“เวรเอ้ย! ทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นตอบสนองอย่างรวดเร็วและสั่งให้อสูรกาแล็กซี่กลับลงไปในแม่น้ำอันมืดมิด
ก่อนที่อสูรกาแล็กซี่จะหนีลงไปใต้น้ำ หานเซิ่นก็รู้สึกได้ว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเข้ามาหาเขา ในเวลาไม่ถึงวินาทีน้ำในแม่น้ำก็สลายกลายเป็นความว่างเปล่า
หานเซิ่นเรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีที่น่ากลัวนั้น แต่โล่ป้องกันของเขาก็ได้รับความเสียอย่างมาก มันกำลังจะแตกสลายอย่างสมบูรณ์
โชคดีที่เอ็ดเวิร์ดยังไม่คิดจะฆ่าหานเซิ่น จนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าโบราณวัตถุอยู่ที่ไหน ถ้าเกิดพวกเขาฆ่าหานเซิ่นตายไปซะเดี๋ยวนั้นและเกิดว่าหานเซิ่นไม่มีโบราณวัตถุอยู่กับตัว มันก็มีโอกาสที่พวกเขาจะหามันไม่เจอ ถ้าพวกเขาเพียงแค่ต้องการจะฆ่าหานเซิ่น อย่างนั้นแล้วใบเสมาราชาแมลงปีศาจก็ไม่มีทางรอดจากการโจมตีของพวกเขาไปได้
ถึงอย่างนั้นใบเสมาราชาแมลงปีศาจก็ไม่สามารถใช้ป้องกันได้อีกต่อไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงเก็บมันกลับไป
หลังจากที่หานเซิ่นป้องกันการโจมตีครั้งแรก อสูรกาแล็กซี่ก็วิ่งเข้าไปในกำแพงหินเพื่อหนีไป
แต่กำแพงหินไม่เพียงพอจะหยุดเอ็ดเวิร์ดได้ พลังที่น่ากลัวห่อหุ้มร่างกายของเขาและถูกปล่อยออกไปใส่กำแพงหิน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางที่ทอดยาวไปกว่าหนึ่งพันเมตร
หานเซิ่นชักนำอสูรกาแล็กซี่ให้เปลี่ยนเส้นทาง มันดูเหมือนว่าคนที่กำลังไล่ล่าพวกเขามีพลังพอที่จะทำได้ทุกอย่าง กำแพงหินใต้ดินไม่ต่างอะไรจากฟองสบู่สำหรับพวกเขา ที่ไหนก็ตามที่หานเซิ่นหนีไป พวกเขาก็สามารถไล่ตามไปได้อย่างรวดเร็ว
มันเหมือนกับว่าพวกเขามีเครื่องสะกดรอยตามหานเซิ่น ถึงแม้หานเซิ่นและอสูรกาแล็กซี่จะนำหน้าพวกเขาไป แต่หานเซิ่นก็ไม่สามารถสลัดพวกเขาหลุดไปได้
“หานเซิ่น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า! มอบของมาให้กับข้าและเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้” กุนซือไวท์พูด
“สิ่งนั้นคือของๆ ข้า ทำไมข้าต้องมอบมันให้ด้วย?”
หานเซิ่นถามขณะที่ยังคงหนีต่อไป แผ่นหินนั้นไม่ใช่ของของพวกเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีแผนจะส่งมันให้กับพวกเขา
“เจ้าไม่มีทางเลือก ถ้าเจ้าอยากจะมีชีวิต เจ้าก็ต้องมอบมันมา เจ้าอยากจะมีชีวิตต่อหรือเจ้าอยากจะตายเพราะมัน?” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดต่อ
“ข้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ข้าก็อยากจะเก็บมันไว้ด้วย” หานเซิ่นพูด
เนื่องจากเอ็ดเวิร์ดยังไม่คิดจะฆ่าหานเซิ่น ทำให้มีกำแพงหินพอเหลืออยู่บ้าง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสามารถหนีไปจากการจับกุมได้
แต่เขาไม่สามารถหนีไปได้ตลอดไป หานเซิ่นกัดฟันและให้อสูรกาแล็กซี่พาเขากลับไปที่ปราสาท
ราชินีจิ้งจอกยังไม่หายโกรธ และจู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา เมื่อเธอหันไป เธอก็เห็นหานเซิ่นและอสูรกาแล็กซี่กลับเข้ามา
หานเซิ่นมองไปที่ราชินีจิ้งจอกและยิ้มออกมาอย่างเก้ๆกังๆ
“ราชินีจิ้งจอกคนสวย ข้าลองคิดดูแล้ว… ข้าคิดถึงท่านมากเกินไป ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะกลับมา”
เมื่อราชินีจิ้งจอกเห็นเขา เธอก็ขมวดคิ้ว มันเหมือนกับว่าเธอพยายามจะฟังอะไรบางอย่าง ในที่สุดเธอก็หลี่ตาและยิ้มให้กับหานเซิ่น
“ดูเหมือนเจ้าจะไปละเมิดคนอื่นเข้าสินะ พวกเขาได้มาอยู่ด้านนอกปราสาทเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาก็ค่อนข้างแข็งแกร่งกันทั้งนั้น”
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ท่านจะเมินเฉยต่อคนพวกนั้นก็ได้ เพราะยังไงซะพวกเขาก็พังการป้องกันของที่นี่เข้ามาไม่ได้ คนสวย พวกเราควรจะเริ่มเกมส์จูบของพวกเรากันต่อดีไหม?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับไอกลบเกลื่อน
“ในตอนนี้ข้าอยากจะเล่นบางสิ่งที่ตื่นเต้นยิ่งกว่า”
ราชินีจิ้งจอกสะบัดมือของเธอ หลังจากนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็เข้ามารัดตัวหานเซิ่นกับอสูรกาแล็กซี่ราวกับเชือก เธอแขวนพวกเขากับหนึ่งในคานของปราสาทโดยการห้อยหัวลงมา
ราชินีจิ้งจอกหยิบแส้ขึ้นมาและเดินเข้ามาหาหานเซิ่นที่ถูกแขวนอยู่ เธอลูบแก้มของหานเซิ่นและยิ้ม
“ก่อนหน้านี้เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก ข้าควรจะตอบแทนเจ้ายังไงดี?”
หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็ยกแส้ของเธอขึ้นมา หานเซิ่นรีบพูดขอร้อง
“อย่าทำข้าเลย พวกเราควรจะพูดกันดีๆ”
“ในตอนนี้ข้าอยากจะทำแบบนี้เท่านั้น ข้าไม่อยากจะพูดคุย!” ใบหน้าของราชินีจิ้งจอกดูเย็นชา
เธอเคยเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในจักรวาลจีโน เธอเคยถูกรู้จักในฐานะผู้เจรจาที่เก่งกาจ และแม้แต่การเจรจากับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่ทำให้เธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เธอเกลียดชังหานเซิ่นอย่างที่สุด และตอนนี้เธอก็อยากจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาเหนือสิ่งอื่นใด
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ราชินีจิ้งจอกก็ยกแส้ในมือขึ้น เธอต้องการจะมอบบทเรียนที่ไม่มีวันลืมให้กับเขาเพื่อระบายความโกรธของเธอ
“คนสวย! พวกเรามาทำข้อตกลงกัน ข้าจะช่วยท่านออกไปจากที่นี่ แบบนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะต้องบาดหมางอะไรกัน” หานเซิ่นรีบพูด
ราชินีจิ้งจอกแปลกใจ ถ้าหานเซิ่นเสนอข้อตกลงนี้ขึ้นมาก่อนหน้านี้เธอคงจะไม่สนใจ แต่เขาเพิ่งจะพิสูจน์ความสามารถโดยการหนีออกไปจากปราสาท ตอนนี้เธอเริ่มจะเชื่อเขา
“เจ้ายังคิดจะเล่นลูกไม้กับข้าอีกอย่างนั้นหรอ?” ราชินีจิ้งจอกยิ้ม แต่ดวงตาของเธอเย็นชาอย่างน่ากลัว
“ถ้าข้าโกหกท่านล่ะก็ ก็ขอให้ข้าตกนรก” หานเซิ่นสาบานอย่างลนลาน
ราชินีจิ้งจอกยังคงยิ้มออกมา เธอลูบแก้มของหานเซิ่นและพูด
“เป็นน้องชายที่ดีอะไรอย่างนี้ เจ้ามักจะทำให้ข้าประหลาดใจอยู่เสมอ ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายไปได้ยังไง?”
หลังจากนั้นรอยยิ้มของราชินีจิ้งจอกก็เปลี่ยนเป็นอะไรที่ดูโหดร้าย และเธอก็ใช้แส้ฟาดใส่หานเซิ่น
แส้หนามฟาดผ่านกางเกงของหานเซิ่นไป มันไปถูกกำแพงที่อยู่ด้านหลังของหานเซิ่นและที่ร่างกายท่อนล่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
“ถ้าเจ้าหลอกข้าอีกครั้งล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าทำหมัน”
ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเธอก็กลับไปนอนลงบนเตียงหยกและมองมาที่หานเซิ่น “บอกข้ามาว่าเจ้าจะช่วยข้าออกไปได้ยังไง?”
…
“ที่นี่คือที่ไหนกัน?” เอ็ดเวิร์ดมองกำแพงด้วยความสงสัย
พวกเขาไล่ตามหานเซิ่นต่อไปด้วยการทำลายกำแพงหินที่ขวางทาง แต่เมื่อไปถึงจุดนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายกำแพงหินตรงหน้าได้อีก
แม้แต่พลังของราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆต่อกำแพงหินได้
เอ็ดเวิร์ดเริ่มจะทำลายหินรอบๆ และไม่นานพวกเขาก็รู้ตัวว่าตรงหน้าพวกเขาคือปราสาทหินที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งแม้แต่พลังของพวกเขารวมกันก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้
“ข้าเชื่อว่าหานเซิ่นซ่อนอยู่ในปราสาทหินนี้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้พลังของข้าบอกถึงที่อยู่ของเขาไม่ได้” กุนซือไวท์พูดขณะมองไปที่ปราสาทหิน
“กุนซือไวท์ มันมีหนทางไหนไหมที่พวกเราจะเข้าไปในปราสาทหินนี่ได้?” เอ็ดเวิร์ดถามอย่างมีมารยาท
“ข้าไม่ถนัดเรื่องอะไรแบบนี้” กุนซือไวท์ส่ายหัวของเขา
“ข้าไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนสร้างปราสาทหินนี้ขึ้นมา แต่ถ้าพลังของพวกเรารวมกันก็ยังไม่พอที่จะทำอะไรมันได้ แบบนั้นคนที่สร้างมันขึ้นมาก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด
“การใช้กำลังพังปราสาทเข้าไปนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าพวกเราลองขุดให้ทั่วปราสาทหิน บางทีพวกเราอาจจะหาทางเข้าได้” เอ็ดเวิร์ดพูด
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าพวกเขาอยากจะหาทางเข้าไป พวกเขาก็ต้องขุดทั่วทั้งปราสาท
หานเซิ่นเข้าออกจากปราสาทไปตามเส้นท่อโลหะที่เป็นเส้นทางไหลเข้าออกของน้ำ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทางเข้าหลักอยู่ที่ไหนเช่นกัน