ผู้หญิงชุดเหลืองถือหอกมังกรขาวในมือข้างหนึ่ง เธอกวัดแกว่งมันอย่างลวกๆและใช้มันแทงใส่เหมิงเลี่ย ไฟของหอกมังกรนั้นเหมือนกับตอนที่เหมิงเลี่ยใช้มันไม่มีผิด
เหมิงเลี่ยหน้าซีดไป เขาไม่กล้าจะต่อสู้กับพลังของหอกมังกร เขาถอยไปด้านหลังพร้อมกับใช้โซ่สสารสีทองก่อตัวเป็นโล่ตรงหน้าของเขา
แต่พลังของหอกมังกรนั้นน่ากลัวเกินไป มันทะลุผ่านโล่ป้องกันและตรงเข้าไปหาเหมิงเลี่ย
หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจที่ผู้หญิงคนนี้สามารถใช้ความสามารถเหล่านั้นได้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนในตอนที่เขาเห็นเธออ่านช็อคกิ้งเวิลด์เรคคอร์ดของเอ็กซ์ตรีมคิง เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงขโมยจีโนเวิลด์สปีชของเธอและรวมมันเข้ากับร่างสปิริตโลหิต ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะใช้ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์ของเหมิงเลี่ยได้
แต่ถึงอย่างนั้นความชำนาญในการใช้มังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลของผู้หญิงคนนั้นก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
เหมิงเลี่ยถือว่าเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างผู้หญิงคนนี้ เขาก็สงบสติตัวเองไม่อยู่ หลังจากที่สูญเสียหอกของตัวเองไป เขาก็ไม่คิดจะต่อสู้ต่อ เขารีบใช้โอกาสนั้นเพื่อหนีไป เขาไม่กล้าจะต่อสู้กับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว และเขาก็ไม่คิดจะชิงมังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลกลับไปเช่นกัน
“ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้เขาหนีไป” หานเซิ่นถามเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พยายามจะหยุดเหมิงเลี่ย
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของเขา หานเซิ่นก็รีบปิดปากของตัวเอง เขามองดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อจนลืมความจริงที่ว่าเขาไม่ควรจะพูดออกมา
แต่มันไม่ได้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่หานเซิ่นพูดออกมา ผู้หญิงชุดเหลืองก็กลับลงมาในสวนและพูด
“ร่างกายของข้าเพิ่งจะถูกปล่อยเป็นอิสระ และข้ายังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ ถ้าเขาเลือกที่จะต่อสู้ต่อ ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะฆ่าเขาได้”
“นี่เจ้าอยู่ในสภาวะอ่อนแอ?” หานเซิ่นอึ้งไป
‘แปลกจริงๆ เราพูดออกมาเสียงดัง แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น นี่ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวจริงอย่างนั้นหรอ? แต่ทำไมเธอถึงจดจำหนังสือหินเล่มนี้ไม่ได้ และเกิดอะไรขึ้นกับความรักสะอาดและโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอ?’
หานเซิ่นมองไปที่ผู้หญิงชุดเหลือง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามยังไง เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเธอเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม
มันยังมีอีกเรื่องที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสนอีกเช่นกัน การต่อสู้เมื่อครู่นี้ทำให้บริเวณโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างนั้นเดม่อนสปิริตก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
ผู้หญิงชุดเหลืองกลับเข้าไปหาบ้านและใช้โล่คริสตัลครอบคลุมมันเอาไว้
หานเซิ่นเคยเห็นวิชานี้มาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นเธอใช้มันอีกครั้ง เขาก็รู้สึกตัวว่าประเมินประโยชน์ของมันต่ำเกินไป
โล่คริสตัลนั้นห่อหุ้มบ้านไม้เอาไว้ หลังจากนั้นมันก็ย่อขนาดเล็กลงไป บ้านไม้ที่อยู่ภายในก็ย่อขนาดไปพร้อมๆกัน ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นโล่คริสตัลก็กลายเป็นลูกแก้วทรงกลมที่มีขนาดพอๆกับไข่ฟองหนึ่งในมือของผู้หญิงชุดเหลือง บ้านไม้ถูกกักเก็บเอาไว้ภายในคริสตัลโดยไม่ได้รับความเสียหายอะไร
“ไปกันเถอะ” ผู้หญิงชุดเหลืองพูดและเดินถือตะเกียงออกไปจากเกาะ
“เดม่อนสปิริตหายไปไหนแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวออกมา ทั้งๆที่มีการต่อสู้ที่รุนแรงถึงขนาดนี้?” หานเซิ่นถามขึ้นมาขณะที่ตามเธอไป
“ตอนนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่กล้ามาแสดงตัวต่อหน้าข้าอีก” ผู้หญิงชุดเหลืองตอบ
หานเซิ่นไม่รู้ว่าเธอบอกความจริงหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงถามเธอไปตรงๆ
“ทำไมเจ้าถึงถูกปล่อยเป็นอิสระได้ง่ายๆแบบนี้? นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าขอให้ใครบางคนช่วยเหลือเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
ผู้หญิงชุดเหลืองสะบัดมือและทำให้หอกมังกรเปลี่ยนกลายเป็นเรือมังกรสีขาว เธอขึ้นไปนั่งบนเรือมังกรและพูด “เจ้าคิดว่าไม่ว่าใครก็เข้ามาที่ภูเขา 2 โลกได้หรือยังไง? ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาที่นี่ได้ยังไง แต่ถ้าคนอื่นมาที่นี่ได้อย่างเจ้า ข้าก็คงจะถูกปล่อยเป็นอิสระไปนานแล้ว?”
“เจ้าไม่รู้ว่าข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” หานเซิ่นมองเธออย่างแปลกๆ
ผู้หญิงชุดเหลืองยิ้มและพูด “นั่นมันแปลกอย่างนั้นหรอ? ภูเขา 2 โลกคือโลก 2 โลกที่แยกจากกัน ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นร่างโคลนของข้า แต่ข้าสื่อสารกับนางไม่ได้ และข้าก็ไม่มีความทรงจำของนางเช่นกัน เมื่อข้าเป็นอิสระ นางก็จะกลายเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย”
“ถ้าอย่างนั้นรู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นคนที่มาช่วยเจ้า?” ทันทีที่หานเซิ่นถามอย่างนั้น เขารู้สึกตัวว่านั่นเป็นคำถามที่โง่เขลา
ผู้หญิงชุดเหลืองตอบ “ถ้ามันไม่ใช่เพราะร่างโคลนของข้า เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าจำเป็นต้องติดตามตะเกียง 2 โลกของข้ามา? และเจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าห้ามพูดบนเส้นทาง 2 โลก? มันเป็นเพราะผนึกของภูเขาโลก 2 พังทลายไป เอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นถึงมาที่นี่ได้”
หานเซิ่นมองไปที่ผู้หญิงชุดเหลืองและพยายามจะดูว่าเธอพูดความจริงหรือไม่ เรื่องราวของเธอดูสมเหตุสมผล เขาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็นำหนังสือหินออกมา
“ร่างโคลนของเจ้าบอกว่าถ้าข้าช่วยเจ้าได้แล้ว ผนึกของหนังสือเล่มนี้จะถูกทำลาย ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงยังถูกปิดผนึกอยู่?”
ผู้หญิงชุดเหลืองมองไปที่หนังสือหินและพูด “หนังสือนั่นมีเวิลด์ปริ้นท์อยู่ ดังนั้นมันจึงเปิดอ่านไม่ได้ ถึงแม้หนังสือนั่นจะถูกทำลาย มันก็ไม่มีใครเปิดมันอ่านได้อยู่ดี เว้นก็แต่ข้า”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เปิดมันได้สินะ?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าเธอกำลังจะบอกอะไร แต่ถ้าเธอรู้วิธีที่จะเปิดหนังสือนี้ นั่นก็ถือเป็นอะไรที่เยี่ยม
โดยไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงชุดเหลืองร่ายเวิลด์ปริ้นท์อย่างลวกๆ แผ่นอักษรปรากฏขึ้นบนหน้าปกของหนังสือหิน สัญลักษณ์ลึกลับหนึ่งเรืองแสงขึ้นมาสั้นๆ หลังจากนั้นพลังที่มองไม่เห็นที่ปกป้องหนังสืออยู่ก็ถูกทำลาย ตอนนี้หนังสือสามารถเปิดออกได้
หานเซิ่นทนรอไม่ไหวที่จะเปิดอ่านหนังสือหินนั่น ตัวอักษรภายในหนังสือกระโดดโลดเต้นไปรอบๆราวกับว่าพวกมันมีชีวิต พวกมันดูเหมือนกับแฟรี่และโบยบินไปทางผู้หญิงชุดเหลือง พวกมันทั้งหมดหายเข้าไปในระหว่างคิ้วของเธอ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นตัวอักษรที่เหมือนกับแฟรี่ เธอก็ดูประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นเธอก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและปล่อยให้ตัวอักษรทั้งหมดบินเข้าไปในหน้าผากของเธอ
“นี่เราถูกหลอก!” ทันใดนั้นหานเซิ่นเข้าใจอะไรบางอย่าง
หลังจากที่ตัวอักษรทั้งหมดในหนังสือหินบินออกมา หนังสือหินก็กลายเป็นเม็ดทรายที่ไหลลงไปบนพื้น
ผู้หญิงชุดเหลืองดูดซับตัวอักษรทั้งหมดเข้าไป หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มให้กับหานเซิ่น
“ขอบคุณเจ้าที่นำความทรงจำของร่างโคลนมาให้กับข้า เจ้าอยากจะรู้เกี่ยวกับการทดลองของผู้นำเซเคร็ดสินะ?”
หานเซิ่นพยักหน้า หนังสือหินนั้นไม่ได้เก็บคำตอบที่เขาต้องการเอาไว้ แต่มันเต็มไปด้วยความทรงจำของร่างโคลน
ผู้หญิงชุดเหลืองกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าของเรือ เธอเอามือเท้าคางของตัวเองและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ผู้นำเซเคร็ดนั้นแข็งแกร่งมากๆ แต่อายุขัยของเขาค่อนข้างสั้น เขามีชีวิตอยู่เพียงแค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพยายามหาหนทางที่จะมีชีวิตเป็นอมตะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไปถึงจุดจบของชีวิต ในความพยายามที่จะมีชีวิตเป็นอมตะนั้น ผู้นำเซเคร็ดได้ทำการทดลองหลายต่อหลายอย่าง แต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีชายคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้ามาหาผู้นำเซเคร็ด”