Super God Gene – ตอนที่ 2300

‘นกแดงน้อยกำลังจะฟักออกมาอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดอย่างประหลาดใจ

 

แต่ขณะที่มองดูต่อไป ใบหน้าของหานเซิ่นก็เริ่มถอดสี โซ่สสารที่เชื่อมต่อกับรังนกเริ่มจะถูกดึงเข้าไปในไข่ รังนกเริ่มจะล่มสลายไปที่ละชิ้นๆ

 

ชิ้นของหญ้าแห้งร่วงลงจากรังนกและเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงในอากาศ พวกมันสลายจนไม่เหลืออะไร

 

“โอ้ไม่นะ เจ้านกน้อยนี้กำลังดูดพลังของรังนกไหมอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปเพื่อจะปกป้องรังนกเอาไว้ แต่เมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสกับเปลวไฟสีแดง ร่างกายของเขาก็เริ่มแก่และแห้งเหี่ยว ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีเขาก็ดูแก่เหมือนกับว่ากำลังจะหมดลมหายใจ

 

หานเซิ่นรีบดึงมือกลับมา เมื่อมือของเขาไม่ได้เข้าไปใกล้เปลวไฟสีแดง ร่างกายของเขาก็กลับเป็นปกติ เขาไม่ได้ดูแก่อีกต่อไป

 

ภาพการย่อยสลายของรังนกทำให้หัวใจของหานเซิ่นปวดร้าว

 

และมันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นปัญหา องค์หญิงไป๋เวยบอกให้เขาเก็บรังนกของอันดายอิ้งเอาไว้ ซึ่งมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอกลับมาขอรังนกที่หายไป? เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะทำยังไง?

 

แต่ทว่าถึงจะมาคิดในตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไข่ของนกแดงดูดซับพลังของรังนกไปเกือบจะหมดแล้ว

 

เปลวไฟสีแดงของไข่เผาไหม้อย่างร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตัวไข่เองนั้นดูบางและโปร่งใสขึ้น ไข่โปร่งใสถึงขนาดที่หานเซิ่นมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้

 

นกแดงยังคงขดตัวอยู่ภายในไข่และหลบไหลอย่างสงบสุข ร่างกายของมันเต็มไปด้วยไฟ และดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะตื่นขึ้นจากการหลับใหล

 

เมื่อเปลือกไข่บางจนเหมือนกับแผ่นกระดาษ ในที่สุดมันก็แตกร้าว เปลือกไข่แตกสลายและถูกเปลวไฟเผาผลาญจนไม่เหลืออะไร นกแดงน้อยร่วงออกมา มันกางปีกออกและเปลวไฟก็ออกจากร่างกายของมัน มันกลายเป็นฟินิกซ์สีแดง

 

มันโบยบินในอากาศทันที มันบินวนรอบหานเซิ่น 3 รอบและพยักหน้าให้กับเขาซ้ำๆ หลังจากนั้นมันก็บินลงมาบนไหล่ของเขา

 

การเคลื่อนไหวของมันทำให้หานเซิ่นตกใจ เปลวไฟบนร่างกายของมันไม่ใช่ไฟธรรมดาๆ หานเซิ่นเพียงแค่เอื้อมมือออกไปสัมผัสกับมัน เขาก็เกือบจะแก่ตาย เขากังวลว่าถ้าเจ้านกลงมาบนไหล่ของเขา เขาจะแก่จนร่างกายย่อยสลายกลายเป็นผุยผง

 

หานเซิ่นเกร็งตัวขณะที่นกแดงน้อยบินลงมา อย่างน้อยๆเปลวไฟของมันก็ดับลงไปแล้ว และตอนนี้มันก็ดูเหมือนนกแดงน้อย มันลงมาเกาะบนไหล่ของหานเซิ่นเหมือนอย่างที่มันเคยทำ

 

หานเซิ่นถอนหายใจ โชคดีที่นกแดงน้อยพอจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง ถ้ามันไม่จำกัดพลังของตัวเองเอาไว้ เรื่องร้ายก็อาจจะเกิดขึ้นกับเขา

 

“แดงน้อย!” เป่าเอ๋อวิ่งเข้ามาจากด้านนอก เธอดูดีใจเมื่อได้เห็นนกแดงน้อย

 

นกแดงน้อยเกาะอยู่บนไหล่ของหานเซิ่นอย่างเงียบๆ แต่เมื่อมันได้ยินเสียงของเป่าเอ๋อ มันก็ทะยานออกไปในทันที มันบินเข้าไปหาเป่าเอ๋อและปล่อยให้เป่าเอ๋อลูบขนของมัน นกแดงน้อยดูจะเพลินเพลินและมันก็ก้มหัวลงมาให้เป่าเอ๋อลูบ

 

“นี่มันอะไรกัน? ฉันเป็นเจ้านายของนายนะ!” หานเซิ่นเบะปาก เขามองนกแดงน้อยด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตร

 

นกแดงน้อยดูเหมือนจะรับรู้ถึงสีหน้าของหานเซิ่น มันรีบบินไปด้านหลังของเป่าเอ๋อและมองมาที่หานเซิ่นด้วยการยื่นหัวข้ามไหล่ของเป่าเอ๋อ

 

“เจ้านี้กินเนื้อของเรเวนอาทิตย์เข้าไป มันควรจะเป็นระดับเทพเจ้า แต่ทำไมมันถึงยังตัวเล็กอยู่?” หานเซิ่นสับสน

 

แต่พลังภายในตัวนกแดงน้อยพิสูจน์ถึงระดับของมัน แม้แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถทนต่อไฟของมันได้แม้แต่วินาทีเดียว มันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน

 

ช่วงนี้หานเซิ่นรู้สึกดีอย่างมาก หลังจากที่อี๋ซาแต่งตั้งให้เขาเป็นเด็กศักดิ์สิทธิ์ของรีเบท เขาก็ได้รับทรัพยากรจำนวนมาก ดาวอุปราคายังคงอยู่ภายใต้การปกครองของเขา และเขายังได้รับดวงดาวอีก 8 ดวงพร้อมกับสมบัติต่างๆ

 

แถมมันยังมีทรัพยากรอีกมากที่จะถูกส่งมาให้กับหานเซิ่นในอนาคต แต่เขายังมีพลังโกสต์โบนหลงเหลืออยู่ภายในตัว เขาจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรอะไรมากมาย ดังนั้นสำหรับตอนนี้หานเซิ่นมีแผนที่จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เอาไว้ในโกดังเก็บของ

 

หานเซิ่นพาสปิริตหลายคนมาที่ดาวอุปราคา และเมื่อพวกเขากลายเป็นระดับมาร์ควิสแล้ว พวกเขาก็เดินทางออกไปสำรวจจักรวาลจีโน หกวิถี จันทราสวรรค์และราชินีชั่วพริบตาเริ่มออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว

 

หานเซิ่นไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของหกวิถี ส่วนจันทราสวรรค์ออกเดินทางร่วมกับกู่ชิงเฉิง ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง หานเซิ่นต้องการให้ราชินีชั่วพริบตาอยู่ข้างกายเขา แต่เธอปฏิเสธ เธออยากจะออกเดินทางตามลำพัง

 

หานเซิ่นจึงไม่ได้บังคับให้เธออยู่ต่อ ราชินีชั่วพริบตาอยู่กับเขามาพักใหญ่แล้ว ในช่วงแรกที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน หานเซิ่นและเธอเป็นศัตรูกัน แต่ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เอาชนะใจของเธอได้ ตอนนี้พวกเขาเชื่อใจกันพอที่หานเซิ่นจะพาเธอมาที่จักรวาลจีโนอย่างสบายใจ

 

ช่วงนี้สถานการณ์ของหานเซิ่นเป็นไปด้วยดี แต่มันคงจะอยู่ไม่นานนัก ชะตากรรมมักจะมีบางสิ่งทำให้หานเซิ่นต้องกังวลอยู่เสมอ เขาได้รับข่าวว่าคณะทูตจากเอ็กซ์ตรีมคิงกำลังจะเดินทางมาเยี่ยมแนร์โรว์มูน

 

ครั้งนี้ผู้นำของคณะทูตที่มาคือองค์ชายสิบสี่ ไป๋ชางลัง เมื่อได้ยินอย่างนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

 

ครามทำงานรับใช้องค์ชายสิบสี่ ถึงคณะทูตของเอ็กซ์ตรีมคิงที่มาจะกล่าวอ้างว่าพวกเขามาเพื่อแสงความยินดีต่ออี๋ซาที่วิวัฒนาการเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จ แต่การส่งคณะทูตมาเพียงเพื่อแสดงความยินดีนั้นไม่มีความจำเป็นต้องให้องค์ชายสิบสี่มาด้วยตัวเอง

 

สำหรับเผ่าพันธุ์ที่เล็กกว่าอย่างรีเบทแล้ว ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเป็นเหมือนกับเทพจริงๆ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างเอ็กซ์ตรีมคิงแล้ว การขึ้นสู่ระดับเทพเจ้าได้เพียงแค่บอกว่าคนๆนั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมด

 

เมื่อหานเซิ่นได้รู้ว่าไป๋เวยเดินทางมาด้วย เขาก็รู้ว่าที่กุนซือไวท์พูดถูก เขาจะถูกบังคับให้ไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆ

 

“ถ้าการคาดเดาของกุนซือไวท์ถูกต้อง การไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงจะเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมาก ซีโร่และเมิ่งเอ๋อไม่ควรไปที่นั่น เพราะเรายังปกป้องพวกเธอจากคนของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้ พวกเธอควรจะอยู่ในแนร์โรว์มูนต่อไป ภายใต้การปกป้องจากอี๋ซา พวกเธอจะถูกปฏิบัติอเป็นอย่างดี และตอนนี้เราก็มีทรัพยากรอยู่มากมาย พวกเธอจะกลายเป็นระดับดยุกได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร และมันก็มีโอกาสที่พวกเธอจะเลื่อนขั้นสู่ระดับราชันได้สำเร็จ”

 

‘แต่เราต้องพากิเลนโลหิตไปด้วย พลังของมันจะช่วยเราได้มาก แต่เราควรจะพานกแดงน้อยไปด้วยดีไหม?’ หานเซิ่นลังเล

 

หานเซิ่นครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ทางเข้าสวน

 

ที่นั่นเขาเห็นชายในชุดสีฟ้าเดินนำหญิงสาวในชุดขาวเข้ามาในสวน ผู้หญิงในชุดขาวคือองค์หญิงไป๋เวย หานเซิ่นไม่รู้ว่าชายชุดสีฟ้าคือใคร แต่เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้ว หานเซิ่นเดาว่าชายคนนั้นก็คือองค์ชายสิบสี่ ไป๋ชางลัง

 

หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจอะไรที่ทั้ง 2 คนมาหาเขา แต่เขาประหลาดใจที่ไม่มีใครมาเตือนเขาก่อนเลย

 

โดยปกติแล้วมันควรจะมีคนเข้ามารายงานถึงการมาเยือนของเอ็กซ์ตรีมคิง ถึงแม้พวกเขาจะบุกเข้ามา มันก็ควรจะมีใครบางคนมาแจ้งข่าวให้กับหานเซิ่น

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้รับคำเตือนอะไรเลย ทุกอย่างในฐานทัพยังดำเนินไปอย่างปกติ ขณะที่ไป๋ชางลังพาไป๋เวยเข้ามาในสวนของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นขมวดคิ้วและตรวจดูไป๋ชางลัง เขาดูเหมือนคนอายุราวๆ 30 ปี เขาไม่ได้ดูงดงามอะไร เขาเดินเข้ามาอย่างเป็นกันเองราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรในโลกนี้ เขาดูเป็นคนที่ไม่ได้กังวลเรื่องใดๆ

 

ถึงแม้เขาจะกำลังเดินเข้ามาในสวนของหานเซิ่น แต่ไป๋ชางลังก็ทำตัวเหมือนกับว่าเขาอยู่ที่บ้านของตัวเอง เขาเดินเข้ามาหาหานเซิ่นและนั่งลงข้างๆ เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นและเทชาให้กับตัวเองหนึ่งถ้วย
“ชานี่ก็ดีและคนที่นี่ก็เยี่ยม”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset