หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์มองตามสายตาของไนท์วินด์ไปและเห็นดาบใหญ่เล่มหนึ่ง
ด้ามจับของดาบยาวประมาน 2 ฟุต แต่พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าตัวดาบนั้นยาวขนาดไหน เนื่องจากดาบเล่มนั้นฝังลึกอยู่ในพื้นของลานกว้าง ดาบนั้นโผล่ออกมาให้เห็นแค่ราวๆ 80 เซนติเมตรเท่านั้น
สีหน้าของหานเซิ่นดูมืดมัว ขณะที่เขามองไปที่อาวุธนั้น มันปลดปล่อยออร่าที่ดูชั่วร้ายออกมา
ดาบเล่มนั้นเป็นสนิม ด้ามจับของมันมีรูปร่างเหมือนกับกิ่งไผ่และมันไม่ได้มีที่ป้องกันมืออยู่ ด้ามจับนั้นเชื่อมกับใบมีดของดาบโดยตรง มันเป็นดาบ 2 คมและมันก็มีสัญลักษณ์ประหลาดสลักอยู่ที่ใจกลางของใบมีด พวกมันดูเหมือนกับงูหรือเถาวัลย์อะไรทำนองนั้น แต่เนื่องจากดาบยังฝังอยู่ในพื้น มันจึงบอกได้ว่ายากสัญลักษณ์นั่นคืออะไรกันแน่
ไนท์วินด์สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อันตรายจากดาบเล่มนี้ ซึ่งทำให้เขาหยุดขุดมันขึ้นมา ทั้งหมดที่เขาทำก็คือจ้องมองไปที่มัน
หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงออร่าที่ชั่วร้ายจากดาบ มันเหมือนกับว่ามีดวงวิญญาณนับพันกำลังดิ้นรนและกรีดร้องอยู่ภายในดาบเล่มนี้
แต่เมื่อเขาลองสังเกตดูดีๆ เขาก็ไม่เห็นอันตรายอะไรจากอาวุธนี้ นอกจากความใหญ่ของมันแล้ว มันก็ดูเป็นเหมือนอาวุธธรรมดาที่ขึ้นสนิม
ไนท์วินด์กำดาบแห่งความมืดเอาไว้แน่นและค่อยๆเดินเข้าไปหาดาบใหญ่อีกครั้ง เขาระมัดระวังราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปหาบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
คุณหญิงมิร์เรอร์และหานเซิ่นถอยออกไปด้านหลัง พวกเขาเป็นระดับราชัน ดังนั้นถ้าไนท์วินด์ไม่สามารถรับมือกับภัยอันตรายนี้ได้ พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน
ไนท์วินด์จำเป็นต้องบังคับตัวเองเพื่อก้าวไปข้างหน้าแต่ละก้าว สถานที่แห่งนี้มันแปลกเกินไป และการที่ดาบมาปักอยู่ที่พื้นก็เป็นอะไรที่ดูลางไม่ดี มันมีโอกาสที่ดาบนั้นจะแฝงไว้ด้วยพลังที่ชั่วร้ายเหมือนอย่างรูปปั้นที่พวกเขาพบก่อนหน้า
แต่ต้องขอบคุณที่เมื่อไนท์วินด์เดินไปถึงดาบนั่นแล้ว มันไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับตัวตนของเขา
ไนท์วินด์ยังคงไม่แตะต้องดาบ เขาใช้โซ่สสารแห่งความมืดเพื่อขจัดก้อนหินรอบๆดาบออกไป เขาค่อยๆขุดเส้นทองอ้อมดาบเล่มนั้นไป ขณะที่ดาบเล่มนั้นยังคงปักอยู่กับที่
คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้วและพยายามสังเกตไปที่ดาบเล่มนั้น ดูเหมือนเธอกำลังคำนึงถึงทางเลือกอยู่
“ดูเหมือนว่าดาบนั้นจะไม่โจมตีพวกเรา มันอาจจะเป็นแค่อาวุธที่ถูกทิ้งเอาไว้” ไนท์วินด์มองไปที่ดาบด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ถ้านี่เป็นอาวุธที่ถูกทิ้งเอาไว้จากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นโบราณวัตถุที่มีพลังเหนือกว่าอาวุธระดับเทพเจ้าก็เป็นได้
“ท่านหญิง พวกเราควรจะขุดมันขึ้นมาไหม?” ไนท์วินด์ถามขณะที่มองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ ถึงแม้ตอนนี้คุณหญิงมิร์เรอร์จะเป็นแค่ระดับราชัน แต่ไนท์วินด์ก็ยังคงเคารพเธอ เขาไม่คิดที่จะเสียมารยาทกับเธอเพียงเพราะเธอมีระดับที่ต่ำกว่า
“ไม่ว่าพลังอะไรที่ดึงดูดให้พวกเรามาที่นี่ มันไม่ใช่ดาบเล่มนี้ พวกเราไม่ควรไปแตะต้องมัน ขุดทางไปข้างหน้าต่อไป” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด
นิสัยโลภมากของหานเซิ่นมักจะผลักดันให้เขาเก็บสมบัติทุกชิ้นที่หาพบ แต่ในที่แห่งนี้แม้แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูด สำหรับตอนนี้พวกเขาไม่ควรไปแตะต้องมัน ที่แห่งนี้นั้นต้องคำสาป มันยากที่จะรู้ได้ว่าจะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกถ้าพวกเขาไปแตะต้องมัน
แต่ไนท์วินด์ไม่เห็นด้วย เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพูด ‘ถ้านี่เป็นอาวุธที่ถูกทิ้งเอาไว้จากการต่อสู้ระหว่างเทพสปิริตจริงๆ บางทีมันอาจจะช่วยพวกเราในการสำรวจเมืองแห่งนี้”
คำพูดของไนท์วินด์นั้นฟังดูมีเหตุผลอยู่ ถ้าพวกเขาขุดดาบนี้ขึ้นมาได้ บางทีพวกเขาอาจจะสามารถใช้มันเป็นอาวุธได้
ในสมัยก่อนดาบเล่มนี้คงจะต้องเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ถ้าพวกเขาสามารถควบคุมมันได้ บางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในการแก้ปัญหาหลายๆอย่างที่ต้องเผชิญ
ยกตัวอย่างเช่นดาบเล่มนี้อาจจะสามารถใช้เพื่อทำลายรูปปั้นนั่นได้ ถ้าพวกเขาสามารถทำลายมันได้ล่ะก็ บางทีดวงตาของพวกเขาอาจจะกลับมาเป็นปกติ
ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถใช้ดาบเล่มนี้ลบล้างอาการที่เป็นอยู่ได้ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องสำรวจเมืองนี้ต่อ พวกเขาสามารถรอให้กำลังเสริมมาถึงได้อย่างปลอดภัย
คุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงดูลังเล ทั้ง 2 ตัวเลือกมีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าพวกเขาเสี่ยงเดิมพันกับดาบเล่มนี้และชนะเดิมพัน มันก็ถือเป็นอะไรที่ดี แต่ถ้าพวกเขาแพ้การเดิมพัน มันก็อาจจะทำให้สถานการณ์ของพวกเขาเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
“พวกเราจะเดินหน้ากันต่อ” คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่อนุญาตให้ไนท์วินด์ไปแตะต้องดาบนั่น ถ้าพวกเขาทำการเดิมพันกับดาบเล่มนี้ พวกเขาก็อาจจะสูญเสียได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำการเดิมพัน พวกเขาก็จะยังไม่แพ้หรือชนะ
ถ้าหานเซิ่นเป็นคนที่ต้องเลือกเอง แม้แต่เขาก็ไม่คิดจะเสี่ยงดวงกับดาบเล่มนี้ เขาคิดว่ามันเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไป
แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอะไรกับดาบ นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนิงเยวี่ยและดาบเขียวน้อย ดาบเขียวนั้นเล็กกว่ามากและมันก็เปลี่ยนหนิงเยวี่ยเป็นคนที่ไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ถ้าหานเซิ่นแตะต้องดาบใหญ่แล้วนั้น ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น บางทีเขาอาจจะกลายเป็นขันที และนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะคิด
ถึงแม้หนิงเยวี่ยจะดูเหมือนผู้หญิง แต่อย่างน้อยๆเขาก็ยังมีสัญลักษณ์ลูกผู้ชายอยู่
ไนท์วินด์ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น ดูเหมือนว่าเขายังคงยอมรับฟังคำพูดของคุณหญิงมิร์เรอร์ ถึงแม้เขาจะมีความคิดเห็นที่ต่างออกไป แต่เขาก็ไม่คิดจะขัดใจคุณหญิงมิร์เรอร์
พวกเขาทั้ง 3 เดินอ้อมดาบไปขณะที่ไนท์วินด์คอยกำจัดเศษหินที่ขวางทาง พวกเขาเดินหน้าต่อไปและได้เห็นร่องรอยมากมายอยู่ตามพื้นของลานกว้าง
รอยดาบนั้นฝังลึกเข้าไปในพื้นที่แข็งแรงของตัวเมือง พื้นของเมืองดูก็อตนั้นแข็งมากๆ แต่มันถูกตัดราวกับเต้าหู้ ชิ้นส่วนของหินที่ถูกทำลายกระจัดกระจายไปทั่ว มันยากที่จะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของคนที่สร้างรอยดาบพวกนั้น
‘รอยดาบนี้คงจะไม่ได้ถูกทิ้งเอาไว้โดยเจ้าของดาบใหญ่ที่ปักอยู่เล่มนั้นหรอกใช่ไหม?’ ขณะที่หานเซิ่นสังเกตรอยดาบที่ถูกทิ้งเอาไว้ เขาก็ไม่สามารถหยุดคิดเกี่ยวกับดาบที่ปักอยู่ที่พื้นเล่มนั้นได้
ผู้หญิงที่ถูกขุดขึ้นมาโดยเผ่าเฮลล์เป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกับไนท์วินด์
แต่เมื่อพลังของไนท์วินด์ฟันใส่หินของตัวเมืองนั้น มันก็แทบจะไม่ทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้ ซึ่งเมื่อเทียบกับรอยแหว่งลึกนี้แล้ว พวกมันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว พวกมันอยู่คนละระดับกัน
คุณหญิงมิร์เรอร์และไนท์วินด์เองก็คิดเหมือนๆกัน แต่พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปแตะต้องดาบเล่มนั้น
ไนท์วินด์นำทางพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ดาบโซ่สสารของไนท์วินด์ดูเหมือนจะฟันไปถูกอะไรบางอย่างเข้าและแตกสลายไป
“พวกเราเจออะไรอีกล่ะทีนี้?” หานเซิ่นถามขณะที่ขยับตัวเข้าไปมองชัดๆ ดาบโซ่สสารนั้นแตกสลายเมื่อปะทะกับกำแพงหิน ถึงแม้จะถูกฟันอย่างรุนแรง กำแพงก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
กำแพงนั้นปกคลุมด้วยภาพวาด แต่เนื่องจากพวกเขาเห็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆของกำแพง พวกเขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นภาพวาดอะไร
ไนท์วินด์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดเศษหินรอบๆกำแพงออกไป ไม่นานกำแพงหินทั้งอันก็เผยออกมาให้เห็น
กำแพงนั้นดูเหมือนกับฉากกั้นลายดอกไม้ แต่มันใหญ่กว่าฉากกั้นทั่วๆไป มันมีความยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตรและสูง 3 เมตร
หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาดบนฉากกั้นและสิ่งที่เห็นก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ดวงตาของพวกเขามองไปที่ศูนย์กลางของฉากกั้น ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อมองจากด้านซ้ายสุดของกำแพง ภาพที่เขาเห็นก็เป็นบางสิ่งที่ดูประหลาดมากๆ