บนฉากกั้นนั้นมีรูปภาพของสิ่งมีชีวิตอยู่ สิ่งมีชีวิตนั้นมีแขน ขาและหัวเหมือนกับมนุษย์ แต่น่าแปลกที่มันไม่มีใบหน้า
ในจุดที่ควรจะมีดวงตา จมูกและปากนั้นถูกปล่อยว่างเอาไว้ มันทำให้ภาพวาดบนฉากกั้นดูเหมือนกับภาพของคนไร้ใบหน้า
แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะยังไงซะเขาก็เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดมาต่างนาๆ ดังนั้นเพียงแค่ภาพวาดของคนไร้ใบหน้าไม่เพียงพอที่จะสั่นคลอนเขาได้
บนฉากกั้นที่มีความยาวหนึ่งร้อยเมตรนั้นมีภาพถูกวาดเอาไว้ทั้งหมด 6 ภาพด้วยกัน ภาพแรกแสดงถึงเมืองหอคอยที่พังพินาศ หนึ่งหน้าของหอคอยมีผู้คนหลายคนที่ไม่มีใบหน้ายืนอยู่ หนึ่งในคนไร้ใบหน้ากำลังใช้ดาบฟันใส่ประตูของหอคอย
ภาพแรกนั้นแสดงด้านหลังของเหล่าคนไร้ใบหน้า แต่เมื่อหานเซิ่นได้เห็นพวกเขา เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
“คนไร้ใบหน้าในภาพวาดนี่คงจะไม่ใช่พวกเราหลอกใช่ไหม?” หานเซิ่นพูดขณะที่จ้องไปที่ภาพวาดภาพแรก
ถึงเขาจะเห็นแค่ด้านหลังของบุคคลไร้ใบหน้าที่กำลังฟันใส่หอคอย แต่ภาพๆนั้นก็ทำให้เขานึกถึงตอนที่ไนท์วินด์ใช้ดาบแห่งความืดฟันใส่ประตูหิน
มันมีบุคคลไร้ใบหน้า 2 คนยืนมองดูอยู่ด้านหลัง ขณะที่บุคคลไร้ใบหน้าคนที่ 4 กำลังนอนอยู่กับพื้น นั่นเห็นได้ชัดว่าบุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 3 คือหานเซิ่น คุณหญิงมิร์เรอร์และคนงานระดับดยุกที่พวกเขาพามาด้วย
ไม่ว่าหานเซิ่นจะดูมันยังไง รูปภาพก็ดูเหมือนภาพของพวกเขาที่พยายามจะผ่านประตูหินเข้ามาข้างในเมืองหอคอย ผู้คนในภาพวาดนั้นไร้ใบหน้าและรูปร่างของพวกเขาก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้หานเซิ่นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อสันนิษฐานนั้นเป็นความจริง
หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์หันมามองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็หันความสนใจไปที่รูปภาพที่ 2 ภาพวาดนั้นยังคงเป็นภาพด้านหลังของบุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 4 คน พวกเขากำลังหันหลังและไม่ไกลไปจากทั้ง 4 คนนั้นมีดาบปักอยู่ที่พื้น
หานเซิ่นไม่คิดว่ารูปภาพนี้ต้องใช้การตีความอะไรมากนัก มันเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นรูปภาพที่บรรยายถึงตอนที่พวกเขาค้นพบดาบขึ้นสนิมขนาดใหญ่ที่เสียบอยู่ที่พื้น
และรูปภาพรูปที่ 3 นั้นก็เป็นรูปภาพของพวกเขาที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉากกั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บุคคลไร้ใบหน้า 3 คนกำลังตรวจดูภาพวาดบนฉากกั้น ขณะที่บุคคลไร้ใบหน้าคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้น มันดูเหมือนกับพวกเขาจริงๆ
“ใครกันที่กล้ามาเล่นลูกไม้อะไรแบบนี้? เผยตัวออกมาซะ!” ไนท์วินด์ตะโกนและฟันดาบไปที่ฉากกั้นซ้ำๆ
มันเห็นได้ชัดว่านอกซะจากคนที่วาดรูปภาพบนฉากกั้นจะเป็นคนที่สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มันก็ไม่มีทางที่ภาพวาดเหล่านี้จะถูกวาดก่อนที่พวกเขาจะมาถึง
ความเป็นไปได้เดียวก็คือใครบางคนใส่พลังบางอย่างไว้ที่ฉากกั้น และเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ มันก็ก่อเป็นรูปภาพที่พวกเขาเห็นอยู่ในตอนนี้
โซ่สสารของไนท์วินด์ฟันไปถูกฉากกั้นและแตกกระจายอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ ฉากกั้นนั้นแข็งแรงราวกับสมบัติระดับเทพเจ้า
“อย่ามัวเสียแรงเปล่าเลย พวกเราควรไปดูรูปภาพรูปต่อไป” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
การโจมตีของไนท์วินด์นั้นไร้ประโยชน์ เขาลดดาบลงและเดินตามคุณหญิงมิร์เรอร์ไปเพื่อดูภาพถัดไป
หานเซิ่นเข้าใจว่าคุณหญิงมิร์เรอร์จะบอกอะไร ภาพที่ 3 นั้นพรรณนาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา แต่มันยังคงมีอีก 3 ภาพบนฉากกั้น ถ้าภาพพวกนี้ถูกวาดไว้ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง อย่างนั้นแล้ว 3 ภาพที่เหลือก็อาจจะทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ถ้ารูปภาพไม่สามารถทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ หรือถ้าการทำนายของพวกมันไม่ถูกต้อง มันก็จะพิสูจน์ว่ามีใครบางคนกำลังเล่นลูกไม้กับพวกเขา นั่นจะหมายความว่าฉากกั้นนี้ไม่ได้มีพลังในการทำนายอนาคตและพวกเขาก็ไม่มีจำเป็นต้องกลัว
หานเซิ่นมองไปที่รูปภาพรูปที่ 4 รูปภาพรูปที่ 4 ยังคงแสดงถึงบุคคลไร้ใบหน้า 4 คน ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง และในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้หันหลังทั้งหมด
คนไร้ใบหน้าคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น และอีก 2 คนหันหลังอยู่ แต่คนไร้ใบหน้าคนสุดท้ายนั้นแสดงหน้าที่ไร้ใบหน้าของเขา
หนึ่งในบุคคลไร้ใบหน้าที่หันหลังถือดาบอยู่ในมือ ดาบนั้นแทงทะลุบุคคลไร้ใบหน้าที่หันหน้ามาทางพวกเขา
“ภาพนี่ทำนายว่าพวกเราจะฆ่าฟันกันเองอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
ไนท์วินด์มองไปที่รูปภาพรูปและขมวดคิ้ว คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เธอเพียงแค่เดินต่อไปเพื่อดูรูปภาพรูปที่ 5
รูปภาพรูปที่ 5 นั้นไม่ได้บรรยายถึงบุคคลไร้ใบหน้า 4 คนอีกต่อไป มันเป็นภาพของบุคคลเพียง 3 คนเท่านั้น หนึ่งในพวกเขากำลังนอนอยู่บนพื้น ขณะที่อีก 2 คนกำลังบีบคอกันและกัน
“นั่นมันเหลวไหลสิ้นดี!” ไนท์วินด์สบถ
นี่เป็นการทำนายว่าพวกเขาจะฆ่ากัน ไนท์วินด์คิดว่ามีใครบางคนกำลังเล่นลูกไม้กับพวกเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเช่นเคย เธอเดินต่อไปเพื่อดูรูปภาพรูปที่ 6 ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย
ภาพที่ 6 เป็นภาพที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม มันเป็นภาพของบุคคลไร้ใบหน้า 2 คน คนหนึ่งนั้นนอนอยู่บนพื้น ขณะที่อีกคนกำลังประสานมือของตัวเองราวกับว่ากำลังสวดภาวณา
ตรงหน้าคนที่กำลังสวดภาวณาอยู่นั้นมีรูปปั้นที่มีแขนและดวงตานับพันอยู่ มันดูเหมือนกับรูปปั้นที่พวกเขาได้เห็นก่อนที่จะมาถึงหอคอยแห่งนี้
“มันจะต้องมีบางสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ และมันก็วาดภาพพวกนี้เพื่อเล่นตลกกับพวกเรา” ไนท์วินด์พูดขณะที่มองรูปภาพด้วยสีหน้าดูถูก
หานเซิ่นรู้ว่าทำไมไนท์วินด์ถึงได้แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงออกมาแบบนั้น เขาไม่ได้พยายามจะบอกว่ารูปภาพนี้มันบ้าบอแค่ไหน แต่เขาแค่กำลังพยายามที่จะบอกถึงความภักดีของเขา
บุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 4 ไม่มีใบหน้า และทั้ง 4 คนก็ไม่สามารถระบุได้ด้วยรูปร่างของร่างกายเช่นเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าใครเป็นใคร
แต่บุคคลไร้ใบหน้าที่ถือดาบนั้นเห็นได้ชัดว่าโจมตีใส่คนอื่น และคนงานระดับดยุกที่พวกเขาพามาด้วยก็เห็นได้ชัดว่าคือคนที่นอนอยู่บนพื้นในทุกรูปภาพบนฉากกั้น
มันมีบุคคลไร้ใบหน้าคนเดียวในรูปภาพที่ใช้ดาบ ไนท์วินด์เองก็ใช้ดาบเช่นกัน และเขาก็เชี่ยวชาญในวิชาดาบ บุคคลไร้ใบหน้าที่ถือดาบนั้นคงจะต้องเป็นเขาแน่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการจะพิสูจน์ความภักดีของตัวเองให้คุณหญิงมิร์เรอร์ได้เห็น
ไนท์วินด์ไม่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นองค์ชายสิบหกตัวปลอม การฆ่าองค์ชายสิบหกหรือคุณหญิงมิร์เรอร์ที่เป็นคนสนิทของราชาไป๋นั้นจะมีผลที่เลวร้ายตามมา
สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นแข็งแกร่งมากๆ แต่มันไม่สามารถเทียบกับกำลังของทั้งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้
“มันไม่สำคัญว่าคนที่ทำแบบนั้นจะเป็นเทพหรือผี ถ้าเขาไม่เผยตัวเองมา มันก็แสดงวให้เห็นว่าเขาหวาดกลัวพวกเรา ไนท์วินด์ เจ้านำทางต่อไป”
คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ใบหน้าที่งดงามของเธอยังคงดูสงบนิ่ง เธอดูเหมือนจะไม่สนใจภาพวาดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
หานเซิ่นเองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับมันเช่นกัน เป็นอย่างที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ถ้าเกิดมีใครบางคนวาดรูปภาพเหล่านี้จริงๆ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นไม่กล้าออกมาโจมตีพวกเขาตรงๆ ศัตรูที่พวกเขามองไม่เห็นคงจะต้องหวาดกลัวบางสิ่งอยู่ และนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกปล่อยภัยขึ้นมาหน่อย