Super God Gene – ตอนที่ 2286

“หมอนั่นดูแข็งแกร่งจะตายไป อะไรกันที่ทำให้เขารีบหนีไปอย่างนั้น?” หานเซิ่นหันไปมองอี๋ซาด้วยความสับสน

 

อี๋ซาถอนหายใจและพูด “บางทีพลังของมันอาจจะใช้เวลานานกว่าจะฟื้นคืนกลับมา พลังที่เขาเพิ่งจะปลดปล่อยออกไปนั้นอาจจะทำให้เขาสูญเสียพลังเกือบทั้งหมดไป”

 

ตอนนี้หานเซิ่นก็เข้าใจขึ้นมา มันเป็นเหมือนกับราชาหมอกแดงที่ต้องพึ่งพาพลังงานจากมิงค์หมอกแดงทั้ง 7 ตัว มันใช้เวลานานอย่างมากในการเก็บรวบรวมพลัง

 

ถ้าบิ๊กคิงเบลล์หลอกหานเซิ่นและอี๋ซาไม่สำเร็จ มันก็รู้ว่าต้องวิ่งหนีไป

 

“ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” หานเซิ่นถามขณะมองไปที่อี๋ซา

 

อี๋ซาไม่ตอบ เธอเทเลพอร์ตไปที่ประตูหลัง

 

หานเซิ่นรู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง เขาขึ้นขี่กิเลนโลหิตและตามหลังอี๋ซาไป

 

บิ๊กคิงเบลล์ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่พูด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คุ้นเคยกับบริเวณโดยรอบเป็นอย่างดี การได้รับข้อมูลจากมันเป็นอะไรที่มีประโยชน์

 

หลังจากที่พวกเขาออกไปจากวาฬขาวแล้ว ร่างกายอี๋ซาก็แว๊บหายไป กิเลนโลหิตไม่สามารถไล่ตามความเร็วของเธอได้ทัน มันเป็นเหมือนกับการให้มนุษย์วิ่งแข่งกับรถสปอร์ต

 

ครึ่งเทพถึงจะมีคำว่าเทพอยู่ แต่แก่นแท้ของพวกเขาก็ยังเป็นแค่ระดับราชันอยู่ดี พวกเขายังห่างชั้นกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่แท้จริง

 

“หานเซิ่น!” อี๋ซาไล่ตามหลังบิ๊กคิงเบลล์และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ราชินีจิ้งจอกเห็นหานเซิ่นออกมาจากท้องของวาฬขาว เธอก็ส่งเสียงเรียกออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะคิดหาหนทางหนีไปได้ ราชินีจิ้งจอกก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเพื่อขวางทางพวกเขาเอาไว้

 

“ได้จังหวะพอดีเลย! มอบโบราณวัตถุมาให้กับข้าและข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาและจ้องมองไปที่หานเซิ่น แต่ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังยิ้มอยู่

 

“พี่สาวคนสวย ท่านทำให้ข้าลำบากใจ ในตอนนี้ข้าไม่มีโบราณวัตถุอยู่กับตัว”
หานเซิ่นดูลำบากใจ “ท่านเห็นคนที่เพิ่งจะวิ่งจากไปนั่นไหม? นั่นคือราชินีแห่งมีดอาจารย์ของข้า ข้ามอบโบราณวัตถุให้กับนางไปแล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาดูกันว่าอาจารย์ของเจ้าหรือโบราณวัตถุจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างเย็นชา ขณะที่พลังเชือกมากมายพุ่งเข้ามารัดตัวหานเซิ่นกับกิเลนโลหิต

 

แต่หานเซิ่นตบรังนกบนหัวของเขา ซึ่งทำให้มันขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นโล่ให้กับเขาและกิเลนโลหิต

 

แต่ถึงอย่างนั้นพลังเชือกก็ล้อมรังนกเอาไว้อย่างแน่นหนา และนั่นก็หมายความว่าตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถหนีไปไหนอีกได้

 

“น้องชายคนดีของข้า เจ้าคิดว่ารังนกนี่จะปกป้องเจ้าได้อย่างนั้นหรอ?”
ราชินีจิ้งจอกยิ้ม เธอดึงเอาของบางอย่างออกมาจากเอวของเธอ

 

เมื่อหานเซิ่นมองเห็นมัน เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดี

 

ที่ราชินีจิ้งจอกนำออกมาคือขลุ่ยหยก มันยาวประมานหนึ่งฟุตและมีสีครีมที่โปร่งใส มันดูเล็กและบอบบางอย่างมาก

 

‘ราชินีจิ้งจอกเชี่ยวชาญในพลังเสียงด้วยหรอเนี่ย? รังนกป้องกันเสียงจากภายนอกไม่ได้ แล้วแบบนั้นมันจะป้องกันพลังเสียงได้หรือเปล่านะ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

รังนกไม่ใช่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจ และหานเซิ่นก็ไม่สามารถใช้พลังเต็มที่ของมันได้ ดังนั้นมันยากที่จะบอกได้ว่ามันจะป้องกันการโจมตีด้วยพลังเสียงได้หรือเปล่า

 

ราชินีจิ้งจอกนำขลุ่ยหยกขึ้นมาที่ริมฝีปาก เธอยิ้มให้กับหานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเปล่าขลุ่ยและสร้างเสียงดนตรีที่ไพเราะออกมา

 

ขลุ่ยนั้นไม่ได้ดังอะไรเป็นพิเศษ แต่มันมีพลังที่เลือนรางออกมาจากขลุ่ย พลังนั้นตรงเข้ามาหารังนก

 

หานเซิ่นตกใจ เขารู้สึกตัวว่าเสียงเพลงของขลุ่ยสามารถแทรกซึมผ่านหญ้าแห้งของรังนกได้

 

เขาได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ด ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้รังนกได้ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดี เพราะเขาเปิดใช้งานพลังของรังนกไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้คุณสมบัติในการป้องกันของมันได้

 

เสียงของขลุ่ยซึมเข้าไปในรังนกราวกับเส้นไหมบางๆที่เข้ามาเพื่อรัดตัวหานเซิ่นและกิเลนโลหิต หานเซิ่นและกิเลนโลหิตพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถกำจัดเสียงของขลุ่ยได้

 

ภายใต้อิทธิพลของขลุ่ย หานเซิ่นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขายกรังนกออกและเริ่มคลานออกมาราวกับหุ่นเชิด

 

“โอ้ไม่! โอ้ไม่!” หานเซิ่นรู้สึกแย่

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นค่อยๆเคลื่อนที่ออกมาจากรังนก ราชินีจิ้งจอกก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

 

แต่ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะถูกดึงออกมาจากรังนกทั้งตัวนั้น สีหน้าของราชินีจิ้งจอกก็กลายเป็นสีหน้าที่ประหลาดใจ

 

เคร๊ง!

มีดลมปราณสีม่วงพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง มันเป็นเหมือนกับปีศาจที่พุ่งเข้ามาเพื่อฟันใส่ขลุ่ยหยกของราชินีจิ้งจอก มีดลมปราณที่ไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งเข้ามาฟันใส่ขลุ่ยหยกซ้ำๆ หลังจากนั้นก็ฟันไปที่ร่างกายของริชิจิ้งจอกและส่งเธอกระเด็นออกไป ราชินีจิ้งจอกทำลายมีดลมปราณและยืนนิ่งไป

 

ร่างกายของอี๋ซาแว๊บมาปรากฏตัวข้างๆหานเซิ่น ดวงตาของเธอมองสบตากับดวงตาที่งดงามของราชินีจิ้งจอก

 

ราชินีจิ้งจอกรู้สึกราวกับว่าเธอสัมผัสได้ถึงประกายไฟ

 

“เจ้าก็คืออาจารย์ของหานเซิ่น?” ราชินีจิ้งจอกยิ้มราวกับดอกไม้ แต่ดวงตาของเธอดูเย็นชา

 

“ไม่เลวหนิ” อี๋ซาตอบ

 

“มาก็ดีแล้ว หานเซิ่นบอกว่าเจ้าครอบครองโบราณวัตถุอยู่ มอบมันมาให้กับข้า และข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

อี๋ซาตอบอย่างจริงจัง “ข้าไม่เห็นจำได้ว่าต้องเชื่อฟังเจ้า”

 

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นราชินีจิ้งจอกก็ดูโมโห เธอกวัดแกว่งขลุ่ยหยกและส่งเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อยเข้าใส่อี๋ซา ขณะเดียวกันเธอก็เปล่งเสียงด้วยความโกรธ
“เจ้ากล้าดียังไง!”

 

หานเซิ่นรู้ว่าบางสิ่งที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรและยังคงหลบซ่อนตัวภายในรังนกต่อไป ขณะที่เคลื่อนที่เข้าไปหาวาฬขาว

 

ตอนนี้สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า 2 คนกำลังจะต่อสู้กัน สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถทนต่อคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นได้ หานเซิ่นไม่ต้องการจะถูกทำลายกลายเป็นผุยผง

 

โชคดีที่ตอนนี้วาฬขาวไม่มีเจ้าของ หานเซิ่นมีแผนที่จะเข้าไปซ่อนอยู่ข้างในและลองดูสิว่าเขาจะใช้งานมันได้ไหม

 

วาฬขาวสามารถป้องกันการโจมตีของยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้ ทั้งอี๋ซาและราชินีจิ้งจอกไม่สามารถทำลายร่างกายของมันได้ ด้วยเหตุนั้นมันก็ต้องเป็นสิ่งที่ทนทานอย่างมาก ถ้าหานเซิ่นบังคับมันได้ วาฬขาวก็จะเป็นอะไรที่เหนือกว่ายานรบชั้นสูงซะอีก

 

เมื่อราชินีจิ้งจอกเทเลพอร์ตมาจับตัวหานเซิ่น เธอได้ปล่อยให้เชือกพลังจากวาฬขาว และทำให้มันร่วงลงไปในทะเล ครึ่งหนึ่งของตัวมันยังคงลอยอยู่เหนือผิวของน้ำทะเล

 

หานเซิ่นให้กิเลนโลหิตพาเขาดำลงไปในน้ำ หานเซิ่นมีแผนที่จะกลับไปที่ห้องควบคุมของวาฬขาว

 

ทันทีที่เขาเข้าไปข้างใน เขาก็สังเกตเห็นว่าครามและกุนซือไวท์ตามเขามา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset