ไป๋เวยขมวดคิ้วและรวบรวมพลังไปไว้ที่หมัด เธอกำลังจะใช้หมัดเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกแน่นรอบๆเอว แขนที่แข็งแรงจับเอวของเธอและดึงเธอไปด้านหลัง
หานเซิ่นออกมายืนตรงหน้าไป๋เวย ดวงตาของเขาดูกระจ่างใส และมีดเขี้ยวผีสิงของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยมีดลมปราณสีม่วงดำ เขาฟันมีดขึ้นไปปะทะกับมีดของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋เวยที่อยู่ด้านหลังของหานเซิ่นตะโกน
“ระวังด้วย! ร่างกายแห่งราชันภูตผีของเขาโจมตีได้ทั้งทางกายภาพและวิญญาณพร้อมๆกัน อย่าได้ปล่อยให้เขาเข้าใกล้เจ้าได้!”
หลังจากนั้นมีดของไป๋อู๋ฉางก็ลงมาหามีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่น แต่มีดของไป๋อู๋ฉางดูเหมือนกับว่าไม่ได้เป็นรูปธรรม มันทะลุผ่านมีดของหานเซิ่นไป ร่างกายของไป๋อู๋ฉางเองก็ทะลุผ่านมีดเขี้ยวผีสิงและพลังเขี้ยวมาเช่นกัน เขาพุ่งเข้ามาฟันใส่หานเซิ่นราวกับเป็นผีจริงๆ
เปลวไฟที่เย็นยะเยือกกำลังจะสัมผัสกับมือของหานเซิ่น หานเซิ่นหลี่ตาและเคลื่อนไหวขณะที่ยังคงจับเอวของไป๋เวยเอาไว้ เขาเทเลพอร์ตออกไป
แต่ไป๋อู๋ฉางนั้นรวดเร็ว เขาฟันเข้าใส่หานเซิ่นจากด้านหลังอีกครั้ง
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ได้หลบ เขาใช้มีดของตัวเองฟันเข้าไปปะทะกับมีดของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋เวยสับสน หลังจากที่ได้เห็นการโจมตีของไป๋อู๋ฉาง หานเซิ่นก็ควรจะรู้ว่าร่างกายแห่งราชันภูตผีของไป๋อู๋ฉางไม่สามารถต่อกรได้ด้วยอาวุธธรรมดาๆ มีดของเขาไม่สามารถรับการโจมตีของไป๋อู๋ฉางได้
เคร๊ง!
มีดทั้ง 2 ปะทะกันทำให้เกิดเสียงแหลมของโลหะ ดวงตาของไป๋เวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากการโจมตีของไป๋อู๋ฉางถูกป้องกันได้สำเร็จ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง” ไป๋เวยตกตะลึง ในครั้งแรกหานเซิ่นป้องกันการโจมตีจากร่างกายแห่งราชันของไป๋อู๋ฉางล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ครั้งนี้มันดูเหมือนจะได้ผล
ไป๋อู๋ฉางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นวางไป๋เวยลงกับพื้นและใช้วิชามีดต่อสู้กับไป๋อู๋ฉาง เขาเคลื่อนที่ไปมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีของไป๋อู๋ฉาง
ไม่นานการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ใกล้เคียง พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดของไป๋อู๋ฉาง
ร่างกายแห่งราชันภูตผีของไป๋อู๋ฉางเป็นที่รู้จักกันอย่างดี และผู้คนก็สัมผัสได้ถึงพลังของมันจากระยะที่ไกลออกไป
“ไป๋อู๋ฉางนั้นบ้าไปแล้ว ครั้งนี้ใครกันที่เป็นคนโชคร้าย?”
“ร่างกายแห่งราชันภูตผีนั้นน่ากลัวเกินไป มันมีสสารไม่มากนักที่จะทำร้ายไป๋อู๋ฉางได้ แม้แต่คู่ต่อสู้ระดับราชันก็หยุดเขาไม่ได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นท่านพ่อก็คงจะไม่รักเขามากถึงขนาดนั้น?”
หลายคนเข้ามายืนใกล้ๆกับเขตการต่อสู้ พวกเขาอยากจะเห็นว่าใครกันคือคนที่โชคร้ายมากพอจะดึงดูดความสนใจของไป๋อู๋ฉาง
ไป๋ชางลังสัมผัสได้ถึงการเปิดใช้งานร่างกายแห่งราชันภูตผี ซึ่งทำให้เขาขมวดคิ้ว
“มันมาจากด้านหลังของพวกเรา นั่นหมายความว่าไป๋เวยคือคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับไป๋อู๋ฉางอย่างนั้นหรอ?”
หลังจากนั้นไป๋ชางลังก็บอกให้องครักษ์ตามเขากลับไป
“เจ้าคนที่ไป๋อู๋ฉางกำลังต่อสู้ด้วยนั้นเป็นใครกัน? มีดของเขาป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้อย่างนั้นหรอ”
คนของราชวงศ์หลายคนถูกดึงดูดให้เข้ามาใกล้ พวกเขาแปลกใจเมื่อได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นและไป๋อู๋ฉาง
พลังบางอย่างสามารถตอบโต้ร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ แต่มันมีอยู่น้อยนัก มันถือเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจที่ดยุกคนหนึ่งสามารถป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ และเขาก็ดูไม่ได้เสียเปรียบต่อไป๋อู๋ฉางอีกด้วย นั่นเป็นภาพที่ไม่ปกติ
เมื่อไป๋ชางลังเห็นการต่อสู้ เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาขมวดคิ้วและพูด
“วิชามีดเขี้ยวดาบของรีเบทมีพลังทำลายล้างที่สุดยอด แต่มันไม่ควรจะใช้ได้ผลกับร่างกายแห่งราชันภูตผี หานเซิ่นป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ยังไงกัน? นี่มีดของเขามีธาตุพิเศษบางอย่างงั้นหรอ?”
ราชวงศ์คนอื่นก็คิดเหมือนกัน มีเพียงแค่ไป๋เวยและไป๋อู๋ฉางที่รู้ว่ามีดของหานเซิ่นไม่ใช่สิ่งที่จะป้องกันร่างกายแห่งราชันภูตผีได้
คนอื่นๆที่เพิ่งมาถึงไม่สามารถระบุถึงความแตกต่างได้ ในตอนนี้หานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังเขี้ยวที่บริสุทธิ์ แต่เขาผสมเทคนิคอย่างหนึ่งเข้าไป เขาผสมพลังเขี้ยวกับพลังจากเรื่องราวของยีน
พลังเขี้ยวไม่สามารถสัมผัสไป๋อู๋ฉางได้ด้วยตัวมันเอง แต่ด้วยการรวมกับพลังอีเทอร์นิตี้ของเรื่องราวของยีน พลังเขี้ยวก็สามารถฟันถูกร่างกายแห่งราชันภูตผีได้
“ดยุกคนนี้เป็นใครกัน?” ราชวงศ์หลายคนตกตะลึง ไม่เพียงแค่หานเซิ่นจะสัมผัสร่างกายแห่งราชันภูติผีได้เท่านั้น แต่พลังและวิชามีดของเขายังทัดเทียมกับไป๋อู๋ฉาง เทคนิคและการเคลื่อนไหวของเขาดูประหลาด แต่ไป๋อู๋ฉางดูเหมือนจะยากลำบากเมื่อต่อสู้กับเขา
การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นดูเบาหวิว มีดเขี้ยวผีสิงของเขากวัดแกว่งอย่างเอ้อระเหยราวกับกำลังเต้นระบำ แต่ทุกการเคลื่อนไหวนั้นแม่นยำและเด็ดขาด มันทำให้ไป๋อู๋ฉางรู้สึกราวกับว่าเขาไม่สามารถใช้พลังได้มาก
“วิชามีดของเขาดูเหมือนกับวิชาของรีเบท แต่การเคลื่อนไหวของเขาดูต่างออกไป มันดูเป็นบางสิ่งที่เห็นได้จากปราสาทนภา”
เอ็กซ์ตรีมคิงเต็มไปด้วยยอดฝีมือ ดังนั้นพวกเขาจึงระบุเทคนิคที่หานเซิ่นใช้ได้อย่างง่ายดาย
หานเซิ่นได้รวมวิชามีดเขี้ยวดาบเข้ากับวิชามีดใต้นภา แต่เนื่องจากวิชาใต้นภาเพิ่งจะถูกแก้ไข ดังนั้นน้อยคนนักที่จะเคยเห็นมันมาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นคนของเอ็กซ์ตรีมคิงก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันเป็นวิชาที่มาจากปราสาทนภา
“ยอดเยี่ยม ดยุกคนนี้มาจากที่ไหนกัน? วิชามีดของเขาเยี่ยมมากๆ ถ้าพวกเราพูดถึงแค่ความสามารถในการใช้มีดล่ะก็ ข้าบอกได้เลยว่าเขาเหนือกว่าไป๋อู๋ฉาง”
“ดยุกที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาจากไหนกัน? ราชวงศ์คนไหนกันที่เขาอารักขา?”
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ถอยไปด้านหลังและฟันมีดเขี้ยวผีสิงออกไปข้างหน้า มีดไหมสีม่วงดำประสานตัวเข้าด้วยกันและเริ่มมัดตัวของไป๋อู๋ฉาง
ร่างกายของไป๋อู๋ฉางถูกรัดด้วยมีดเส้นไหมของหานเซิ่น เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และถูกตรึงอยู่บนอากาศ
ไป๋อู๋ฉางคำรามขึ้นฟ้าราวกับอสูรและเปลวไฟอันหนาวเย็นก็ลุกโชนยิ่งกว่าเดิม เขาตัดมีดเส้นไหมออกจากร่างกายและพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง
หานเซิ่นยังคงกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงในท่าทีเอ้อระเหย มีดเส้นไหมปรากฏขึ้นรอบๆตัวไป๋อู๋ฉางอย่างต่อเนื่อง และมันเหมือนกับว่าใยแมงมุมนับไม่ถ้วนร่วงหล่นมาใส่เขา พวกมันจำกัดการเคลื่อนไหวของไป๋อู๋ฉาง
ถึงแม้ไป๋อู๋ฉางจะพยายามระเบิดพลังออกมาเพื่อทำลายมีดเส้นไหมที่พันอยู่รอบๆตัวของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถไปถึงตัวหานเซิ่นได้
เขาตัดมีดเส้นไหมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ยังไม่หมดสักที และตอนนี้เขาก็เริ่มจะรู้สึกยากลำบากที่จะระเบิดพลังออกมา เขาสูญเสียพลังที่เก็บเอาไว้เรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเปลวไฟอันหนาวเย็นของไป๋อู๋ฉางก็เสียเสถียรภาพไป มันดูริบหรี่ขึ้นทุกทีและทำให้ร่างกายที่โปร่งใสของเขากลับมาเป็นรูปธรรมอีกครั้ง
หานเซิ่นกระตุกมีดเขี้ยวผีสิงในมือและรัดร่างกายของไป๋อู๋ฉางเอาไว้แน่น ครั้งนี้ไม่ว่าไป๋อู๋ฉางจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถทำลายมีดเส้นไหมที่รัดตัวเขาอยู่ได้อีกต่อไป หลังจากนั้นมีดเส้นไหมก็ถูกจัดใหม่เพื่อห้อยเขากลับหัวกลับหาง คนของราชวงศ์ทุกคนก็ดูอึ้งไป