เมื่อหานเซิ่นไปถึงออฟฟิศของราชาอัศวินไอซ์บลู ราชาอัศวินและกุนซือไวท์ก็อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยความเอาจริงเอาจังอย่างน่าแปลก
“ราชาอัศวิน ท่านต้องการอะไรจากข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
ราชาอัศวินไอซ์บลูหลี่ตาขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“หนุ่มน้อย เจ้าไม่เลวเลย เจ้าเหมือนกับข้าในสมัยที่ยังหนุ่มๆ”
“ราชาอัศวิน นั่นหมายความว่าอะไร?” หานเซิ่นมองไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลูด้วยความสับสน
ราชาอัศวินไอซ์บลูส่งแบบฟอร์มให้หานเซิ่นเซ็นชื่อ
“องค์หญิงไป๋เวยต้องการเชิญเจ้าไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงพร้อมกับนาง และคำขอนั้นก็ได้รับการอนุมัติแล้ว ถ้าเจ้าเซ็นชื่อลงในนี้ เจ้าก็จะได้ร่วมทางไปกับองค์หญิงไป๋เวย”
หลังจากที่ส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางให้กับหานเซิ่น ราชาไอซ์ก็ยิ้มและพูดต่อ “เจ้าไม่เลวจริงๆ มันใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเพื่อดึงดูดความสนใจขององค์หญิงไป๋เวยที่ภาคภูมิในตัวเองได้ นางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์หาใครแทบได้ ขุนนางของเอ็กซ์ตรีมคิงมากมายอยากจะแต่งงานกับนาง แต่นางปฏิเสธคำขอของพวกเขาทุกคน ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ”
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าคิดว่าองค์หญิงไป๋เวยแค่ชื่นชมในพลังของข้าเท่านั้น” หานเซิ่นไม่เห็นด้วยกับคำบรรยายของราชาอัศวินไอซ์บลู
แต่ถึงอย่างนั้นไป๋เวยก็เป็นคนที่แข็งแกร่ง ร่างกายของเธอไม่ได้อ่อนแอไปกว่าของหานเซิ่น และเธอก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับมาร์ควิสในทุกๆด้าน แต่มันเป็นการพูดเกินจริงที่ว่าเธอเป็นผู้มีพรสวรรค์หาใครเทียบได้ ความแข็งแกร่งของไผ่เดียวดายไม่ได้ด้อยไปกว่าไป๋เวย และมันก็ไม่ใช่อะไรที่เกินเลยถ้าจะบอกว่าเขามีฝีมือเหนือกว่า
ดูเหมือนว่ากุนซือไวท์จะรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เขายิ้มและพูด
“เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่มันมีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับเอ็กซ์ตรีมคิง ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่ถูกยอมรับว่าเป็น 1 ใน 3 เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในตอนนี้องค์หญิงไป๋เวยเป็นชั้นบนสุดของระดับมาร์ควิส นางอาจจะไม่ได้เป็นมาร์ควิสที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แต่ถ้านางกลายเป็นระดับราชันและเปิดใช้งานร่างกายแห่งราชันได้ การฆ่าศัตรูระดับครึ่งเทพก็จะไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคนอย่างนาง แม้แต่คู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้านางก็อาจจะต่อกรได้”
“ร่างกายแห่งราชัน?” หานเซิ่นมองไปที่กุนซือไวท์ด้วยความตกใจ
“นั่นไม่ใช่ความลับอะไร ถึงแม้เอ็กซ์ตรีมคิงอาจจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดเหมือนอย่างแอนเชี่ยนท์ก็อต แต่พวกเรามีร่างกายแห่งราชัน ตราบใดที่พวกเรากลายเป็นระดับราชันได้สำเร็จ พวกเราก็จะเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันได้ พลังนั่นจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงจะพูดแบบนั้นมันก็จำเป็นต้องใช้พลังอย่างมากและมันก็ใช้ได้อย่างจำกัด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นอะไรที่ทรงพลัง แถมเมื่อพวกเรากลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว ร่างกายแห่งราชันก็จะมอบพลังเสริมให้กับพวกเรา นั่นจะทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าแข็งแกร่งกว่าระดับเทพเจ้าทั่วๆไป”
กุนซือไวท์หยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อ “องค์หญิงไป๋เวยมีร่างกายแห่งราชันที่ยอดเยี่ยมมากๆ นางคือหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในหมู่ของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้านางกลายเป็นระดับราชัน การจะต่อกรกับคู่ต่อสู้ระดับเทพเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“มันสุดยอดขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นประหลาดใจ กุนซือไวท์ดูเหมือนยินดีจะเปิดเผยในเรื่องนี้
ราชาอัศวินไอซ์บลูมองมาที่หานเซิ่นและพูด “มิสเตอร์ไวท์ได้พูดกับเจ้าไปมาก ดังนั้นเจ้าก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเรา”
“ข้าเข้าใจ ข้าจะออกห่างจากนาง” หานเซิ่นพยักหน้า
ด้วยพรสวรรค์ของไป๋เวย เธอถือเป็นคนสำคัญต่ออนาคตของเอ็กซ์ตรีมคิง และการแต่งงานของเธอก็เป็นเรื่องราวทางการเมืองที่ซับซ้อน
พวกเขาได้เตือนหานเซิ่น พวกเขาไม่ต้องการให้หานเซิ่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไป๋เวย
“เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากจนเกินไป พวกเราอาจจะพูดเกินเลยไป เจ้าแค่ทำตัวเป็นตัวเองและอย่าได้ขัดคำสั่งของนาง การเป็นองครักษ์ขององค์หญิงไป๋เวยถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เจ้าจะได้รับประโยชน์มากมายจากตำแหน่งนั้น” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม
“ข้ายังไม่อยากจากไปในตอนนี้ ได้โปรดให้ข้าอยู่ในระบบไอซ์บลูต่ออีกสักพักได้ไหม”
หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่จะเป็นองครักษ์ แถมเขายังคงไม่ค้นพบวิธีใช้แผ่นหินหรือความจริงของบางสิ่งที่อยู่ชายแดนของระบบไอซ์บลูที่ราชาไนท์ริเวอร์พูดถึง เขาไม่ต้องการจากไปในขณะที่มีหลายเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น
“นั่นเป็นไปไม่ได้ นี่คือคำสั่งโยกย้ายโดยตรงจากราชาไป๋ เจ้าและทีมของเจ้าต้องไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงร่วมกับองค์หญิงไป๋เวย” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด
“ไหนท่านบอกว่านางมาที่นี่เพราะถูกลงโทษ แบบนั้นทำไมนางถึงถูกเรียกกลับไปเร็วแบบนี้?” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆ
“หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับราชาไนท์ริเวอร์ ราชาไป๋ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ดังนั้นนางจึงถูกเรียกตัวกลับไปในทันที” กุนซือไวท์พูด
“กลับไปที่ห้องและเตรียมตัวให้พร้อม ในอีก 2 วัน ข้าจะคุ้มครองพวกเจ้าไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิง” หลังจากนั้นราชาอัศวินก็โบกมือบอกให้เขาไปได้
หานเซิ่นออกจากออฟฟิศของราชาอัศวินไอซ์บลู ขณะที่เขาเดินไปเขาคิดกับตัวเอง ‘นี่ราชาไป๋รู้ความจริงว่าเราเอารังของอันดายอิ้งเบิร์ดไปอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาเรียกตัวเราอย่างนั้นใช่ไหม?’
ผ่านมา 2 อาทิตย์ และไข่ของนกสีแดงตัวน้อยก็ยังคงเงียบสนิทภายในรังของอันดายอิ้งเบิร์ด หานเซิ่นลองวางไข่นกอื่นๆเข้ามา และภายใน 2 ชั่วโมงพวกมันก็ฟักตัวออกมา นั่นหมายความว่ารังนกยังคงมีพลังของมันอยู่ เขาแค่ไม่รู้ว่าทำไมไข่ของนกสีแดงตัวน้อยถึงได้ใช้เวลานานนัก
“หวังว่าเจ้านกสีแดงตัวน้อยจะฟักออกมาก่อนที่เราจะเดินทางไปถึงดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้ารังของอันดายอิ้งเบิร์ดถูกเอาไปโดยราชาไป๋ล่ะก็ เราก็จะไม่มีโอกาสอีก”
เมื่อกลับไปที่ห้อง หานเซิ่นก็อธิบายสถานการณ์กับหานเหยียนและพวกพ้องของเขา เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวไปที่ดาวบ้านเกิดของเอ็กซ์ตรีมคิงในอีกไม่กี่วัน
เมื่อเอ็ดเวิร์ดได้ยินข่าว มันก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว
“ถ้าหานเซิ่นไปที่ดาวบ้านเกิด พวกเราจะเสียโอกาสที่จะชิงสิ่งนั้นมา” ขณะที่อัศวินไอซ์บลูพูด สีหน้าของเขาก็ดูวิตก
“พวกเราจะปล่อยให้เขาไปที่ดาวบ้านเกิดไม่ได้ เขาจะต้องอยู่ที่นี่” เอ็ดเวิร์ดพูด
“พวกเราจะทำให้เขาอยู่ต่อได้ยังไง? หลังจากเหตุการณ์ของราชาไนท์ริเวอร์ อัศวินไอซ์บลูก็คงจะคุ้มครองหานเซิ่นไปที่ดาวบ้านเกิดด้วยตัวเอง พวกเราไม่มีโอกาสจะทำอะไรได้ เจ้าต้องการจะปะทะกับคนที่จงรักภักดีกับราชาอัศวินไอซ์บลูอย่างนั้นหรอ? พวกเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำแบบนั้น”
เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิด “หนทางเดียวก็คือร่วมมือกับราชาอัศวินไอซ์บลู”
“อะไรนะ?” อัศวินไอว์บลูลุกขึ้นจากเก้าอี้และจ้องไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เจ้าคิดจะบอกราชาอัศวินไอซ์บลูว่าหานเซิ่นเอาโบราณวัตถุไปอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่” เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า
“ไม่ ไม่มีทาง!” อัศวินไอซ์บลูตะโกน
“มันเป็นหนทางเดียวที่พวกเรามี” เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างเยือกเย็น
“แต่…” ก่อนที่อัศวินไอซ์บลูจะพูดจบ เอ็ดเวิร์ดก็พูดขัดขึ้นมา
“ไม่มีแต่ นี่เป็นหนทางเดียว” เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิดอีกครั้ง
“อย่าลืมว่าราชาอัศวินไอซ์บลูไม่รู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุนั่น”
อัศวินไอซ์บลูตกตะลึง เขานั่งลงและบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา
“เจ้าหมายความว่าพวกเราจะไปบอกกับราชาอัศวินไอซ์บลูว่าหานเซิ่นมีโบราณวัตถุอยู่ แต่พวกเราจะไม่บอกเขาว่ามันคืออะไรอย่างนั้นหรอ?”