ครามกวัดแกว่งอาวุธของเขา และพลังบนมีดของเขาก็กลายเป็นราชางูดำที่ดูเหมือนกับว่าจะกลืนกินทั้งท้องฟ้า มันพุ่งเข้าหาหานเซิ่นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของหานเซิ่นระเบิดพลังออกมา แต่เชือกสีขาวยังคงรัดตัวของเขาเอาไว้ ทำให้ยากต่อการป้องกัน มีดนั่นจะตัดร่างของเขาขาดเหมือนริบบิ้น
หานเซิ่นกัดฟัน แต่ในจังหวะที่เขาเตรียมตัวจะเปิดใช้งานโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มีดแสงที่พุ่งเข้ามาก็แตกสลายไป
หานเซิ่นตกใจ เขามองไปที่คราม มือข้างหนึ่งที่ดูเหมือนกับหยกทะลุอกของครามออกมา นิ้วของมือนั้นเรียวยาวและดูงดงาม
“กุนซือไวท์!” หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง กุนซือไวท์ยืนอยู่ด้านหลังของครามและดึงมือของเขากลับออกมา
แต่มือของกุนซือไวท์ยังคงดูสะอาดหมดจดและไม่เปื้อนเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว
มีดหักของครามตกลงบนพื้น เขามองรูที่เต็มไปด้วยเลือกบนอกของตัวเอง ก่อนที่จะหันไปมองกุนซือไวท์ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“ไหนว่าพลังของท่านบอกเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้… ท่าน… ท่านทำลายร่างสิงโตดำของข้าได้ยังไง?”
“ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ เจ้าควรจะเคยชินกับมันได้แล้ว”
เปลือกหอยสีขาวปรากฏขึ้นในมือของกุนซือไวท์ เขาเปิดมันออกและยื่นมันเข้าหาคราม หลังจากนั้นครามที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกดูดเข้าไปภายในนั้น
เมื่อเปลือกหอยปิดตัวลง กุนซือไวท์ก็เก็บมันเข้ากระเป๋า เขาหยิบตาข่ายนภาและกล่องหยกน้อยๆขึ้นมา ดูเหมือนกับว่าเขากำลังยิ้ม แต่มันไม่ใช่ เขาหันมาหาหานเซิ่นและพูด
“หานเซิ่น ดูเหมือนว่าเจ้าจะแพ้อย่างหมดท่า”
หานเซิ่นยังคงถูกจับโดยตาข่ายนภา เขายิ้มแห้งๆให้กับกุนซือไวท์
“เจ้าเป็นฝ่ายชนะ อย่างนั้นแล้วเจ้าจะทำยังไงกับข้าล่ะ?”
“แน่นอนว่าข้าจะฆ่าเจ้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะปล่อยให้ศัตรูที่น่ากลัวอย่างเจ้ามีชีวิตต่อไปและเติบใหญ่ในโลกนี้น่ะ?” กุนซือไวท์มองหานเซิ่นอย่างไร้ความรู้สึก
“กุนซือไวท์ เจ้าประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว ข้าก็เป็นแค่ทหารไร้ชื่อคนหนึ่ง”
หานเซิ่นไม่เคลื่อนไหว เขารวบรวมพลังทั้งหมด ขณะที่ยังคงจ้องไปที่กุนซือไวท์ เขาคิดที่จะลองเสี่ยงดู
กุนซือไวท์หันไปหารูปปั้นแมวหยก ขณะที่เขายังถือตาข่ายนภาที่จับหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเอาไว้ในมือ “แมวเก้าชีวิต ตอนนี้พวกเราไปได้แล้วใช่ไหม?”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ กุนซือไวท์รู้ว่ารูปปั้นแมวหยกนั้นคือแมวเก้าชีวิต
รูปปั้นแมวเก้าชีวิตมองมาที่กุนซือไวท์ “ถ้าพวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะมาหรือไป มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องขออนุญาตจากข้า”
“ลาก่อน” กุนซือไวท์ดึงตาข่ายนภาและลากหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์
ครั้งนี้พลังของเมืองไม่ได้ห้ามพวกเขา กุนซือไวท์ลากหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อออกไปจากเมืองอย่างง่ายดาย
มืออีกข้างของกุนซือไวท์เรืองแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ขณะที่ถือกล่องหยกเอาไว้ แสงสว่างนั้นขับไล่สิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดในระยะ 3 เมตรรอบๆตัวพวกเขา สุดท้ายแล้วกุนซือไวท์ก็ลากหานเซิ่นและเป่าเอ๋อกลับออกไปจากร่องน้ำได้อย่างปลอดภัย
หานเซิ่นคิดว่ากุนซือไวท์จะฆ่าพวกเขาในเมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่กุนซือไวท์ไม่ทำอย่างนั้น และหลังจากที่เขาออกมาจากที่นั่น เขาไม่ได้พยายามจะหนีไปจากที่นี่ เขาพาหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเข้าไปในวาฬขาวตัวใหญ่แทน
การต่อสู้ระหว่างราชินีจิ้งจอกและอี๋ซาดูเหมือนจะจบลงแล้ว เนื่องจากมันไม่มีความเคลื่อนไหวในทะเลอีก
กุนซือไวท์พาหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเข้าไปในวาฬขาวตัวใหญ่ เขายิ้มและมองไปที่หานเซิ่น “ตอนนี้ข้าฆ่าเจ้าได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร เจ้าคิดแผนการหนีได้หรือยัง?”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าข้าภายในเมืองศักดิ์สิทธิ์?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเมืองนั่นซ่อนสมบัติที่แท้จริง?” กุนซือไวท์ถามด้วยโทนเสียงขบขัน
“มันไม่ได้ซ่อนสมบัติเอาไว้?” หานเซิ่นถาม
“มันจะซ่อนสมบัติเอาไว้ แต่นั่นก็ต่อเมื่อผู้นำของเซเคร็ดบ้าไปแล้ว มันมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่จะใช้ความพยายามมากขนาดนั้นเพื่อซ่อนสมบัติของตัวเอง”
กุนซือไวท์ยิ้ม “ที่นี่ต้องมีความลับที่เจ้าจินตนาการไม่ถึง นอกจากนั้นรูปบนหลังของเจ้าก็ดูเป็นอะไรที่พิเศษ”
“ข้าคิดว่ารูปภาพนั้นมันหายไปแล้ว” หานเซิ่นตกใจ
กุนซือไวท์หัวเราะและพูด “เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เพียงแค่บางสิ่งหายไป นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะหายไปจริงๆ ข้าไม่รู้จักคนที่วาดมันบนตัวเจ้า แต่ข้ารู้ว่าเขาวาดมันด้วยการใช้สิ่งมีชีวิตที่ถูกรู้จักกันในชื่อแอนเชี่ยนท์บลัดดราก้อนเลดี้ มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ เลือดของนางคือยีนซีโน่เจเนอิคกลายพันธุ์ ข้าไม่คิดว่าเลือดแบบนั้นจะหายไปง่ายๆ”
หานเซิ่นตกใจเมื่อได้ยินอย่างนี้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่านั่นเป็นถึงสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์
“ทำไม? ทำไมเขาถึงวาดบนตัวของข้า?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“ข้าไม่รู้ บางทีเจ้าอาจจะเป็นคนที่ถูกเลือกตั้งแต่แรกแล้ว”
กุนซือไวท์พูดต่อว่า “แต่มันไม่ได้สำคัญอีกต่อไป ข้าจะฆ่าเจ้าและทุกอย่างจะถึงจุดจบ”
หลังจากนั้นกุนซือไวท์ดูโกรธ เขากระตุกตาข่ายและหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อก็ถูกดึงไปตรงหน้าของเขา
หานเซิ่นจำได้ว่าร่างกายของครามถูกเจาะทะลุอย่างง่ายดายด้วยมือของกุนซือไวท์ เขาตกใจและเตรียมตัวที่จะใช้ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
แต่เมื่อกุนซือไวท์สะบัดมือของเขา ตาข่ายนภาก็ถูกปล่อยออกไป รังนกกลับมาหาหานเซิ่นอีกครั้ง
“กุนซือไวท์…” หานเซิ่นรับรังนกเอาไว้และมองไปที่กุนซือไวท์ด้วยความสับสน
กุนซือไวท์เก็บตาข่ายนภาไปและโยนกล่องหยกให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นรับกล่องหยกน้อยๆเอาไว้ขณะที่สับสนยิ่งกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กุนซือไวท์ยิ้มให้กับหานเซิ่น กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาเริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนไป ใบหน้าของเขาเองก็เช่นกัน
เพียงไม่นานกุนซือไวท์ก็กลายเป็นคนอื่นไป ตัวตนของเขาดูเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนนี้กุนซือไวท์ดูหนุ่มกว่าเดิม เขาดูอายุไม่เกิน 20 ปี แต่ร่างกายของเขามีออร่าที่พิเศษ มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่าคนๆนี้ใช้ชีวิตผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง เขาเป็นเหมือนกับคนที่คอยควบคุมหมากบนกระดาน หานเซิ่นอ้าปากค้าง
“เจ้า! ทำไมมันถึงเป็นเจ้าได้!” หานเซิ่นชี้ไปที่เขาด้วยความตกตะลึง
“ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้?” กุนซือไวท์มองหานเซิ่นด้วยความสนใจ
“เจ้าอยู่ในก็อตแซงชัวรี่หนิ? ทำไม…ทำไมเจ้าถึงออก…”
คำพูดของหานเซิ่นตัดขาดไปก่อนที่เขาจะพูดจบ เขานึกขึ้นได้ว่าทั้งพยุหะโลหิตและชูร่าต่างก็มีหนทางจะออกมา ตอนนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนๆนี้จะออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้เช่นกัน
“เรื่องมันยาว ถ้าจะให้สรุปสั้นๆก็คือในตอนที่ข้าคิดจะฝ่ามิติและกลายเป็นเทพเจ้าของโลกได้ ข้ากลับออกมาในที่แห่งนี้แทน มันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังจริงๆ” กุนซือไวท์ยักไหล่ขณะที่ดูเสียใจ
“เจ้า… ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย…” หานเซิ่นพึมพำ เขายังคงตกตะลึง
หานเซิ่นรู้จักคนๆนี้ พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันอะไรนานนัก แต่หานเซิ่นจำเขาได้ดี นั่นเป็นเพราะว่าชายคนนี้คือผู้สืบทอดที่แท้จริงของสำนักเสวียน ส่วนหานเซิ่นเรียนรู้ศาสตร์ตงเสวียนมาจากตงเสวียนจือ นั่นทำให้เขาถูกนับว่าเป็นคนสำนักเสวียนเช่นกัน