หานเซิ่นใช้เวลาอยู่ในไวท์โบนเฮลล์อีก 2 สัปดาห์ เจ้ากิเลนโลหิตนั้นออกมาจากเขาเพื่อดูดซับพลังทุกๆวัน และในช่วงเวลานั้นหานเซิ่นก็ได้มีโอกาสจะผูกมิตรกับมัน
ในตอนแรกกิเลนโลหิตนั้นดูเหมือนกับอสูรที่โหดร้าย แต่มันไม่ได้แสดงจิตมุ่งร้ายต่อหานเซิ่นเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้เขารู้สึกสงสัย เขาคิดว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเจ้ากิเลนโลหิตได้ลิ้มรสชาติเลือดของเขา
แต่นั่นเป็นอะไรที่จะเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เจ้ากิเลนโลหิตได้กินเลือดเก่าของหานเซิ่นเข้าไปขณะที่เขากำลังวิวัฒนาการ แต่เขาไม่มีแผนจะป้อนเลือดของตัวเองให้กับมันอีก
หลังจากที่วิชาโลหิตชีพจรกลายเป็นระดับดยุก หานเซิ่นก็ยังคงหยดเลือดของตัวเองลงบนบลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมอยู่เรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็สามารถใช้บลัดสกอร์เปี้ยนเจดดรัมได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือของเป่าเอ๋อ นั่นทำให้อะไรหลายๆอย่างง่ายขึ้นมาก
วันนั้นหลังจากที่กิเลนโลหิตดูดซับพลังจากกระดูกและเลือดเข้าไป มันก็คำรามใส่หานเซิ่น หลังจากนั้นมันก็กลับไปที่ภูเขาดอกบัว เมื่อมันเห็นว่าหานเซิ่นยังไม่เคลื่อนไหว เจ้ากิเลนโลหิตก็หันมาคำรามใส่เขาอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้ว่าเจ้ากิเลนโลหิตกำลังเชิญเขาไปที่ภูเขาโลหิต หานเซิ่นจึงรีบตามมันไป ถ้าเขาถูกเชิญให้เข้าไปในที่อยู่อาศัยของกิเลนโลหิต นั่นก็บ่งบอกว่าเจ้ากิเลนโลหิตเริ่มจะเชื่อใจเขาแล้ว
หานเซิ่นตามกิเลนโลหิตไปที่ยอดของภูเขาดอกบัว สายฝนเลือดส่วนใหญ่ถูกดูดซับไปหมดแล้ว แต่มีบางส่วนที่ไหลไปรวมกันเป็นบ่อน้ำเล็กๆ มีเถาวัลย์พันกันอีรุงตุงนังรอบบ่อเลือด และหานเซิ่นก็เห็นว่าลูกแพร์โลหิตนั้นห้อยลงมาจากพวกมัน
เจ้ากิเลนโลหิตกระโดดลงไปในบ่อเลือดและส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นอีกครั้งเพื่อเชิญหานเซิ่นลงมาด้วยกัน
ครั้งนี้หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เขาก็ยังตามกิเลนโลหิตลงไป จากประสมการณ์กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เขาเรียนรู้ว่าการอาบน้ำกับสัตว์เลี้ยงถือเป็นวิธีที่ดีที่จะเสริมความผูกพันระหว่างพวกเขา
หานเซิ่นมีแผนที่จะเริ่มขัดเกล็ดของกิเลนโลหิต แต่เจ้ากิเลนโลหิตกลัทำอย่างอื่นแทน มันกดหัวของตัวเองลงไปในน้ำและดำลึกลงไป
หานเซิ่งมองตามเจ้ากิเลนโลหิตไปด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าเจ้ากิเลนโลหิตไม่ได้เชิญเขามาที่นี่เพื่ออาบน้ำด้วยกัน เขารีบใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตามกิเลนโลหิตไป
หลังจากที่เห็นว่าหานเซิ่นกำลังตามมา เจ้ากิเลนโลหิตก็ดำลึกลงไปอีก
บ่อเลือดนั้นมีความลึกเพียงแค่หนึ่งพันเมตรเท่านั้น
พวกเขาไปถึงก้นของบ่อได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเจ้ากิเลนโลหิตก็หายตัวเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่งที่ถูกขุดผ่านกระดูกขาว
หานเซิ่นตามหลังมันไปติดๆ เขาไม่รู้ว่าเจ้ากิเลนโลหิตนั้นต้องการอะไรกันแน่
เจ้ากิเลนโลหิตนำทางต่อไปเรื่อยๆ มันว่ายไปตามอุโมงค์กระดูกขาวและไม่นานก็โผล่ขึ้นจากเลือด
เมื่อหัวของหานเซิ่นโผล่ขึ้นมาด้วยบน หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าตัวเองมาโผล่ยังถ้ำกระดูกขาวใหญ่แห่งหนึ่ง ต่อหน้าของเขานั้นมีศพของซีโน่เจเนอิคสีดำตัวใหญ่ยักษ์อยู่
กิเลนสีดำตัวใหญ่โตราวกับภูเขา แต่ทว่าหัวของมันถูกทำลายและท้องของมันก็ถูกผ่าเปิดออก ในตอนนี้ร่างกายอาจจะยังไม่เน่าเปื่อย แต่อากาศก็ทำให้มันแห้งเหี่ยวราวกับเปลือกไม้
‘นี่คงจะเป็นแม่ของเจ้ากิเลนโลหิต แต่มันดูไม่เหมือนกับเจ้ากิเลนโลหิตเท่าไหร่นัก บางทีการดูดซับพลังจากกระดูกและเลือดเข้าไปจะทำให้ยีนของมันเกิดความเปลี่ยนแปลง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
กิเลนโลหิตกระดูดขึ้นไปบนร่างของกิเลนสีดำที่ตัวใหญ่ราวกับภูเขา หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงร้องใส่หานเซิ่นราวกับมันกำลังบอกให้เขารีบตามขึ้นมา
หานเซิ่นบินขึ้นไปในอากาศ แต่เขาไม่กล้าจะเหยียบเท้าลงบนร่างของกิเลนสีดำ ถึงแม้เจ้ากิเลนโลหิตจะเรียกเขาขึ้นมา แต่การเหยียบศพแม่ของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม
เมื่อหานเซิ่นเห็นศพจากด้านบน เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แวววาวอยู่ในร่างของกิเลนสีดำ มันคืออาวุธที่ปักลึกเข้าไปในหลังของกิเลนสีดำ
หานเซิ่นมองเห็นอาวุธนั้นไม่ชัด เพราะมันมีเพียงแค่ด้ามจับเท่านั้นที่โผล่ออกมา ในขณะที่ส่วนที่เหลือของอาวุธฝังลึกเข้าไปในศพของกิเลนสีดำ
ราชินีจิ้งจอกบอกว่ากิเลนโลหิตกำเนิดมาจากเผ่าพันธุ์ที่ไร้ชื่อ แต่เมื่อได้มาเห็นร่างของกิเลนสีดำตัวนี้ หานเซิ่นก็ไม่คิดว่านั่นเป็นความจริง
สิ่งมีชีวิตอื่นเน่าเปื่อยจนเหลือแต่กระดูก แม้แต่กระดูกของสิ่งมีชีวิตหลายตัวก็สลายจนเหลือแค่ผุยผง แต่ร่างของกิเลนสีดำยังคงดูสมบูรณ์ซะส่วนใหญ่ แค่เรื่องนี้ก็บ่งบอกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ
หานเซิ่นตรวจดูอาวุธนั่นอย่างระมัดระวัง ด้ามจับนั้นยาวแค่ 2 ฟุตเท่านั้น ซึ่งมันเล็กเกินกว่าที่จะเป็นดาบใหญ่ แต่สำหรับดาบสั้นด้ามจับนั่นก็ดูจะเป็นอะไรที่ยาวเกินไป
ด้ามจับนั้นเป็นเครื่องเงินที่ดูแวววาว และมันมีสัญลักษณ์แปลกๆสลักเอาไว้ หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าสัญลักษณ์นั่นหมายถึงอะไร แต่เขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่การตกแต่งที่ไม่ได้มีความหมายอะไร
แต่ที่หานเซิ่นมั่นใจก็คืออาวุธนั่นไม่ได้เป็นของขุนพลโกสต์โบน เพราะว่ามันขาดออร่าที่ขุนพลโกสต์โบนมีติดตัวไป
กิเลนโลหิตส่งเสียงเห่าใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจว่าเจ้ากิเลนโลหิตต้องการอะไร
เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นไม่เข้าใจ เจ้ากิเลนโลหิตก็พยายามจะจับด้ามของอาวุธด้วยอุ้งเท้าของมัน แต่เมื่อมันสัมผัสกับด้ามจับสีเงิน สายฟ้าสีเงินก็ปะทุขึ้นมาและช็อตใส่กิเลนโลหิต ในช่วงพริบตาร่างของเจ้ากิเลนโลหิตก็ถูกช็อตไฟฟ้าและกระเด็นออกไป
หานเซิ่นตกตะลึง เจ้ากิเลนโลหิตถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับซีโน่เจเนอิคครึ่งเทพ ถ้าแม้แต่มันยังถูกส่งกระเด็นออกไป อย่างนั้นแล้วพลังของอาวุธก็ต้องเป็นอะไรที่ยากจะหยั่งถึง
เจ้ากิเลนโลหิตพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น มันดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ขาของมันสั่นเล็กน้อยจากการถูกไฟฟ้าช็อต
เจ้ากิเลนโลหิตกระโดดกลับขึ้นมาบนร่างของกิเลนสีดำ หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงเห่าใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่ามันต้องการอะไร “นายอยากให้ฉันเอาอาวุธนั่นออกมาอย่างนั้นหรอ?”
เจ้ากิเลนโลหิตพยักหน้าก่อนที่จะส่งเสียงเห่าใส่หานเซิ่นอีก
หานเซิ่นรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้ เพราะแม้แต่เจ้ากิเลนโลหิตที่แข็งแกร่งก็ยังถูกช็อตกระเด็นออกไปเลย หานเซิ่นเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ดังนั้นมันมีโอกาสที่สายฟ้าของอาวุธจะฆ่าเขา ถ้าเขาสัมผัสมัน
หานเซิ่นกัดฟันและเดินเข้าไปใกล้อาวุธที่ปักอยู่บนหลังของกิเลนสีดำ เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถดึงมันออกมาได้ แต่ถ้าเขาไม่ลองดูล่ะก็ เวลาทั้งหมดที่เขาใช้เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเจ้ากิเลนโลหิตก็จะเสียเปล่า
‘ถึงแม้มันจะไม่สำเร็จ เราก็ต้องลองดู การถูกช็อตยังไงก็ยังดีกว่าการทำให้เจ้ากิเลนโลหิตโมโห’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาเรียกชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกระดับราชันออกมา
เมื่อลงมายืนอยู่บนหลังของกิเลนสีดำ หานเซิ่นก็จ้องมองไปที่ด้ามจับสีเงิน หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปมองกิเลนโลหิต เจ้ากิเลนโลหิตนั้นดูตื่นเต้นอย่างมาก หานเซิ่นหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆเอื้อมมือออกไปหาด้ามจับสีเงินนั้น