กิ่งก้านเหล็กของต้นไม้แข็งแรงอย่างมาก หานเซิ่นต้องใช้เวลาอยู่เป็นเวลานานกว่าที่จะตัดมันให้ขาดเพื่อเก็บผลไม้สีเงินมาเป็นของตัวเองได้
ในที่สุดเมื่อเขาตัดกิ่งเหล็กจนขาด ผลไม้สีเงินก็หล่นลงมาจากต้นไม้ หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปรับมัน แต่ในจังหวะที่เงินไซซีสัมผัสกับมือของเขา ดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว และกล้ามเนื้อของเขาก็สั่นไหว เขาคำรามออกมาขณะที่พยายามยกเงินไซซีที่ถืออยู่ในมือขึ้น
หานเซิ่นเรียกใช้พลังทั้งหมดที่มี เส้นผมของเขาโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง และเส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาบนหัวของเขา
เงินไซซียังคงร่วงลงสู่พื้นต่อไปพร้อมกับพามือของหานเซิ่นไปด้วย หานเซิ่นต้องทรุดตัวลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น
‘นี่มันเป็นผลไม้แบบไหนกัน? ทำไมมันถึงได้หนักขนาดนี้! ถ้าเรากลืนมันเข้าไป มันคงจะทะลุผ่านกระเพาะของเราแน่ๆ!’
หานเซิ่นจ้องมองไปที่ผลไม้อย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากจะเอามือออกมา แต่มันกดมือของเขาลงกับพื้น ซึ่งไม่ว่าเขาจะพยายามดึงยังไง ผลไม้ก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
หานเซิ่นนำมีดออกมาและฟันใส่ผลไม้สีเงิน เสียงแหลมของโลหะปะทะกันดังขึ้นมา แต่เงินไซซีไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ตัวผลไม้แข็งแรงยิ่งกว่าต้นไม้ที่มันงอกออกมาซะอีก
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ตัดสินใจขุดพื้นแทน แต่พื้นของปราสาทนั้นก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกัน และมีดของหานเซิ่นก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้เท่านั้น
เจ้ากิเลนโลหิตใช้กรงเล็บของมันเพื่อช่วยขุดพื้นใกล้ๆกับมือของหานเซิ่น มันสามารถทิ้งรอยลึกเอาไว้ที่พื้นได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันดึงกรงเล็บกลับไป รอยข่วนที่มันทำเอาไว้ก็จะหายไป
กิเลนโลหิตพยายามขุดต่อไป แต่ว่าพื้นก็พื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า มือของหานเซิ่นจึงยังติดเหง็กอยู่ใต้เงินไซซีเช่นเดิม
“งับผลไม้นี้และยกมันออกไป!” หานเซิ่นพูดกับกิเลนโลหิตเมื่อรู้ตัวว่าการขุดพื้นนั้นไม่ได้ผล
เมื่อได้ยินหานเซิ่น เจ้ากิเลนโลหิตก็กัดไปที่เงินไซซีและยกมันขึ้นด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่เงินไซซีก็ยังคงนิ่งสนิท
“สิ่งนี้คืออะไรกัน?” หานเซิ่นรู้สึกตกใจ มันเป็นแค่ผลไม้ลูกหนึ่ง แต่สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพก็ไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายมันได้ เงินไซซีนั้นไม่แม้แต่จะขยับสักนิดเดียว
ที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือมือของหานเซิ่นไม่ได้ถูกบดขยี้ เงินไซซีเพียงแค่ตรึงมือของเขาเอาไว้กับพื้น แต่ถ้าผลไม้หนักอย่างที่มันเป็นจริงๆ มือของเขาก็ควรจะถูกบดขยี้ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ความจริงแล้วมือของเขาประสบกับแรงกดดันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ขณะที่หานเซิ่นกำลังจะใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อสังเกตผลไม้สีเงิน เครื่องเทเลพอร์ตก็มีความเคลื่อนไหวและมีใครบางคนเดินออกมา
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นกุนซือไวท์กับคราม การมาของพวกเขาทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว
ถึงแม้ครามจะเป็นแค่ระดับราชัน แต่หานเซิ่นก็ได้เห็นความสามารถในการต่อสู้ของเขาแล้ว จากการคาดคะเนของหานเซิ่น ครามไม่ได้แย่ไปกว่าเอ็ดเวิร์ดที่เป็นครึ่งเทพเลย
“หานเซิ่น เจ้ากำลังทำอะไร?” กุนซือไวท์มองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ
กิเลนโลหิตขัดจังหวะเขาด้วยเสียงคำราม หลังจากนั้นมันก็กระโดดเข้าใส่กุนซือไวท์และคราม กรงเล็บของมันห่อหุ้มไปด้วยลมปราณโลหิต ขณะที่มันฟันเข้าใส่กุนซือไวท์
กุนซือไวท์ก้าวออกไปข้างหน้าราวกับว่าเขากำลังเทเลพอร์ต เขาปรากฏตัวด้านข้างกิเลนโลหิตและกดมือไปที่หัวของกิเลนโลหิต
มือของกุนซือไวท์แว็บขึ้นด้วยสัญลักษณ์ประหลาด สัญลักษณ์นั้นจมลงไปในหน้าผากของกิเลนโลหิตราวกับตราประทับ
สัญลักษณ์เรืองแสงอ่อนๆออกมาจากหน้าผากของกิเลนโลหิต และทันใดนั้นร่างกายของกิเลนโลหิตก็หนักขึ้นมา น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเกือบจะทำให้มันทรุดตัวลงไป
กิเลนโลหิตคำรามและกระโดดเข้าใส่กุนซือไวท์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันช้ากว่าเดิมมาก กุนซือไวท์เคลื่อนไหวอย่างงดงามและทุกก้าวของเขาก็ดูเหมือนกับการเทเลพอร์ต พลังของเขาคล้ายคลึงกับของหวงฟูจิ้ง แน่นอนว่าเขาแข็งแกร่งกว่าหวงฟูจิ้งมาก
กิเลนโลหิตยังคงไล่กุนซือไวท์ต่อไป ขณะที่ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ มันโกรธที่ถูกหลอกและไม่สามารถทำอะไรกุนซือไวท์ได้ กุนซือไวท์นั้นล่อหลอกมันราวกับว่ามันเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง
“สติปัญญาของกิเลนโลหิตต่ำเกินไปจริงๆ” หานเซิ่นถอนหายใจ เจ้ากิเลนโลหิตมีพละกำลังมากมาย แต่มันสติปัญญาต่ำ
กุนซือไวท์หลอกล่อกิเลนโลหิตไปที่ห้องโถงด้านข้าง และหานเซิ่นก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดเขาได้ ในขณะเดียวกันครามก็ตรงเข้ามาหาหานเซิ่นที่ถูกตึงไว้กับพื้น เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด
“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับเจ้า มอบแผ่นหินมาให้กับข้า และพวกเราจะจากไปโดยแกล้งทำเป็นว่าไม่เห็นเจ้า”
“เข้ามาเอามันไปสิ ถ้าเจ้ามีความสามารถพอล่ะก็นะ” หานเซิ่นพูด
“เจ้าแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่ผลไม้นั่นดูเหมือนจะกดเจ้าเอาไว้กับที่ ในตอนนี้เจ้าหนีไปจากข้าไม่ได้ แล้วแบบนั้นเจ้ายังหวังที่จะต่อสู้กับข้าอีกอย่างนั้นหรอ?” ครามชักมีดของเขาออกมา
พวกเขาถูกเล่นงานเพราะประมาทหานเซิ่นมาครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นตอนนี้ครามจึงคิดว่าหานเซิ่นเป็นคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมคนหนึ่ง ครามและกุนซือไวท์จะไม่ประมาทหานเซิ่น เพียงเพราะหานเซิ่นเป็นเพียงแค่ดยุกคนหนึ่งอีกต่อไป ถึงแม้มือของหานเซิ่นจะถูกตรึงอยู่กับที่ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ แต่ครามก็ยังใช้พลังทั้งหมดของเขาอยู่ดี
มีดของครามเป็นอะไรที่ดูน่ากลัวอย่างมาก ถึงแม้มันจะยาวเพียงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น มันทำมาจากโลหะสีดำ และใบมีดก็สั้นกว่าด้ามจับ มันดูเหมือนกับใบมีดที่หัก
วงแหวนยื่นออกมาจากด้ามจับ และมันก็มีโซ่เส้นหนึ่งเชื่อมต่อกับวงแหวนนั่น ทีปลายสุดของโซ่เชื่อมต่อกับแขนที่แข็งแรงของคราม
ขณะที่ครามฟันเข้าใส่เขา หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่แตะรังนกบนหัวและมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นโล่ให้กับหานเซิ่น
รังนกรับการฟันของครามในความเงียบสนิท มันไม่มีเสียงดังขึ้นมาและรังนกก็ยังคงดูสมบูรณ์ดีทุกอย่าง
ครามประหลาดใจกับเรื่องนั้น เขารวบรวมพลังทั้งหมดและฟันใส่รังนกอีกหลายครั้ง แต่มันไม่มีอะไรที่ได้ผล
หานเซิ่นไม่ได้กังวลว่าครามจะทำลายรังนกเข้ามาได้ เพราะแม้แต่ราชินีจิ้งจอกก็ยังไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้เลย มันไม่มีทางที่ครามจะทำอะไรได้ถ้าแม้แต่ราชินีจิ้งจอกยังทำไม่ได้ มันน่าเสียดายที่รังนกไม่สามารถใช้ในการโจมตีได้
หานเซิ่นพยายามใช้พลังต่างๆของเขาเพื่อเอามือออกมาจากผลไม้สีเงิน แต่ไม่มีอะไรที่ได้ผล นอกจากการใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว มันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว
ทันใดนั้นเสียงของกุนซือไวท์ก็ดังออกมาจากห้องโถงด้านข้าง
“หานเซิ่น ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็ไม่มีพวกเราคนไหนที่จะได้รับประโยชน์ ทำไมพวกเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ?”
“เจ้าจะเสนออะไร?” หานเซิ่นถามหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่
“ให้กิเลนโลหิตหยุดก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็มาคุยข้อตกลงกัน” กุนซือไวท์พูด
“เอางั้นก็ได้” หานเซิ่นเรียกกิเลนโลหิตให้กลับมาข้างกายเขา กุนซือไวท์เองก็ลบสัญลักษณ์บนหน้าผากของมันออกไปเช่นกัน
“เอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะช่วยเจ้าเอามันออก แต่เจ้าต้องตอบแทนด้วยการมอบแผ่นหินมาให้กับข้า” กุนซือไวท์พูด