Super God Gene – ตอนที่ 2472

“อีก 2 ครั้ง!” เลอตู้พูดขณะที่มีไอเย็นลอยออกมาจากปาก เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

 

‘หมอนี่น่ากลัวจริงๆ แต่เราเพิ่งจะปลดล็อคกายหยกได้แค่ขั้นเดียว ถ้าเราเป็นระดับครึ่งเทพเหมือนกันล่ะก็ เขาก็จะไม่ได้อวดดีแบบนี้’ หานเซิ่นก้าวถอยออกไป 2 ก้าวและขมวดคิ้ว

 

หลังจากที่หยุดคิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ได้ไอเดียบางอย่างขึ้นมา เขาเริ่มรวบรวมพลังไว้ที่หมัดของเขาอีกครั้งหนึ่ง

 

แต่ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้ชกใส่เลอตู้แค่ครั้งเดียว เขาปล่อยหมัดที่ต่อเนื่องออกไป แต่พลังที่ถูกปลดปล่อยออกไปนั้นเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่ช้ามากๆ มันเหมือนกับหอยทากที่กำลังคืบคลานเข้าไป

 

ในชั่วครู่หานเซิ่นก็ปล่อยหมัดออกไปจำนวนนับไม่ถ้วน พลังของแต่ละหมัดเป็นเหมือนกับคลื่น และพวกมันก็ซัดไปข้างหน้า พวกมันรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัว

 

ขณะที่หานเซิ่นชกออกไปเรื่อยๆ คลื่นพลังก็สะสมมากขึ้น พลังของมันทวีคูณจนกลายเป็นเหมือนคลื่นสึนามิที่ตรงเข้าไปหาเลอตู้

 

ทะเลเมฆรอบๆถูกพัดกระเด็นออกไปโดยคลื่นของหานเซิ่น พลังที่น่ากลัวที่กำลังตรงเข้าไปหาเลอตู้เหมือนกับสายลมที่ปัดเป่ากาแล็กซี่

 

กล้ามเนื้อของเลอตู้ตึงขึ้นเพื่อรับการโจมตีที่เข้ามา เขาไม่ได้พยายามจะหลบหลีกมัน เขาเพียงแค่ทนรับพลังที่หานเซิ่นปลดปล่อยออกมา

 

ปัง!

 

พลังของหานเซิ่นซัดเข้ามาถูกร่างกายของเลอตู้และทำลายชุดเกราะของเขา พลังที่ถูกทวีคูณเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง ชุดเกราะระดับราชันของเลอตู้ถูกทำลายเป็นผุยผงและเศษเสี้ยวที่เหลือก็กระจัดกระจายไปทั่ว พวกมันระยิบระยับรอบตัวของเขาราวกับดวงดาวน้อยๆ

 

แต่เมื่อพลังที่น่ากลัวซัดมาถูกกับกล้ามเนื้อของเลอตู้ พลังของหานเซิ่นก็สลายไป ขณะที่ร่างกายของเลอตู้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

“เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้”
หานเซิ่นมองเลอตู้ด้วยความตกใจ ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดว่าการโจมตีนี้จะเอาชนะเลอตู้ได้ แต่เขาก็คาดว่ามันจะส่งอีกฝ่ายกระเด็นออกไป แต่นี่เลอตู้กลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัวขึ้นมา

 

“เจ้าเหลือโอกาสอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
ร่างกายของเลอตู้เปื่อยเปล่าอย่างสมบูรณ์ และอกที่แข็งแกร่งของเขาก็ประดับประดาไปด้วยรอยสักของมังกร ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่งขณะที่พูดออกมา

 

หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็นำเอาธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมา
“ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาจริงแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่มาโทษข้าที่หลังกับสิ่งที่เกิดขึ้น”

 

ธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ใช่อาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอะไร แต่มันมีพลังสายฟ้าที่ยากจะทนได้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ยังเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเมื่อถูกโจมตีด้วยอาวุธนี้ มันไม่สำคัญว่าเลอตู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งได้

 

เมื่อคิดได้แบบนั้นหานเซิ่นก็ใส่พลังของเขาเข้าไปในธันเดอร์ก็อตสไปค์

 

“เจ้าคงไม่หลบสิ่งนี้หรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่ยกธันเดอร์ก็อตสไปค์และมองไปที่เลอตู้

 

เลอตู้ไม่ได้พูด แต่คำตอบของเขาเป็นอะไรที่ชัดเจน การที่เขาไม่พูดอะไรนั้นคือการบอกให้หานเซิ่นรีบลงมือให้จบๆ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซิ่นก็ยกธันเดอร์ก็อตสไปค์ขึ้นและเล็งมันไปที่หัวของเลอตู้ หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถเปิดกะโหลกของอีกฝ่ายได้ แต่พลังของธันเดอร์ก็อตสไปค์นั้นควรจะทำให้เลอตู้เคลื่อนไหวบ้าง

 

ปัง!

 

สายฟ้าปะทุรอบๆธันเดอร์ก็อตสไปค์ที่ปะทะกับหัวของเลอตู้และไหลตรงเข้าไปสู่กะโหลกของเขา

 

หัวของเลอตู้เอนไปด้านหลัง หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนี้ และเขาคิดว่านี่จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน แต่มีแค่หัวของเลอตู้ที่ขยับเท่านั้น ร่างกายของเขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

สายฟ้าสีเงินปะทุรอบๆหัวของเลอตู้ และควันสีขาวก็ลอยออกมาจากเส้นผมของเขา แต่เขาดูจะไม่สะทกสะท้อนต่อการโจมตีนั้น คอของเขากลับมาตรงเหมือนเดิมขณะที่สายฟ้าจากธันเดอร์ก็อตสไปค์ยังคงช็อตใส่หัวของเขาเรื่อยๆ

 

หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ร่างกายของเขาเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน แต่เขาก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีแบบนี้ได้ การที่เลอตู้ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมานั้นเป็นอะไรที่น่าตกตะลึง

 

เลอตู้ใช้นิ้วมือสัมผัสกับธันเดอร์ก็อตสไปค์ และเขาก็ผลักมันออกไปก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ร่างกายของข้าถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่ในตัวข้าอีก ความเจ็บปวด ความชาและความมึนไม่มีอยู่ในร่างกายของข้า ความชาที่เกิดจากสายฟ้าไม่มีผลอะไรกับคนอย่างข้า”

 

“อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ธันเดอร์ก็อตสไปค์ไม่ได้ผลกับเจ้า” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง

 

“ไปกันเถอะ” เลอตู้หันหลังเพื่อไปจากที่นั่น

 

หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เขาก็ตามเลอตู้ไป เขาไม่มีแผนจะหนี

 

“เจ้าเป็นคนที่รักษาสัญญาของตัวเอง” เลอตู้มองไปที่หานเซิ่น

 

“เปล่า แต่ข้ารู้ว่าการพยายามหนีจากเจ้าเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์” หานเซิ่นยักไหล่

 

“เจ้าเป็นคนที่ซื่อตรง” เลอตู้พูดอย่างประหลาดใจ

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขาคิดกับตัวเอง
“เราไม่รู้ว่าทางในระบบเทียนเซีย และเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป่าเอ๋ออยู่ที่ไหน การหนีไปมั่วๆในระบบเทียนเซียจะไม่ช่วยอะไร มันจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งอย่างเลอตู้อยู่อีกมาก ถ้าเราติดตามเลอตู้ไปก่อนในตอนนี้ แบบนั้นถ้าเราเจอเข้ากับปัญหา เขาก็จะปกป้องเรา”

 

หานเซิ่นตามเลอตู้ไป และเนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหนีไป เขาจึงไม่ได้จับหานเซิ่นมัดเอาไว้ พวกเขาแค่บินผ่านหมู่เมฆไปเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเขาได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งตรงหน้าพวกเขา

 

“เลอตู้!” คนกลุ่มนั้นร้องตะโกนขึ้นเมื่อได้เห็นเลอตู้

 

และเมื่อพวกเขาได้เห็นหานเซิ่น พวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม

 

“เลอตู้ ทำไมเจ้ามาอยู่กับหานเซิ่น?” หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นถามเลอตู้

 

เลอตู้เมินเฉยต่อคำพูดของเขาและบินต่อไปข้างหน้า

 

ใบหน้าของหัวหน้าคนนั้นแดงด้วยความไม่พอใจ แต่เขาไม่กล้าบ่นอะไรกับเลอตู้

 

ผู้คนเหล่านั้นแค่หลีกทางให้กับเขาและไม่มีใครคนไหนที่กล้าเข้ามาขวางทางเขาอีก

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้โชคดีแบบนั้น เขาพยายามจะตามเลอตู้ไป แต่ผู้คนเหล่านั้นเข้ามาขวางทางของเขาเอาไว้ มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดจะร่วมมือกันจัดการกับหานเซิ่น

 

“เลอตู้ ทำไมเจ้าถึงล่วงหน้าไปเร็วนัก? กลับมาจัดการรับคนพวกนี้เร็วเข้า พวกเขาเริ่มจะทำให้ข้ารำคาญแล้ว” หานเซิ่นพูดด้วยความดูถูก

 

ผู้คนเหล่านั้นเตรียมตัวจะจัดการหานเซิ่น แต่เมื่อพวกเขาได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็ดูแปลกใจอย่างมาก พวกเขามองสลับไปมาระหว่างหานเซิ่นกับเลอตู้

 

หานเซิ่นพูดเหมือนกับว่าเลอตู้เป็นลูกน้องของเขาอย่างไรอย่างนั้น

 

“อย่าได้ขวางทางเขา!” เลอตู้ออกคำสั่งโดยที่ไม่ได้หันหัวกลับมามอง

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นว่าผู้คนของจักรวาลจีโนยำเกรงเลอตู้มากขนาดไหน ทันทีที่เขาพูดขึ้นมา ทุกคนก็รีบหลีกทางให้กับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นบินผ่านยอดฝีมือระดับราชันนับร้อยไป และพวกเขาก็ทำได้แค่มองหานเซิ่นบินผ่านไป

 

“พวกเราควรจะทำยังไงดี? ทำไมหานเซิ่นถึงไปอยู่กับเลอตู้คนนั้นได้?” ราชันคนหนึ่งถามหัวหน้าของพวกเขาด้วยความสับสน

 

“ไม่ว่าเลอตู้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่ายอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่แท้จริง ในบรรดายอดฝีมือมากมายที่เดินทางมาที่ระบบเทียนเซีย มันจะต้องมีคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา ถ้าพวกเราปล่อยข่าวนี้ออกไป พวกเราก็อาจจะใช้ประโยชน์จากความชุลมุนได้” หัวหน้าคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset