Super God Gene – ตอนที่ 2225

หลังจากกลับไปที่ห้องแล้ว หานเซิ่นก็เรียกพวกพ้องของเขามาและบอกให้ทุกคนระวังตัว

 

“เอ็ดเวิร์ดน่ากลัวขนาดนั้นจริง ๆ อย่างนั้นหรอ? ถ้าเขาไม่กล้าเข้ามาที่นี่เพื่อขโมยมันกลับคืนไป อย่างนั้นแล้วพวกเราจะต้องกลัวอะไร?” จีชิงดูค่อนข้างสับสน

 

“ความจริงที่ว่าเขาไม่บุกมาขโมยมันกลับไปคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกจัดการ พวกเธอไม่ควรออกไปไหนตามลำพังเป็นอันขาด” หานเซิ่นพูดอย่างมีน้ำหนัก

 

วันต่อมา หานเซิ่นนำทีมของเขากลับไปที่หุบเขาลาวาเพื่อทำการค้นหาซีโน่เจเนอิคต่อ แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาไป๋เวยไปด้วย

 

โชคดีที่ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไรมาก ทั้งหมดที่เธอทำก็คือตามพวกเขาไปและทำตัวเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรแม้แต่น้อย

 

แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงดินแดนของหุบเขาลาวา ไป๋เวยก็ก้าวออกมาข้างหน้าหานเซิ่น

 

“จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นหัวหน้าของทีมนี้” ไป๋เวยพูดด้วยโทนเสียงออกคำสั่งกับหานเซิ่น

 

“ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย?” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าต้องการจะหัวเราะออกมา

 

“เจ้าควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับฐานะของข้า” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา

 

“ฐานะอะไร? ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นมือใหม่ที่สุดของทีม และนั่นทำให้เจ้าเป็นคนที่มีคุณสมบัติน้อยที่สุดที่จะเป็นผู้นำของพวกเรา”

หานเซิ่นหัวเราะใส่เธอและไม่ได้พูดอะไรที่บ่งบอกว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับเธอ

 

ในขณะที่แสแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ถึงฐานะของเธอ หานเซิ่นก็จะสามารถปฏิบัติกับเธอได้เหมือนกับมือใหม่คนหนึ่ง แต่ถ้าเขาแสดงตัวว่ารู้จักเธอล่ะก็ นั่นจะทำให้มันดูเหมือนกับว่าเขาแค่กำลังรังแกเธอ ซึ่งมันแตกต่างกัน

 

ไป๋เวยตกตะลึงกับการโต้แย้งของหานเซิ่น เธอมองไปที่เขาและพยักหน้า

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าในฐานะมือใหม่จะขอท้าเจ้า ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะกลายเป็นหัวหน้าของทีมนี้ หลังจากนั้นเจ้าและทีมของเจ้าก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังข้า”

 

“ไม่” หานเซิ่นปฏิเสธข้อเสนอของเธอ

 

“เจ้ากลัวอย่างนั้นหรอ?” ไป๋เวยมองตรงไปที่หานเซิ่น

 

“เจ้าคือคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม ส่วนข้าคือหัวหน้าทีม ข้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี่ ถ้าเจ้าต้องการจะท้าข้าล่ะก็ เจ้าก็ต้องเอาชนะพวกพ้องของข้าให้ได้ซะก่อน” หานเซิ่นชี้ไปที่หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆ

 

“เอางั้นก็ได้” ไป๋เวยตกลง แต่เธอไม่ชอบใจในสิ่งที่หานเซิ่นพูดนัก

 

“มือใหม่ก็คือมือใหม่” หานเซิ่นถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหานเมิ่งเอ๋อ

“เมิ่งเอ๋อ สอนมือใหม่คนนี้ให้รู้จักเคารพคนที่อยู่เหนือกว่าซะบ้าง แต่อย่าได้รุนแรงกับนางจนเกินไป พวกเราไม่ได้ต้องจะฆ่านาง”

 

เมื่อไป๋เวยได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เธอก็รู้สึกโกรธจัด แต่ภายนอกเธอแค่หัวเราะออกมา

“เจ้าไม่กล้าสู้กับข้าด้วยตัวเอง เจ้าจึงหันไปขอให้ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเจ้าเนี่ยนะ?”

 

“นี่คือลูกสาวของข้า ถ้าเจ้าชนะเมิ่งเอ๋อได้ ข้าก็จะยอมรับคำท้าของเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ

 

เมื่อหานเมิ่งเอ๋อได้ยินหานเซิ่น เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าและเดินไปตรงหน้าไป๋เวย

 

ไป๋เวยไม่ได้สนใจอะไรหานเมิ่งเอ๋อ และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหานเซิ่นเช่นกัน เธอคิดว่าหานเซิ่นยังแทบไม่มีพลังพอจะต่อกรกับเธอเลย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่มีอะไรต้องกังวลกับคู่ต่อสู้ที่เป็นเพียงแค่ลูกน้องของหานเซิ่น

 

แต่เมื่อหานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป เธอมองตรงไปที่หานเมิ่งเอ๋อโดยที่ไม่ประมาทคู่ต่อสู้อีกต่อไป

 

ถึงไป๋เวยจะอวดดี แต่เธอไม่ได้โง่ ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ชาญฉลาดมากๆ และทันทีที่หานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู เธอก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นเธอจึงรีบรวบรวมพลังมาไว้ในหมัด

 

หานเมิ่งเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรปฏิกิริยาของไป๋เวย เธอเพียงแค่ดึงสายธนูและเมื่อเธอปล่อยนิ้ว ลูกธนูก็บินเข้าหาใบหน้าของไป๋เวยอย่างรวดเร็ว

 

ไป๋เวยชกหมัดเข้าใส่ลูกธนูสีดำอย่างเยือกเย็น มันคือหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอล มันเป็นหนึ่งใน 5 วิชาหมัดที่สุดยอดที่สุดในจักรวาลจีโน เธอสามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายถ้าเธอชกใส่มัน

 

แต่ในตอนที่ลูกธนูกำลังจะปะทะกับหมัดของไป๋เวยนั้น จู่ๆลูกธนูก็หายไปจากสายตาของไป๋เวย และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็พุ่งเข้าไปที่หน้าท้องของเธอ ใบหน้าของไป๋เวยยังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อร่างกายของเธอถอยไปด้านหลัง หมัดของเธอก็ถูกดึงกลับและชกใส่ลูกธนูอีกครั้ง การเคลื่อนไหวทั้งหมดดูลื่นไหลมากๆ และมันก็ไม่มีการลังเลหรือการกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ตูม!

 

ดวงอาทิตย์สีดำฉายแสงขึ้นจากจุดที่เธอยืนอยู่ และไป๋เวยก็เป็นฝ่ายที่กระเด็นออกไป ชุดเกราะของเธอถูกทำลายและเส้นผมของเธอบางส่วนก็ถูกเผาจนไหม้ มีเพียงแค่ผมภายใต้หมวกของเธอเท่านั้นที่รอดจากการเผาไหม้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เธอก็คงหัวโล้นไปแล้ว

 

สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นก็มีดวงไฟสีทองเข้าห่อหุ้มทั้งร่างกายของเธอและหยุดยั้งแรงระเบิด แต่ถึงอย่างนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากริมฝีปากของเธอ และนั่นหมายความว่าเธอได้รับบาดเจ็บ

 

ไป๋เวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกธนูที่ถูกยิงโดยใครบางคนจากทีมสำรองจะทรงพลังถึงขนาดนี้ ซึ่งแม้แต่หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลก็ไม่ทรงพลังเท่ากับลูกธนูนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นความจริง และไป๋เวยก็สูญเสียความได้เปรียบของเธอไป หลังจากนั้นหานเมิ่งเอ๋อก็ดึงสายธนูซ้ำๆขณะที่ลูกธนูพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า

 

ไป๋เวยถูกลูกธนูไล่ต้อนและมันก็ไม่มีโอกาสที่เธอจะเข้าไปใกล้หานเมิ่งเอ๋อได้ วิชาจีโนของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของไป๋เวยก็ยังอ่อนแอกว่าลูกธนูเดสทรอยเยอร์ไบเบิลที่อัดแน่นด้วยพลังของวิชาเบรกซิกซ์สกายของหานเมิ่งเอ๋อ

 

ลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อไล่ต้อนไป๋เวยให้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่ไป๋เวยก็ยังไม่แพ้ เธอแข็งแกร่งมากๆและมาร์ควิสน้อยคนนักที่จะสามารถเอาชนะเธอได้

 

“พอได้แล้ว” หานเซิ่นบอกให้หานเมิ่งเอ๋อหยุดมือ

 

“มันยังไม่มีผู้ชนะ!” ไป๋เวยจ้องไปที่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “เจ้าแพ้! เจ้าบังคับให้ตัวเองใช้วิชาจีโนที่จ่ายพลังมากกว่าที่เมิ่งเอ๋อใช้เป็นสิบๆเท่า ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้ นี่เป็นการแข่งขันจำได้ไหม? นี่มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องดำเนินมันต่อไป”

 

ไป๋เวยไม่สามารถพูดอะไรตอบกลับไปได้ เพราะสิ่งที่หานเซิ่นพูดเป็นความจริงที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้

 

“ถ้าเจ้าเอาชนะลูกสาวของข้าไม่ได้ เจ้าก็ควรจะตั้งใจฝึกฝนอีกสัก 2-3 ปี แบบนั้นบางทีข้าอาจจะมอบโอกาสให้เจ้าท้าสู้กับข้า” หานเซิ่นพูดอย่างชัดเจนโดยไม่ปิดบังอะไร

 

หานเซิ่นจงใจกำราบไป๋เวยซะตอนนี้ เพื่อที่เขาจะได้คงความเป็นผู้นำของกลุ่มเอาไว้ เพราะถ้าไป๋เวยเป็นคนนำล่ะก็ หานเซิ่นก็จะไม่สามารถออกล่าวิญญาณอสูรอย่างที่ต้องการได้

 

“สักวันหนึ่ง! ข้าจะเอาชนะทั้งเจ้าและนาง” ไป๋เวยพูดอย่างเยือกเย็น แต่เธอไม่ได้ยืนกรานที่จะเป็นหัวหน้าทีมอีกต่อไป

 

มันเห็นได้ชัดว่าไป๋เวยไม่ได้เป็นคนที่เยือกเย็นอย่างที่แสดงออกมา เธอมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหญิงสาวที่ดูเยือกเย็นคนนั้นจะเป็นลูกสาวของหานเซิ่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset