Super God Gene – ตอนที่ 2422

 

ความอดทนทางจิตใจของหนิงเยวี่ยนั้นเกือบจะดีเท่ากับหานเซิ่น แต่หนิงเยวี่ยได้รับผลกระทบจากดาบเขียวเล่มนั้น หานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ทั้งร่างกาย ยีนหรือแม้แต่ลักษณะของหนิงเยวี่ยนั้นเปลี่ยนแปลงไป

 

หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อว่าหนิงเยวี่ยจะสวมชุดสีชมพูทั้งตัวและกลายเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนไหวอย่างมาก ตอนนี้หนิงเยวี่ยกลายเป็นคนขี้ขลาดและสูญเสียความเด็ดขาดของตัวเองไปจนหมด เขาดูไม่เหมือนหนิงเยวี่ยที่หานเซิ่นเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว

 

หานเซิ่นถึงขนาดที่สงสัยว่าวิญญาณของหนิงเยวี่ยนั้นถูกครอบงำโดยผู้หญิง

 

“ซีโน่เจเนอิคสเปชนี้มันคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้?” หานเซิ่นขมวดคิ้วและก้าวถอยห่างจากก้อนหินโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ต้องการจะเป็นแบบหนิงเยวี่ย

 

การขุดทุ่งหินนั้นยังคงดำเนินต่อไป แต่หลังจากผ่านไปอีก 7 วัน มันก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง คนงานขุดหินก้อนที่มีเลือดไหลขึ้นมาได้ หลังจากนั้นมันก็มีมือทำลายก้อนหินออกมาและฆ่าคนงานหลายสิบคน มันไม่หยุดจนกระทั่งไนท์วินด์ปรากฏตัวและฆ่ามัน

 

การทดลองของหานเซิ่นยังคงดำเนินต่อไป จนถึงตอนนี้มี 4 คู่ได้รับผลกระทบจากก้อนหิน พวกเขาเพิ่มระดับขึ้นหนึ่งระดับ แต่พวกเขาไม่ได้เพิ่มระดับขึ้นไปมากกว่านั้นและมันก็ไม่มีใครถูกลดระดับลงเช่นกัน

 

ตอนนี้หานเซิ่นพอจะยืนยันรัศมีส่งผลของก้อนหินได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำเครื่องหมายเตือนรอบๆโกดัง แต่เขาไม่ได้เรียกคนทั้งสิบคู่กลับไป พวกเขายังคงอยู่ประจำที่ของตัวเองและทำการทดสอบต่อไป

 

หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในโกดังเพื่อดูก้อนหินนั่นด้วยตัวเอง ถึงมันจะดูเหมือนว่าก้อนหินนั้นมีประโยชน์ต่อทุกคนที่เข้าไปใกล้มัน แต่หลังจากที่เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับเรดคลาวด์ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง

 

เหมือนอย่างทุกครั้ง หานเซิ่นเรียกทั้งสิบคู่มาหา หลังจากที่สอบถามพวกเขาเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็มีแผนที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อกินข้าวร่วมกับเป่าเอ๋อ แต่ฟอลลิ่งลีฟนั้นมาแจ้งหานเซิ่นว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ต้องการจะพบกับเขา

 

“ท่านหญิงมิร์เรอร์พบบางสิ่งที่สำคัญจนต้องเรียกเราไปพบในทันทีอย่างนั้นหรอ?”
จากที่หานเซิ่นบอกได้ การขุดค้นทุ่งหินนั้นถูกเร่งให้เร็วขึ้น และพวกเขาก็เจอกับปัญหาอยู่เรื่อยๆ คุณหญิงมิร์เรอร์ได้ไปดูที่ทุ่งหินด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้าเธอเรียกหานเซิ่นไปพบในทันทีหลังจากที่กลับมา เขาก็สันนิษฐานว่ามันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

 

หานเซิ่นไปที่ห้องทำงานของคุณหญิงมิร์เรอร์ตามที่ถูกสั่ง เขาเคาะประตูและเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเขาเห็นคุณหญิงมิร์เรอร์ เขาก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

 

“ท่าน…” คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นเหมือนกับเรดคลาวด์ เธอไม่มีออร่าที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว พลังชีวิตของเธอดูอ่อนแอ และตอนนี้เธอก็เป็นเพียงแค่ราชันคนหนึ่งเท่านั้น เธอไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าอีกต่อไป

 

“ใช่แล้ว ข้ากลายเป็นระดับราชัน” คุณหญิงมิร์เรอร์ดูสงบนิ่ง แต่หานเซิ่นเห็นความโศกเศร้าในดวงตาของเธอ

 

ดูเหมือนว่าการถูกลดระดับลงจากสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ามาสู่สิ่งชีวิตระดับราชันจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดสำหรับคุณหญิงมิร์เรอร์ หานเซิ่นนับถือในความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอ แต่แม้คนที่เข้มแข็งอย่างเธอก็ต้องจิตใจสั่นคลอนเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้

 

หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์และถาม “ข้าจะทำอะไรให้ท่านได้?”

 

หานเซิ่นรู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้เรียกเขามาพบโดยไม่มีเหตุผล และมันก็มีขีดจำกัดถึงเรื่องที่เธอจะบอกกับองค์ชายปลอมๆอย่างเขาได้

 

คุณหญิงมิร์เรอร์เริ่มพูดขึ้นมา “กำลังเสริมกำลังเดินทางมา มันต้องใช้เวลาอีก 2 อาทิตย์กว่าที่พวกเขาจะมาถึง พวกเรากำลังสูญเสียการควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้อีกแล้ว และบางสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้”

 

ใบหน้าของหานเซิ่นดูหม่นหมอง การที่ผู้หญิงอย่างคุณหญิงมิร์เรอร์พูดออกมาแบบนั้น มันก็หมายความว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้คงจะต้องเลวร้ายกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้

 

“ทำไมพวกเราไม่เลิกขุดและออกไปจากที่นี่ก่อน?” หานเซิ่นพูดแนะนำ

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ส่ายหัว “มันสายเกินไปแล้ว ก่อนที่ข้าจะออกมาจากทุ่งหิน พวกเขาขุดพบรูปปั้นอีกรูป”

 

หานเซิ่นอึ้งไป เขาถามขณะที่จ้องไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ “รูปปั้นที่เหมือนกับอันที่อยู่ในโกดังอย่างนั้นหรอ?”

 

“มันต่างออกไป ครั้งนี้มันเป็นรูปปั้นจริงๆ มันมีตาและแขนนับพัน ซึ่งดวงตาแต่ละดวงของมันมี 2 รูม่านตา” เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์พูดถึงเรื่องนั้น เธอก็หายใจเร็วขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเธอยังคงไม่คงที่

 

“เพราะรูปปั้นนั้นท่านถึงกลายเป็นระดับราชันอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัว “ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากที่รูปปั้นนั่นถูกขุดพบ ข้าก็หล่นลงมาจากระดับเทพเจ้า แต่ไนท์วินด์คนที่ตรวจสอบรูปปั้นร่วมกับข้าไม่ได้เป็นอะไร คนงานคนอื่นๆก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่ามันเพราะรูปปั้นนั่นจริงๆหรือเปล่า?”

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรรีบหยุดการขุดและรีบออกไปจากที่นี่” หานเซิ่นพูด

 

คุณหญิงมิร์เรอร์พูด “ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่ามันสายเกินไปแล้ว มองดูที่ตาของข้า”

 

“ดวงตาของท่านเป็นอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม เมื่อเขามองลึกไปในดวงตาของคุณหญิงมิร์เรอร์ สิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง

 

คุณหญิงมิร์เรอร์เคยมีดวงตาที่งดงามเหมือนกับฟินิกซ์ รูม่านตาของเธอเคยเป็นสีดำ แต่ตอนนี้พวกมันเป็นสีแดง ยิ่งไปกว่านั้นรูม่านตาของเธอก็แบ่งออกเป็น 2 รูม่านตาสีแดงทั้ง 2 เป็นภาพที่น่าขนลุก

 

“รูม่านตานั้นเหมือนกับของรูปปั้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

คุณหญิงมิร์เรอร์พยักหน้า “ทุกคนที่เห็นรูปปั้นรวมทั้งข้าและไนท์วินด์เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคน ถ้าพวกเราออกห่างจากรูปปั้นมากเกินไป พวกเราก็จะมีอาการเหมือนคนขาดยา ยิ่งออกไปไกลจากรูปปั้นมากเท่านั้น ความรู้สึกก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น ความต้องการที่จะขุดทุ่งหินกลายเป็นอะไรที่ต่อต้านไม่ได้ พวกเราได้แต่ขุดต่อไปเท่านั้น มันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเรารู้สึกดีขึ้น”

 

ใบหน้าของหานเซิ่นดูหม่นหมอง ทุกอย่างเกี่ยวกับที่แห่งนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ได้รับผลประทบโดยไม่รู้ตัวว่าทำไม หานเซิ่นไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองในสถานที่แบบนี้ได้

 

“ข้าจะทำอะไรให้ท่านได้บ้าง?” หานเซิ่นถามอีกครั้ง สถานการณ์ในตอนนี้เกินการควบคุมของทุกคน หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าตัวเขาจะช่วยเหลืออะไรได้

 

ถ้าเขาสามารถเลือกได้ เขาก็จะออกไปจากซีโน่เจเนอิคสเปชนี้ให้เร็วที่สุด ยิ่งเขาไปไกลจากมันเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

 

คุณหญิงมิร์เรอร์กำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นไนท์วินด์ก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความรีบร้อน

 

หานเซิ่นมองไปในดวงตาของไนท์วินด์ รูม่านตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน

 

“เกิดอะไรขึ้น?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามขณะที่มองไปที่ไนท์วินด์

 

“พวกเราขุดพบประตูหินในทุ่งหิน พวกมันใหญ่โตราวกับว่าพวกมันจะนำไปสู่เมืองโบราณขนาดยักษ์” ไนท์วินด์อธิบาย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset