Super God Gene – ตอนที่ 2170

“ราชินีแห่งมีดให้หานเซิ่นขึ้นไปเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น นั่นเห็นได้ชัดว่ามันจะช่วยให้เขาได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ” เสียงของราชาไนท์ริเวอร์ดังสนั่นห้องประชุมฟูลมูน

 

“ราชินีแห่งมีดเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น นางถูกเรียกให้ไปที่เอ็กซ์ตรีมคิง อย่างนั้นแล้วมันก็สมเหตุสมผลที่ศิษย์ของนางจะต้องทำหน้าที่แทน” ราชาแบล็คมูนตอบด้วยเสียงที่ดังทัดเทียมกัน

 

“มีเพียงแค่รีเบทที่เก่งกาจที่สุดเท่านั้น ถึงจะได้รับหน้าที่ของผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น ถ้าราชินีแห่งมีดทำหน้าที่ต่อไปไม่ได้อีก ราชันอีกคนก็ควรถูกเลือกขึ้นมาแทน การที่ให้มาร์ควิสคนหนึ่งขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม”

ราชาไนท์ริเวอร์หันไปมองราชากงล้อจันทราและพูด “ราชากงล้อจันทรา เจ้าเองก็คิดว่าพวกเราควรจะเลือกราชันคนหนึ่งมาแทนที่หานเซิ่นใช่ไหม?”

 

ราชากงล้อจันทราพูดขึ้นมา “ในตอนนี้ราชินีแห่งมีดยังคงรับหน้าที่ผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นอยู่ มันจะเป็นอะไรที่ไม่สมควร ถ้าพวกเราไปแทรกแซงการตัดสินใจของนาง”

 

“ทำไมมันถึงไม่สมควร? ผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นควรจะเป็นระดับราชัน หานเซิ่นยังเป็นแค่มาร์ควิสเท่านั้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นล่ะ? เพื่อปกป้องอนาคตของทั้งเผ่าพันธุ์ คนที่ระดับต่ำกว่าราชันไม่ควรได้รับหน้าที่นั้น” ราชาไนท์ริเวอร์พูด

 

“นั่นก็ฟังดูสมเหตุสมผล” ราชาชาโดว์พูด

 

ราชาฟลาวเวอร์ไม่มีความเห็นอะไร

 

ราชาแบล็คมูนหัวเราะขึ้นมา “ราชาไนท์ริเวอร์ เจ้าจะไม่รีบร้อนเกินไปอย่างนั้นหรอ หานเซิ่นแค่รับหน้าที่แทนราชินีแห่งมีดชั่วคราวเท่านั้น ถ้าเจ้าด่วนใจร้อนไปเปลี่ยนแปลงมัน ในตอนที่นางกลับมา เจ้าจะอธิบายกับนางอย่างไง”

 

“ข้าคือราชาไนท์ริเวอร์ ข้าไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ข้าแค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้เผ่ารีเบทเท่านั้น ถึงแม้ราชินีจะมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ ข้าก็จะคัดค้านในเรื่องนี้อยู่ดี” ราชาไนท์ริเวอร์พูด

 

“จริงๆอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่คัดค้านในตอนที่นางเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกล่ะ?”

ราชาแบล็คมูนพูดด้วยรอยยิ้ม “หรือเจ้าคิดจริงๆว่านางจะไม่มีวันกลับมาจากระบบเคโอติกน่ะ? นั่นคือเหตุผลที่ตอนนี้เจ้ากล้าพูดขึ้นมาใช่ไหม? อย่าลืมไปว่ามันมีโอกาสที่นางจะไม่ตาย และถ้านางกลับมา นางจะกลับมาในฐานะเทพเจ้า ถ้าเกิดนางกลับมาและเห็นว่าศิษย์ของนางถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมล่ะก็ เจ้าก็รู้ว่าสินะว่าด้วยนิสัยของนางแล้ว นางจะทำอะไร”

 

“ข้าก็แค่เป็นห่วงเผ่าพันธุ์รีเบทเท่านั้น” ราชาไนท์ริเวอร์ยังคงโต้เถียง แต่ตอนนี้เสียงของเขาฟังดูอ่อนลงมาก

 

“ถ้าราชินีแห่งมีดเลือกให้หานเซิ่นทำหน้าที่แทนนาง อย่างน้อยๆพวกเราก็ควรให้เขาลองดูก่อน ถ้าเขาทำงานได้ไม่ดี ถึงตอนนั้นค่อยเปลี่ยนก็ได้? แบบนั้นพวกเจ้าคิดว่ายังไง?” ราชากงล้อจันทรามองไปที่ราชาฟลาวเวอร์และคนอื่นๆ

 

ราชาฟลาวเวอร์ยิ้มและพูด “ข้าไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ แต่ถ้าหานเซิ่นล้มเหลวในฐานะผู้พิทักษ์ มันก็จะไม่ใช่ความผิดของข้า”

 

“ข้าเห็นด้วย” ราชาชาโดว์พูด

 

ราชาแบล็คมูนก็ไม่คัดค้านเช่นเดียวกัน

 

สีหน้าของราชาไนท์ริเวอร์นั้นดูมัวหมอง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร

 

2 วันหลังจากที่อี๋ซาจากไป หานเซิ่นก็มาที่ดาวเบลด ดยุกวิหคหิมะเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างในช่วงที่อี๋ซาไม่อยู่ และเธอก็ถูกสั่งให้คอยช่วยเหลือเขา

 

เมื่อหานเซิ่นได้เห็นดยุกวิหคหิมะ เขาก็รู้สึกตกใจ เพราะดยุกวิหคหิมะดูเหมือนกับดยุกวิหคน้ำแข็งไม่มีผิด แม้แต่ใบหน้าของพวกเธอก็ดูเย็นชาเหมือนกัน

 

ดยุกวิหคน้ำแข็งยังคงถูกขังอยู่ในสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์ ที่ที่หานเซิ่นยังขังเธอเอาไว้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับของสถานล้างบาปแห่งสรวงสวรรค์และตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกแพร่งพรายออกไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขังเธอเอาไว้ในนั้น

 

ตอนนี้เมื่อดยุกวิหคหิมะมายืนอยู่ต่อหน้า มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ

 

ดยุกวิหคหิมะเป็นคนที่ความรู้สึกไวต่อเรื่องแบบนี้ และเธอก็สังเกตเห็นถึงความลำบากใจของหานเซิ่น แต่เธอเข้าใจผิดถึงสิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจ

 

“หยุดสงสัย ดยุกวิหคน้ำแข็งคือน้องสาวของข้า”

 

“อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะพวกเจ้าถึงได้ดูคล้ายคลึงกันขนาดนี้”

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ถามต่อ “แต่ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย?”

 

“ก่อนที่ราชินีแห่งมีดจะรับเจ้ามาเป็นลูกศิษย์ ข้าได้ถูกส่งไปทำงาน ข้าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน แน่นอนว่าพวกเราไม่เคยเจอกัน”

ดยุกวิหคหิมะดูเหมือนไม่อยากจะพูดกับหานเซิ่นไปมากกว่านี้ “ตามข้ามา ท่านราชินีบอกให้ข้าพาเจ้าไปที่ตำหนักเย็น”

 

หานเซิ่นสังเกตเห็นความห้วนๆของเธอ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ตามดยุกวิหคหิมะไปจนถึงประตูหลังปราสาท

 

“ตำหนักเย็นไม่ได้อยู่ในปราสาทงั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“ไม่” ดยุกวิหคหิมะตอบอย่างไร้อารมณ์

 

หานเซิ่นถามเพื่อจะชวนเธอคุย แต่เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา เขาตามหลังดยุกวิหคหิมะไปจนถึงภูเขาที่อยู่หลังปราสาท

 

ในขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยว่าตำหนักเย็นอยู่ที่ไหนกันแน่ ดยุกวิหคหิมะก็มาหยุดอยู่ที่ตีนเขา

 

“นั่นคือที่ที่เจ้าจำเป็นต้องเข้าไป ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ ดังนั้นการนำทางของข้าจึงจบเพียงแค่นี้”

ดยุกวิหคหิมะชี้ไปยังน้ำตกบนภูเขาที่ใกล้ๆมีบ้านตั้งอยู่ มันดูจะถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนหิน แต่มันเล็กจนน่าประหลาดใจ

 

เมื่อมองดูประตูหินแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าหานเซิ่นต้องโค้งตัวครึ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้หัวไปโขกกับคานประตู

 

บ้านหินเก่าๆนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสน “นั่นน่ะหรอตำหนักเย็น?”

 

หานเซิ่นคิดว่ากระท่อมน้อยๆนี้ไม่มีทางเป็นตำหนักเย็นไปได้ แต่ป้ายเหนือบานประตูอ่านได้ว่าตำหนักเย็น

 

“ท่านราชินีสั่งให้เจ้ามาที่นี่ทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือนเพื่อปกป้องทางเข้าของตำหนักเย็น เจ้าจะต้องปกป้องมันตลอด 24 ชั่วโมง และนอกจากเวลานั้นแล้วเจ้าจะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามล้าช้าเมื่อถึงเวลาที่ต้องปกป้องที่นี่เป็นอันขาด” หลังจากนั้นดยุกวิหคหิมะก็หันหลังและเดินจากไป

 

หานเซิ่นไม่มีทางเลือก นอกจากปีนขึ้นน้ำตกไปตามลำพัง น้ำตกนั้นดูงดงามและกว้างมากๆ มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทั้งกาแล็กซี่ตกลงมาจากอวกาศด้านบน เสียงของน้ำดังลั่นจนหูอึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ปกคลุมด้วยกลิ่นหอมของทุ้งหญ้า

 

แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้กับบ้านหิน เขาก็สังเกตได้ว่าอุณหภูมิต่ำลงอย่างมาก มันไม่ได้มีผลกระทบต่อเขา แต่มันก็เป็นอะไรที่เหมาะสมกับชื่อตำหนักเย็น

 

หานเซิ่นมองไปที่บ้านหิน แต่เขาไม่ได้เห็นอะไรที่ผิดปกติ นอกจากอุณหภูมิที่ต่ำแล้ว มันก็ดูเหมือนกับบ้านธรรมดาๆ มันดูเก่าเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ แต่นอกจากนั้นแล้วมันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ

 

“ทำไมบ้านหินถึงได้ถูกสร้างขึ้นที่นี่โดยไม่มีแม้แต่รั้วกั้น? และอะไรกันแน่ที่อยู่ภายใน?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัย

 

แต่วันนี้ไม่ใช่ทั้งวันที่ 1 หรือวันที่ 15 ของเดือน ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะอยู่ที่นี่ เขามองกลับไปในเส้นทางที่เข้ามาเพื่อจดจำมัน หลังจากนั้นเขาก็เตรียมที่จะออกไปจากที่นั่น

 

แต่ในตอนที่เขากำลังจะเดินลงจากภูเขานั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัว ร่างกายของเขาตื่นตัวขึ้นมาขณะที่มองลงไปที่ตีนเขา

 

มีใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ขณะที่มันดูเหมือนว่าเขากำลังเดินอย่างเอื่อยเฉื่อย พลังที่เขาแบกอยู่นั้นเป็นเหมือนกับคลื่นสึนามี ทุกก้าวของเขารู้สึกน่าเกรงขาม

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset