Super God Gene – ตอนที่ 2273

สิ่งมีชีวิตภายในจักรวาลจีโนมีวิญญาณดวงเดียว แต่ในทะเลจิตของหานเซิ่นมีวิญญาณอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก และเนื่องจากผลไม้เงินสามารถแช่แข็งวิญญาณได้ครั้งละหนึ่งดวง หานเซิ่นก็แค่ต้องใช้วิญญาณอสูร 8 ดวงเพื่อต่อต้านพลังของพวกมัน

 

หานเซิ่นเล่นกับเงินไซซีอันหนึ่งในมือ ขณะที่มืออีกข้างลูบหัวของกิเลนโลหิต เขามองไปที่กุนซือไวท์และพูด “พวกเราควรจะไปทางไหนต่อ?”

 

กุนซือไวท์เงียบไปชั่วครู่ “ข้าไม่รู้ว่าปราสาทพวกนี้ทำขึ้นมาจากอะไร แม้แต่ราชินีจิ้งจอกก็บังคับให้พวกมันเปิดออกไม่ได้ พวกเราทำได้แค่เดินทางไปปราสาทต่างๆโดยใช้เครื่องเทเลพอร์ตของพวกมัน แต่ละปราสาทดูเหมือนจะมีเครื่องเทเลพอร์ตอยู่ 4 เครื่อง ประตูหน้าและห้องโถงทั้ง 2 ข้างมีเครื่องเทเลพอร์ตจุดละเครื่อง ห้องโถงด้านหลังเองก็มีอยู่เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าทุกปราสาทมีอยู่ 4 ทางออก ที่พวกเราไม่รู้ก็คือจำนวนปราสาททั้งหมดที่มีอยู่ แต่ข้าคิดว่ามันอาจจะมีหนทางที่จะหาเส้นทางที่นำไปสู่คลังสมบัติของผู้นำเซเคร็ด”

 

“เจ้าถนัดในเรื่องนี้ไม่ใช่หรอกุนซือไวท์ เจ้าคงจะต้องมีคำตอบอยู่แล้วสินะ” หานเซิ่นยิ้ม

 

“ข้ามีไอเดียอยู่ แต่ข้าไม่มั่นใจว่าสมมติฐานนั้นจะถูกต้อง แต่ทว่าพวกเราลองดูได้” กุนซือไวท์พูด หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปที่ห้องโถงด้านหลังของปราสาท

 

เป็นอย่างที่กุนซือไวท์อธิบาย ที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับเขาวงกต หานเซิ่นไม่เก่งในเรื่องการไขปริศนาแบบนี้ ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ยากมากๆถ้าหานเซิ่นต้องหาทางไปที่คลังสมบัติของผู้นำเซเคร็ดด้วยตัวเอง

 

ถ้าหานเซิ่นเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมาย เขาก็คงจะไม่มีวันหาสมบัติของผู้นำเซเคร็ดพบ และถ้าเกิดเขาไปเจอกับราชินีจิ้งจอกเข้า นั่นก็คงจะเป็นจุดจบของเขา

 

กุนซือไวท์ใช้เครื่องเทเลพอร์ตของห้องโถงด้านหลัง เมื่อหานเซิ่นก้าวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่อีกฝากหนึ่ง เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงที่เหมือนกับห้องที่หานเซิ่นเพิ่งจะจากมา มันมีรูปปั้นและภาพวาดอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

 

กุนซือไวท์ทำการคำนวณ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่เครื่องเทเลพอร์ตของห้องโถงด้านข้าง

 

หานเซิ่นสงสัยว่ามันมีปราสาทอยู่มากมายแค่ไหนกันแน่ เขาวงกตนี้เป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินไป กุนซือไวท์จะทำการคำนวณทุกครั้งที่พวกเขาไปถึงปราสาทหลังใหม่ และหลังจากที่ผ่านไป 4 ชั่วโมง พวกเขาก็เคลื่อนที่ผ่านไปประมานหนึ่งร้อยปราสาท แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไปไม่ถึงปลายทาง

 

“มันจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนก่อนที่พวกเราจะไปถึงคลังสมบัติ?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

 

ครามพูดขึ้นด้วยความรำคาญ “เจ้าคิดว่าการคำนวณหาเส้นทางที่ถูกต้องเป็นเรื่องง่ายหรือยังไง? ถ้ามันไม่ใช่เพราะมิสเตอร์ไวท์พาพวกเราไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง พวกเราก็คงจะเทเลพอร์ตไปยังปราสาทที่เป็นกับดักและพาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายเรียบร้อยแล้ว มันคงจะไม่ได้เป็นแค่การเดินทางที่ราบรื่นแบบนี้หรอก พวกเราคงจะลำบากลำบนที่จะเอาตัวรอดจากบททดสอบของแต่ละปราสาท”

 

“ข้าไม่ได้กำลังบ่น ข้าแค่สงสัยเฉยๆว่าอีกนานแค่ไหนกว่าที่พวกเราจะไปถึงที่ที่มีสมบัติซ่อนอยู่” หานเซิ่นพูดอย่างฉุนเฉียว

 

กุนซือไวท์หัวเราะและพูด “ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกเราใกล้จะถึงด่านทดสอบด่านแรกแล้ว”

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับด่านทดสอบ

 

หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ กุนซือไวท์ก็พูด “แม้พวกเราจะเดินมาในเส้นทางที่ถูกต้อง แต่มันก็ยังมีระบบป้องกันหลายตัวที่พวกเราต้องผ่าน สำหรับสมบัติระดับนี้ มันต้องมีการป้องกันหลายชั้นติดตั้งเอาไว้ เส้นทางของพวกเราถูกต้องก็จริง แต่พวกเราก็ยังต้องผ่านด่านทดสอบเพื่อรับสิทธิให้ไปต่อได้ ข้าเดาว่ามันจะมีด่านทดสอบอยู่ด้วยกัน 4-7 ด่าน แน่นอนว่าข้าไม่รู้ว่าด่านทดสอบพวกนี้จะมาในรูปแบบไหน แต่ระบบป้องกันของผู้นำเซเคร็ดต้องไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายอย่างแน่นอน พวกเราควรจะระวังให้ดี”

 

หลังจากพูดจบ กุนซือไวท์ก็หันความสนใจกลับไปที่เส้นทางข้างหน้า หานเซิ่นตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ

 

หลังจากผ่านไปอีก 3 ปราสาท กุนซือไวท์ก็พาพวกเขามาถึงประตูหลักของปราสาทแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็พูดกับหานเซิ่น
“ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิดล่ะก็ ปราสาทถัดไปจะเป็นด่านทดสอบแรกของเขาวงกตนี้ เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”

 

หลังจากนั้นกุนซือไวท์ก็เดินเข้าไปในม่านแสง ครามเดินตามเขาไปติดๆ

 

รังนกยังคงวางอยู่บนหัวของหานเซิ่น และเขาก็เรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองออกมาก่อนที่จะเดินเข้าไปในม่านแสง

 

เหมือนกับก่อนหน้านี้ หลังจากการเทเลพอร์ต หานเซิ่นไปปรากฏตัวในปราสาทแห่งหนึ่ง แต่ทว่าปราสาทนี้ดูแตกต่างไปจากปราสาทหลังอื่นที่พวกเขาผ่านมา

 

ปราสาทแห่งนี้เป็นรูปวงกลม และหลังคาของมันก็เป็นเหมือนกับโล่ รูปปั้นใหญ่ยักษ์ยืนอยู่ตรงใจกลางของห้องโถง หัวของรูปปั้นเกือบจะชนหลังคาด้านบน และถึงแม้มันจะเป็นแค่รูปปั้น แต่เพียงแค่ได้เห็นมันก็ทำให้รู้สึกสะพรึงกลัว การมองดูมันจะทำให้ผู้ชมต้องการจะก้มหัวต่อรูปปั้นที่เหมือนกับเทพเจ้านี้ ราวกับว่าเขาเป็นศูนย์กลางของทั้งจักรวาล

 

“นี่คือรูปปั้นของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย

 

ราชินีจิ้งจอกนั้นบอกว่าผู้นำเซเคร็ดจะสวมชุดเกราะอยู่เสมอ และไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่

 

กุนซือไวท์และครามก้าวออกมาจากเครื่องเทเลพอร์ต แต่พวกเขาไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้า เมื่อหานเซิ่นและกิเลนโลหิตตามพวกเขามาทัน กุนซือไวท์ก็พูดขึ้นมา
“ถึงแม้ว่ามันจะดูปลอดภัย แต่พวกเราจำเป็นต้องระวังตัวเอาไว้ ทางออกที่ถูกต้องของที่นี่คือประตูหน้า พวกเราจะต้องเดินผ่านรูปปั้นไป”

 

กุนซือไวท์ก้าวเข้าไปหารูปปั้น แต่ครามรีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าเขา
“ข้าขอนำหน้าเพื่อทำให้แน่ใจว่าเส้นทางนั้นปลอดภัย”

 

หานเซิ่นรู้สึกนับถือคราม ในยุดสมัยนี้มันมีคนไม่มากนักที่จะจงรักภักดีถึงขนาดนั้น

 

หานเซิ่นตามกุนซือไวท์ไป ขณะที่ครามเดินนำหน้าไป ขณะที่พวกเขาค่อยๆเดินเข้าไปหารูปปั้น จู่ๆดวงตาของรูปปั้นก็เรืองแสงขึ้นมา

 

ดวงตาของรูปปั้นส่องประกายราวกับดวงไฟ และกลุ่มของหานเซิ่นก็ตกอยู่ภายใต้แสงสว่างเช่นเดียวกัน

 

ถึงแม้แสงนั้นจะสว่างไสว แต่มันก็ดูจะไม่ได้มีผลกระทบในทางลบอะไร

 

“ยินดีต้อนรับสู่คลังสมบัติของข้า” เสียงดังขึ้นมาจากรูปปั้น ซึ่งทำให้หานเซิ่นสะดุ้งเล็กน้อย

 

“ไม่จำเป็นต้องกลัว รูปปั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณข้าเท่านั้น มันไม่ใช่ข้าจริงๆ” รูปปั้นพูดต่อ
“ถ้าพวกเจ้ามาถึงจุดนี้ได้ นั่นก็หมายความว่าข้าได้ตายไปแล้ว สิ่งของที่อยู่ที่นี่จึงไม่มีประโยชน์สำหรับข้าอีกต่อไป ข้าจะมอบพวกมันให้กับพวกเจ้า แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องผ่านการทดสอบซะก่อน มีเพียงแค่คนที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นถึงจะได้รับสมบัติของข้าไป ใครก็ตามที่ไม่ผ่านการทดสอบจะไม่ได้รับอะไรกลับไป ถึงแม้พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าก็ตาม”

 

“การทดสอบอะไร?” ครามถาม

 

เสียงของรูปปั้นเหมือนกับหุ่นยนต์ และมันไม่มีอารมณ์ใดๆอยู่ในโทนเสียงของมัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าเพศของมันเป็นชายหรือหญิง รูปปั้นพูดต่อ “การทดสอบนี้ง่ายมากๆ ถ้าเจ้าทำลายสิ่งนี้ได้ พวกเจ้าก็จะผ่านการทดสอบ”

 

หลังจากนั้นรูปปั้นก็เคลื่อนไหว มันยื่นมือและโค้งตัวลงมา มันวางสิ่งของอย่างหนึ่งตรงหน้ากลุ่มของพวกเขา ก่อนที่จะกลับไปสู่ท่าเดิม

 

ดวงตาของรูปปั้นดับลงไปและมันก็กลับกลายเป็นเหมือนกับรูปปั้นธรรมดาก่อนหน้านี้

 

หานเซิ่นมองดูสิ่งที่รูปปั้นวางลงตรงหน้าพวกเขา มันเป็นก้อนหินที่ยาว 40 เซนติเมตร มันไม่ได้ดูพิเศษเลยสักนิดเดียวและมันก็ทำขึ้นมาจากหินเขียว

 

ครามพยายามที่จะพูดกับรูปปั้นอีกครั้ง แต่รูปปั้นไม่ตอบสนองต่อคำถามของเขา

 

“เลิกถามได้แล้ว มันมีแค่การตอบสนองที่ถูกตั้งเอาไว้ ตอนนี้เมื่อเขาไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับรูปปั้นนี่อีก” กุนซือไวท์พูด

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset