้าไป
แต่หานเซิ่นไม่ได้ตรงไปทางเป่าเอ๋อในทันที เขาตัดสินใจจะใช้ทางอ้อมแทน ก่อนอื่นเขาต้องการจะสลัดสายตาของคนที่คอยจับตามองเขา
แต่หลังจากที่บินไปได้สักพัก หานเซิ่นก็พบว่ายังไม่มีใครเข้ามาหยุดเขาเอาไว้ เขาได้ทำการเปลี่ยนทิศทางหลายครั้งขณะที่หนีไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวออกมา
“แปลกจริงๆ ทำไมถึงไม่มีใครออกมา?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัย แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
ผู้คนที่จับตาดูเขาอยู่ยังคงหวาดกลัวเลอตู้ เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงยังไม่เข้ามาจับตัวหานเซิ่น
เมื่อรู้สึกตัวในเรื่องนั้น หานเซิ่นก็เริ่มบินเป็นเส้นตรง เขาเร่งความเร็วขึ้นเพื่อออกห่างจากเลอตู้
เป็นอย่างที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ เมื่อเขาออกห่างจากเลอตู้ได้ระยะพอสมควร มันก็มีใครหลายคนที่ทนต่อความยั่วยวนที่จะออกมาจับตัวเขาไม่ได้อีก
มันมีสิ่งมีชีวิตระดับราชันหลายสิบชีวิตจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันปรากฏตัวออกมา พวกเขารู้ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นตามลำพังได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงก่อตั้งพันธมิตรชั่วคราวขึ้นมา
หานเซิ่นมองไปที่พวกเขาและสังเกตเห็นว่าพวกเขามีอยู่ด้วยกัน 20-30 ชีวิต และ 3 คนในหมู่พวกเขาเป็นถึงระดับครึ่งเทพ มันดูเหมือนว่าพวกเขาทั้ง 3 คือผู้นำของพันธมิตรชั่วคราวนี้
“หานเซิ่น เจ้าควรจะยอมมอบตัวแต่โดยดี อย่าได้ทำให้พวกเราต้องทำร้ายเจ้า” หนึ่งในครึ่งเทพพูดขึ้นมา
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาตอบด้วยการส่งหมัดที่รวดเร็วไปทางอีกฝ่ายแทน เขาคิดกับตัวเอง ‘พวกนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เลอตู้อย่างนั้นหรอ? พวกนายไม่ต้องการทำร้ายฉัน? ก่อนอื่นพวกนายจำเป็นต้องมีความสามารถพอที่จะมาทำร้ายฉัน’
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น ครึ่งเทพคนนั้นก็ตะโกนขึ้นมา
“ถึงตาหัวหน้าแล้ว!”
หานเซิ่นรู้สึกว่ามันแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไงกันแน่ เขาหันมองไปที่ครึ่งเทพอีกคนหนึ่ง
สิ่งมีชีวิตครึ่งเทพนี้ดูเหมือนกับเสือดำ เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น มันก็คำรามออกมาเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตสีดำ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาณาเขตธาตุน้ำ
หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวต่ออาณาเขตธาตุน้ำ เนื่องจากเขามีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ น้ำจึงไม่ได้เป็นผลเสียอะไรต่อเขา
ก่อนที่หมัดของหานเซิ่นจะไปถึงใบหน้าของครึ่งเทพตัวนั้น อาณาเขตสีดำก็ก่อตัวรอบๆร่างกายของมัน ยอดฝีมือระดับราชันอีก 20 คนใช้อาณาเขตของตัวเองเช่นกัน อาณาเขตนานาชนิดทับซ้อนกันภายในอาณาเขตของเสือดำ อาณาเขตสีดำกลืนกินพวกมันเข้าไปและทำให้อาณาเขตสีดำดูมืดมิดขึ้นไปอีก ทันใดนั้นมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ากำลังตกลงไปในหลุมที่ไร้ก้น เขายื่นมือออกไปข้างหน้าและพบว่ามองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง
“นี่มันไม่ใช่อาณาเขตธาตุน้ำ?” หานเซิ่นประหลาดใจ
อาณาเขตสีดำกลืนกินอาณาเขตของราชันคนอื่นเข้าไป หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นวัตถุสีดำที่ดูเหมือนกับไข่ เมื่อเสือดำรวบรวมพลัง วัตถุสีดำก็เริ่มหดตัวเล็กลงเรื่อยๆ แต่ทว่าความมืดมิดภายในกลับหนาแน่นขึ้นไปอีก
ความมืดมิดเริ่มจะเหมือนกับของเหลวขณะที่มันกดลงกับตัวของหานเซิ่น ร่างกายของหานเซิ่นสามารถเคลื่อนไหวผ่านพวกมันได้ แต่เมื่อความมืดมิดหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ บางสิ่งก็เริ่มจะต้านทานการเคลื่อนไหวของเขา มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ภายในซีเมนต์ที่กำลังแข็งตัว ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็แข็งไป เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก