เมื่อวิสัยทัศน์ของหานเซิ่นกลับคืนมา ดวงตาของเขาก็มองเห็นภาพที่ไม่น่าดู
กระดูกอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันก็กองรวมกันก่อตัวเป็นภูเขาเล็กๆ มันยากจิตนการได้ว่ามีชีวิตมากมายขนาดไหนที่สูญเสียไปที่นี่
ผืนดินนั้นเต็มไปด้วยกระดูกของสิ่งมีชีวิต ท้องฟ้าเป็นสีเลือด และฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าก็เป็นสีแดงเข้ม
แม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านภูเขา และน้ำของมันก็เป็นสีแดงเช่นกัน หานเซิ่นก้าวเข้ามาสู่โลกใหม่ที่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือด
หานเซิ่นกำลังยืนอยู่บนกองภูเขากระดูก เขามองเห็นว่าทั้งภูเขานั้นประกอบไปด้วยหัวกะโหลก ประตูโครงกระดูกนรกนั้นตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขา
ราชินีจิ้งจอกยืนอยู่ถัดไปจากหานเซิ่นขณะที่ยังคงมีโซ่ล่ามคอ แขนและขาของเธออยู่
“ที่นี่คือที่ไหน?” หานเซิ่นถามขณะที่มอแงไปรอบๆ
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นของจริง มันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดไหนต้องถูกฆ่าถึงจะก่อตัวเป็นดินแดนที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้
ราชินีจิ้งจอกตอบ “ราชาโกสต์โบนเป็นกัปตันของกองทัพเซเคร็ดบลัดของเซเคร็ด เขานำกองทัพเซเคร็ดบลัดไล่ฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างในเส้นทางของเขา และในขณะเดียวกันเขาก็ยึดครองดินแดนมากมายในนามของเซเคร็ด สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนตายด้วยมือของพวกเขา กระดูกพวกนี้คือสิ่งที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ถูกฆ่าตายโดยราชาโกสต์โบน”
“ทำไมกระดูกทั้งหมดถึงได้ถูกรวบรวมมาไว้ในนี้?” หานเซิ่นถาม
มันจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล ถ้าราชาโกสต์โบนใช้กระดูกของซีโน่เจเนอิคเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่การเอากระดูกทั้งหมดมาทิ้งเอาไว้ที่นี่ดูจะเป็นอะไรที่เสียของ
ราชินีจิ้งจอกลูบผมของเธอและยิ้ม “ราชาโกสต์โบนเป็นคนของเผ่าโบน ซึ่งที่นี่ก็คือไวท์โบนเฮลล์ถิ่นกำเนิดของเผ่าโบน เขาฝังศัตรูทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ก็เพื่อให้กำเนิดชาวโบนขึ้นมา แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่เขาวางแผนเอาไว้ เพราะมันมีไม่เผ่าโบนเกิดขึ้นมาในที่นี้ แต่…”
“แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม
ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นและถาม “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับขุนพลที่มีชื่อเสียงด้านการทำลายเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตัวเองไหม?”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
ราชินีจิ้งจอกมองภูเขากระดูกสีขาวด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน
“เผ่าพันธุ์โบนนั้นเป็นแบบนั้น เมื่อนานมาแล้วเผ่าโบนมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่การวิวัฒนาการของเผ่าโบนเป็นอะไรที่นองไปด้วยเลือด โกสต์โบนได้ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเขา และการทำแบบนั้นก็ทำให้เขาได้กลายเป็นราชาเผ่าโบนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ความแข็งแกร่งของเขาทำให้เผ่าพันธุ์ของเขาได้กลายเป็นมหาอำนาจ แต่มันก็ทำลายพวกเขาด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อทุกอย่างจบลงแล้วโกสต์โบนเป็นเผ่าโบนเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ ที่สุดแล้วความโดดเดี่ยวก็ทำให้เขาแสวงหาวิธีที่จะให้กำเนิดเผ่าโบนคนอื่นขึ้นมา แต่ความพยายามของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ และการกระทำของเขาก็เป็นผลประโยชน์ต่อศัตรูของเขาซะมากกว่า”
หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจ
หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็พูดต่อ “โกสต์โบนจำกัดขอบเขตของข้าเอาไว้ที่นี่ ข้าจึงไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากผ่านไปหลายล้านปีเขาก็ยังไม่กลับมา กระดูกในที่แห่งนี้ให้กำเนิดเผ่าโบนไม่ได้ พวกมันแค่ช่วยในการเติบโตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ”
ขณะที่พูดราชินีจิ้งจอกก็ชี้ออกไปในระยะไกล เมื่อหานเซิ่นหันไป เขาก็เห็นทิวเขาที่เรียงกันเหมือนกับดอกบัว
“ระหว่างภูเขากระดูกขาวพวกนี้มีสระโลหิตอยู่ สระนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่กินกระดูกเป็นอาหาร ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก และมันเป็นแค่ทายาทของไวเคานต์ที่ถูกหลงลืมไปนานแล้ว มันเป็นหนึ่งในซีโน่เจเนอิคไร้ชื่อที่ขุนพลโกสต์โบนฆ่าและนำมาทิ้งเอาไว้ที่นี่ แต่ทว่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นตั้งครรภ์อยู่ และทารกก็รอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่ในไวท์โบนเฮลล์ได้ แต่ทายาทของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกลับทำได้ ความจริงแล้วมันกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ” ขณะที่ราชินีจิ้งจอกพูดเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เธอก็ดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
เธอถอนหายใจออกมา “นี่ควรจะไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเหนือสิ่งอื่นใดมันรักความตาย ถ้ามันยังเติบโตต่อไป วันหนึ่งมันจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า และมันก็จะหาทางออกจากไวท์โบนเฮลล์ได้ในที่สุด ซึ่งเจ้าและข้าก็จะเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ถูกมันฆ่า”
“ท่านหลอกข้ามาที่นี่เพื่อให้ฆ่ามันอย่างนั้นหรอ?” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าเธอต้องการอะไร
ราชินีจิ้งจอกยิ้มให้กับหานเซิ่น “ถ้าเจ้าไม่อยากฆ่ามัน เจ้าก็ต้องอยู่ที่นี่กับข้าตลอดไป พวกเราจะรอจนกระทั่งมันกลายเป็นระดับเทพเจ้า และหลังจากนั้นมันก็จะฆ่าพวกเราทั้งคู่!”
หานเซิ่นจ้องมองเธออยู่สักครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด ท่านเป็นระดับเทพเจ้าไม่ใช่หรอ? ทำไมท่านไม่ไปฆ่ามันด้วยตัวเอง? ด้วยระดับพลังของท่าน นั่นควรจะเป็นงานง่ายๆ”
ราชินีจิ้งจอกกรอกตาและยกแขนของเธอขึ้นเพื่อเขย่าโซ่ที่ล่ามข้อมือของเธออยู่
“โกสต์โบนจับข้ามาขังเอาไว้ที่นี่เพื่อคอยเฝ้าดูไวท์โบนเฮลล์แทนเขา แต่เขาก็กังวลว่าข้าจะทำลายงานของเขา ดังนั้นเขาจึงได้จำกัดพลังของข้าเอาไว้ด้วยโซ่พวกนี้ มันจะทำงานเมื่อข้าเข้ามาในไวท์โบนเฮลล์ ทำให้ข้าทำลายไม่ได้แม้แต่กระดูกชิ้นหนึ่ง”
หลังจากที่พูดอย่างนั้น ราชินีจิ้งจอกก็หยิบหัวกะโหลกหนึ่งขึ้นมาจากพื้น เธอเกร็งแขนของเธอเพื่อจะบดขยี้หัวกะโหลก แต่เมื่อเธอทำแบบนั้นโซ่ที่ล่ามเธออยู่ก็ปลดปล่อยหมอกหนาสีดำออกมา หมอกนั้นเข้ามาจับตัวของเธฮเอาไว้ราวกับมือสีดำและยกเธอขึ้นในอากาศ
คอของราชินีจิ้งจอกดูใกล้จะหักเต็มที ร่างกายของเธอหย่อนอย่างหมดเรี่ยวแรง และหลังจากที่ผ่านไปสักพักหมอกสีดำก็หายไป เธอตกลงมาบนพื้นและไอออกมา
“อย่างที่เจ้าเห็น ข้าทำอะไรไม่ได้” ราชินีจิ้งจอกพูดหลังจากที่ลุกกลับขึ้นมา
“เจ้าและข้าติดอยู่ที่นี่ด้วยกัน ถ้าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นกลายเป็นระดับเทพ พวกเราก็จะหนีจากมันไม่ได้ การที่เจ้าฆ่ามันไม่ใช่แค่ช่วยเหลือข้า แต่มันจะช่วยตัวเจ้าเองด้วย”
หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ “ตอนนี้ความแข็งแกร่งของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นอยู่ระดับไหน?”
ราชินีจิ้งจอกดูเคร่งขรึม และนางบอกเขาว่า “ข้าได้มองหาความช่วยเหลือมาตลอดหลายปี แต่มันมีสิ่งมีชีวิตไม่มากนักที่จะเข้ามาที่นี่ ในตอนที่มันเป็นแค่ทารก บารอนคนไหนก็ฆ่ามันได้ แต่ตอนนี้น่ะหรอ? มันไปถึงระดับราชันเรียบร้อยแล้ว”
“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน…ท่านคิดว่าข้าที่เพิ่งกลายเป็นดยุกจะฆ่ามอนสเตอร์แบบนั้นได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“เจ้าต้องทำให้ได้! นอกซะจากเจ้าอยากจะตายไปพร้อมกับข้าจริงๆ”
ราชินีจิ้งจอกหัวเราะและตบไหล่ของเขา “แต่อย่าได้กังวลไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับข้าที่จะหาหนุ่มที่น่ารักอย่างเจ้า ข้าไม่ได้มีเจตนาจะให้เจ้าถูกฆ่าตาย นอกจากนั้นข้าก็จะหาทางช่วยเหลือเจ้า”