Super God Gene – ตอนที่ 2291

สัญลักษณ์แห่งแสงบนมือของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับเครื่องแปลงพลังงาน เมื่อหานเซิ่นส่งพลังของตัวเองเข้าไปในสัญลักษณ์แห่งแสง พลังงานของเขาก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังในการปิดผนึก

 

มังกรเขียว เสือขาว นกแดง เต่าดำ สัตว์ทั้ง 4 คือสัญลักษณ์บนฝ่ามือของแต่ละคน หานเซิ่นได้รับสัญลักษณ์รูปนกแดง ขณะที่พลังของเขาไหลเข้าไปในสัญลักษณ์แห่งแสง สัญลักษณ์นั้นก็หมุนเวียนรอบมือของเขาราวกับนกเพลิง

 

กุนซือไวท์เดินไปตรงหน้าหนึ่งในร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและบอกให้คนอื่นๆยืนประจำด้านข้างของซีโน่เจเนอิค

 

นี่เป็นผนึกที่ทรงพลัง แต่มันก็จำเป็นต้องใช้คนถึง 4 คนเพื่อพยายามจะใช้มัน มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้มันท่ามกลางการต่อสู้ โดยปกติแล้วเทคนิคนี้จะถูกใช้ในการผนึกสิ่งมีชีวิตที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมก่อนแล้ว

 

โชคดีที่ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ายังไม่โจมตีพวกเขาในตอนนี้ การที่มันแค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ทำให้โอกาสในการปิดผนึกสำเร็จสูงขึ้น

 

ขั้นตอนแรกเป็นไปอย่างราบรื่น หานเซิ่นและคนอื่นๆยืนล้อมซีโน่เจเนอิคทั้ง 4 ทิศทาง พวกมันไม่โจมตีพวกเขาและซีโน่เจเนอิคก็แค่ยืนนิ่งๆขณะที่มองมาที่พวกเขา

 

กุนซือไวท์โบกมือให้หานเซิ่นและคนอื่นๆเพื่อบอกให้พักกันก่อน เพราะยังไงซะมันก็ยังเหลือเวลาเกือบทั้งวัน ถ้าพวกเขาลงมือปิดผนึกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาก็จะสูญเสียพลังไปเปล่าๆ พวกเขาจำเป็นต้องปิดผนึกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งในจังหวะสุดท้ายเพื่อที่จะประหยัดพลังงานให้ได้มากที่สุด

 

หลังจากคิดอยู่หนึ่งนาที หานเซิ่นก็พูด “ในตอนที่พวกมันยังไม่โจมตีพวกเรา ทำไมพวกเราไม่ลองปิดผนึกพวกมันดูก่อนว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า?”

 

“เจ้าไม่เชื่อใจมิสเตอร์ไวท์หรือยังไง? และถึงการปิดผนึกจะไม่ได้ผลจริงๆ เจ้ายังมีหนทางอื่นอีกอย่างนั้นหรอ?” ครามพูดอย่างเย็นชา

 

“แค่ลองดูสักหน่อยมันจะเป็นอะไรไป” หานเซิ่นตอบ

 

กุนซือไวท์พยักหน้า “โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาลองดูกัน มันถือเป็นการฝึกซ้อมก่อนปฏิบัติจริง”

 

ตามคำสั่งของกุนซือไวท์ หานเซิ่นและคนอื่นๆก็ส่งพลังเข้าไปในผนึก 4 สัญลักษณ์ สัญลักษณ์นกแดงบนมือของหานเซิ่นเริ่มสั่นไหว หานเซิ่นรู้สึกว่ามีการเชื่อมต่อเกิดขึ้นระหว่างนกแดงของเขา เสือขาวของกุนซือไวท์ เต่าดำของครามและมังกรเขียวของกิเลนโลหิต

 

พลังทั้งหมดถูกส่งไปและแสงของผนึก 4 สัญลักษณ์ก็เข้มยิ่งขึ้น การเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น

 

พลังของทั้ง 4 สนับสนุนซึ่งกันและกัน สัญลักษณ์ของแต่ละคนส่งเงาของสัตว์ทั้ง 4 ออกไป หลังจากนั้นก็ก่อตัวขึ้นเป็นใบเสมาที่กักขังซีโน่เจเนอิคเอาไว้ภายใน

 

เมื่อซีโน่เจเนอิคตัวนั้นพบว่าตัวเองถูกกักขังในใบเสมา ดวงตาของมันก็แว๊บขึ้นมาและร่างกายของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

“โอ้ไม่นะ! มันกำลังจะโจมตีพวกเรา ปิดผนึกใบเสมาเดี๋ยวนี้!” กุนซือไวท์ตะโกนเสียงดัง

 

พวกเขาทั้ง 4 รีบใช้ผนึก 4 สัญลักษณ์ เงาของมังกรเขียว เสือขาว นกแดงและเต่าดำถูกปล่อยออกไปใส่ร่างของซีโน่เจเนอิค เงานั้นจำกัดการเคลื่อนไหวของซีโน่เจเนอิคเอาไว้

 

ซีโน่เจเนอิคพยายามจะเคลื่อนไหว ขณะที่หานเซิ่นและคนอื่นๆยังคงร่ายผนึกของพวกเขาต่อไป เงาของสัตว์ทั้ง 4 ถูกฉายไปที่ร่างของซีโน่เจเนอิค ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นพยายามจะต่อต้าน แต่มันก็ไม่สามารถทำลายผนึกได้

 

ครามพูดขึ้นมา “ข้าบอกให้เจ้าเชื่อมิสเตอร์ไวท์ แต่เจ้าก็ยังอยากจะลองดู ทำให้ตอนนี้พวกเราต้องเสียพลังไปเปล่าๆ”

 

“ที่แล้วก็แล้วไป พวกเราแค่ต้องผนึกเอาไว้ตลอดสิบวัน” กุนซือไวท์พูดอย่างหนักแน่นและหยุดการบ่นของคราม

 

หานเซิ่นยักไหล่เล็กน้อยและยังคงเงียบต่อไป เขารู้ว่านี่คือความเป็นไปได้หนึ่ง แต่เขาก็คิดว่าควรจะลองดูก่อนอยู่ดี

 

การพยายามปิดผนึกในตอนนี้แค่ยั่วโมโหซีโน่เจเนอิคตัวเดียว ถ้ามันล้มเหลว มันก็มีซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังแค่ตัวเดียวพยายามจะฆ่าพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาล้มเหลวในตอนที่ใกล้จะหมดเวลา พวกเราก็อาจจะถูกโจมตีโดยกลุ่มของมอนสเตอร์

 

ดังนั้นหานเซิ่นคิดว่าการเสียพลังงานนิดหน่อยในตอนนี้ดีกว่าการเสี่ยงทุกอย่างในภายหลัง

 

นอกจากซีโน่เจเนอิคที่ถูกปิดผนึกที่กำลังดิ้นรนแล้ว ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นแค่ยืนประจำที่ของพวกมัน ขณะที่จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างไร้อารมณ์ เมื่อกลุ่มของหานเซิ่นมั่นใจว่าไม่ถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์รอบๆ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก

 

ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นยังคงพยายามดิ้นรนต่อไป ถึงแม้พลังของมันจะถูกปิดผนึก แต่มันก็ยังมีร่างกายระดับเทพเจ้า หานเซิ่นและคนอื่นๆจำเป็นต้องใช้พลังของพวกเขาเพื่อคงผนึกเอาไว้

 

กุนซือไวท์และกิเลนโลหิตเป็นครึ่งเทพ ส่วนครามก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับราชันที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลำบากอะไรมาก

 

แต่หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง และเขาก็เพิ่งจะวิวัฒนาการเป็นดยุกได้ไม่นาน ดังนั้นพลังของเขาจึงด้อยกว่าคนอื่นๆเมื่อเทียบกันแล้ว เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อคงสัญลักษณ์แห่งแสงของนกแดง

 

กุนซือไวท์มองหานเซิ่นและพูด “ธาตุของดยุกนั้นแยกจากร่างกายออริจินัลได้เป็นร่างแอสทรอลและร่างเซเลสเทียล ร่างออนิจินัลของเจ้าคือยีนของเจ้าในรูปของธาตุๆหนึ่ง ในขั้นนั้นเจ้าต้องใช้พลังของตัวเองในการต่อสู้ ในขั้นที่ 2 ร่างแอสทรอลของเจ้าจะพึ่งพาพลังของดวงดาวรอบๆตัว พลังของดวงดาวจะช่วยเสริมธาตุในร่างกายเจ้าได้ ยกตัวอย่างเช่นดยุกธาตุน้ำจะแสดงพลังได้ดีขึ้นบนดวงดาวที่เป็นน้ำ”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูดต่อ “ร่างเซเลสเทียลคือสิ่งที่จะทำให้เจ้าเข้าถึงขั้นที่ 3 ซึ่งถูกรู้จักกันในชื่อร่างยูนิเวอร์แซล ร่างกายนั้นใช้พลังของจักรวาลได้ ตราบใดที่มันไม่ได้ถูกแยกจากจักรวาลด้วยเหตุผลบางอย่าง มันก็เข้าถึงพลังที่ไร้ขีดจำกัดได้”

 

หานเซิ่นเข้าใจว่ากุนซือไวท์กำลังพูดถึงอะไร เขาเพิ่งจะกลายเป็นดยุกได้ไม่นาน ดังนั้นเขาจึงมีแค่ร่างออริจินัล เขายังไม่สามารถใช้พลังจากภายนอกได้

 

และถึงเขาจะได้รับร่างเซเลสเทียลมา เขาก็รู้ว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นแยกตัวจากโลกภายนอก เขาไม่สามารถเข้าถึงพลังที่อยู่ภายนอกเมืองได้อยู่ดี

 

กุนซือไวท์รู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขายิ้มออกมา

“เมื่อดูวิธีที่เจ้าใช้ร่างกาย เจ้าคงจะยังอยู่ในขั้นแรก เจ้ามีแค่ร่างออริจินัลเท่านั้น ข้ามีวิชาจีโนตัวหนึ่งที่อาจจะช่วยเหลือเจ้าได้ บางทีเจ้าจะเรียนรู้มันเพื่อไปสู่ขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น”

 

“ถ้าเจ้ายินดีจะสอนข้าจริงๆ ข้าก็จะซาบซึ้งใจอย่างมาก”

หานเซิ่นประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่ากุนซือไวท์จะเสนอตัวสอนวิชาจีโนตัวหนึ่งให้กับเขา และเขาไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีความหมายแผงอะไรหรือเปล่า

 

“มิสเตอร์ไวท์จะไปสนใจเขาทำไม!” ครามพูดอย่างไม่พอใจ

 

กุนซือไวท์ยิ้ม “พวกเราร่วมมือกันเพื่อคงผนึกเอาไว้ไม่ใช่หรือยังไง? พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว หานเซิ่นมีระดับต่ำกว่าพวกเรา ดังนั้นเขาต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากตลอดสิบวันถัดไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา พวกเราก็จะถูกทำลายไปด้วย ข้าแค่ทำเพื่อตัวข้าเอง”

 

หลังจากกุนซือไวท์พูดอย่างนั้น ครามก็เงียบไป

 

กุนซือไวท์หยุดไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดขึ้นมา “วิชาจีโนของข้าไม่ได้น่าประทับใจอะไร ข้าคิดค้นมันขึ้นมาด้วยตัวเอง และข้าก็ยังไม่เคยคิดชื่อให้กับมัน ข้าจะอธิบายมันอย่างเต็มความสามารถและถ้าเจ้าคิดว่ามันมีประโยชน์ เจ้าก็ใช้มัน ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ นั่นก็ไม่เป็นอะไร”

 

“ได้โปรดบอกมา” หานเซิ่นพูด

 

กุนซือไวท์อธิบายวิชาจีโนให้หานเซิ่นฟัง ครามและกิเลนโลหิตเองก็ใช้สมาธิกับคำพูดของเขาเช่นกัน

 

ครามฟังอย่างจริงจัง และเป็นอย่างที่กุนซือไวท์พูด วิชาจีโนของเขาดูค่อนข้างเรียบง่าย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พิเศษ ถึงแม้มันจะดูง่ายๆ แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยาก

 

“มิสเตอร์ไวท์ วิชาจีโนของท่านซับซ้อนเกินไป ข้ากลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจมัน” ครามพูดหลังจากที่ได้ยินวิชาจีโนของกุนซือไวท์

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset