Super God Gene – ตอนที่ 2140

การต่อสู้ของดอลลาร์ถูกแสดงไปทั่วทั้งจักรวาล และตอนนี้ภาพของร่างกายสีทองอร่ามก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างไปจากเดิม เขาขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งของระดับมาร์ควิสและพิสูจน์ว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด

 

วิดีโอหยุดในจังหวะที่ดอลลาร์และไผ่เดียวดายกำลังปะทะกันด้วยดัชนีของพวกเขา หลังจากนั้นต่อหน้าทุกคน วิดีโอก็แตกสลายและตัดภาพไปที่ร่างกายที่ถูกซูมเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งร่างกายนั้นเป็นสิ่งเดียวในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน

 

สิบนาทีหลังจากนั้นร่างกายสีทองก็หายลับไป และชื่อของดอลลาร์ก็ปรากฏในจุดสูงสุดของตารางจัดอันดับ

 

มาร์ควิสอันดับที่หนึ่ง : ดอลลาร์ เผ่ามนุษย์

 

จากทุกระดับ การต่อสู้รอบสุดท้ายของระดับมาร์ควิสยาวนานที่สุด ด้วยเหตุนั้นอันดับอื่นจึงถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ได้รับอันดับที่หนึ่งในระดับมาร์ควิสนั้นก็คือเสี่ยวฮวา นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นเสี่ยวฮวา

 

ไผ่เดียวดายพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ข้างริมลำธารแห่งหนึ่ง เด็กสาวกำลังจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน

 

“เจ้าเป็นใครกัน?” ไผ่เดียวดายถามเด็กผู้หญิง

 

“ข้าคือดอกไม้” เด็กผู้หญิงตอบ

 

“ดอกไม้อะไร?” ไผ่เดียวดายถาม

 

“ผีเสื้อจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีดอกไม้ ซึ่งข้าคือดอกไม้นั้น” เด็กผู้หญิงตอบ

 

ไผ่เดียวดายพยักหน้า และดูเหมือนเขาจะเข้าใจ เขามองไปที่เด็กผู้หญิงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจากไป

 

“ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าข้า? เจ้าควรจะเกลียดชังข้าไม่ใช่หรอ?” เด็กผู้หญิงถามไผ่เดียวดายขณะที่อยู่ภายใต้เงาของเขา

 

“ตั้งแต่ที่เด็กสาวคนหนึ่งจากข้าไป ข้าก็สาบานเอาไว้ว่าจะไม่หลั่งเลือดของเด็กผู้หญิงอีก” ไผ่เดียวดายพูดอย่างเย็นชาและเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมอง

 

“ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้าซะตอนนี้ ข้าจะเป็นคนที่ฆ่าเจ้า” มือของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็พุ่งเข้าไปหาไผ่เดียวดายจากด้านหลัง

 

ปัง!

 

เมื่อหมัดของเธอสัมผัสกับแผ่นหลังของไผ่เดียวดาย และมันก็ทิ้งรอยกำปั้นสีแดงเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นไผ่เดียวดายก็ทำเหมือนกับว่าไม่สังเกตเห็นสิ่งที่เธอทำ

 

นั่นทำให้เด็กสาวโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอตะโกนใส่ไผ่เดียวดาย

“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามันโง่เขลาที่ไม่ฆ่าข้าซะตอนนี้? สักวันหนึ่งข้าจะล้างแค้นให้กับเนตรมาร เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้!”

 

“สิ่งเดียวที่ทำให้ข้าเสียใจก็คือเวลาที่ข้าไม่ใช่ตัวของตัวเอง”

ไผ่เดียวดายโบกมือราวกับว่าเขากำลังบอกลา “ถ้าการล้างแค้นข้าคือสิ่งที่เจ้าแสวงหา ข้าก็ขอแนะนำจากใจจริงให้เจ้าฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ยังมีโอกาสที่จะได้ชำระแค้น”

 

เด็กผู้หญิงจ้องมองแผ่นหลังของไผ่เดียวดายจนกระทั่งเขาหายไปจากสายตา

 

หลังจากที่การต่อสู้ภายในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนจบลง หานเซิ่นก็เดินทางกลับไปที่ปราสาทนภา

 

ผู้นำปราสาทนภาดีใจที่เห็นหานเซิ่นกลับมาอย่างปลอดภัย และในระหว่างการพบกัน หานเซิ่นก็ใช้โอกาสนั้นเพื่อถามเกี่ยวกับเซเคร็ด

 

“ท่านผู้นำ ข้าได้ยินมาว่าผีเสื้อเนตรม่วงมาจากเซเคร็ด ท่านจะช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเซเคร็ดหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าเขาถามเรื่องนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เขาไม่ต้องการเสี่ยงให้ผู้นำปราสาทนภาอ่านความคิดที่แท้จริงของเขาได้

 

ผู้นำปราสาทนภาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา

“ครั้งหนึ่งเซเคร็ดเคยยิ่งใหญ่ในจักรวาลแห่งนี้ พวกเขาครองอันดับสูงที่สุดภายในจีโนฮอลล์ แต่พวกเขาล่มสลายมาเป็นเวลายาวนานแล้ว ทำให้มันไม่ค่อนมีข้อมูลเกี่ยวกับเซเคร็ดมากนัก แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยว่าขุนพลของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่”

 

“ขุนพลทั้งสิบของเซเคร็ดเป็นเทพเจ้ากันหมดเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

 

“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นเทพเจ้า และมันก็ไม่ใช่แค่พวกเขาสิบคนเท่านั้นที่เป็นเทพเจ้า แต่ขุนพลทั้งสิบคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา” ผู้นำของปราสาทนภาพูด

 

หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนี้ “ถ้าพวกเขายิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมพวกเขาถึงได้ล่มสลาย? ใครกันที่ทำแบบนั้นกับพวกเขา?”

 

“ไม่มีใครรู้ คำตอบเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสมากมายกำลังตามหาเช่นกัน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักแค่ไหน พวกเขาก็หาคำอธิบายไม่ได้ ถ้าพวกเขาได้รู้ความจริง บางทีมันก็คงจะไม่เป็นระบบที่รกร้างว่างเปล่าแบบนั้น” ผู้นำปราสาทนภาถอนหายใจออกมา

 

“เซเคร็ดอยู่ในระบบที่รกร้าง?” หานเซิ่นแปลกใจ

 

“ระบบที่รกร้างทั้งหมดคือดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเซเคร็ด”

ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับพยักหน้า “ไวเคานต์ที่ได้รับอันดับหนึ่งนั้นอาจจะเป็นทายาทของเซเคร็ดอย่างแท้จริง ถ้าเจ้ามีโอกาสได้เจอกับเขาล่ะก็ ระวังตัวให้ดี ถึงเขาอาจจะยังไม่ใช่มาร์ควิส แต่พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขามีคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่อีกเท่าไหร่ พวกเราทุกคนจึงต้องระมัดระวังให้ดี”

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็กลับไปที่เกาะของตัวเองและเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

‘ระบบที่รกร้างเคยเป็นของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าเสี่ยวฮวาต้องอยู่ที่นั่น ทางเข้าสู่ก็อตแซงชัวรี่ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน แมวเก้าชีวิตเกี่ยวข้องกับเซเคร็ด นอกจากนั้นเขายังเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ นั่นหมายความว่าเซเคร็ดมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ แต่เขาไม่สามารถหาข้อสรุปอะไรได้

 

เบาะแสอย่างเดียวที่เขามีตอนนี้ก็คือตำแหน่งที่ตั้งของเซเคร็ด แต่การจะเข้าไปในนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขายังไม่ถึงระดับเทพเจ้า

 

ทางเข้าก็อตแซงชัวรี่อยู่ที่ไหนสักแห่งในระบบรกร้าง ดังนั้นหานเซิ่นจึงพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนก็พูดเหมือนๆกันว่าถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็อย่าได้คิดเข้าไปในนั้น แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็อาจจะพบกับความตายถ้าเข้าไปในที่แบบนั้น

 

ถ้าดินแดนแห่งนั้นไม่ได้น่าสะพรึงกลัว คริสตัลไลเซอร์ก็คงจะออกมาที่จักรวาลจีโนได้เป็นเวลานานแล้ว และพวกเขาก็คงจะไม่ตายหลังที่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ แม้แต่หานเซิ่นเองก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะสร้างเส้นทางออกจากก็อตแซงชัวรี่ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเสี่ยวฮวาจะอยู่ในดินแดนที่อันตรายแบบนั้น

 

‘ใครสน! ถึงมันจะอยู่ในระบบที่รกร้างแล้วยังไง? ไม่มีใครหยุดฉันจากการตามหาลูกชายได้!’ หานเซิ่นคิดขณะที่เดินทางไปที่สถานหยกขาว

 

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเป็นราชันให้ได้ซะก่อนเป็นอย่างน้อย ถึงจะคิดเกี่ยวกับการไปยังดินแดนแห่งนั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้สำหรับเขาก็คือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

 

เมื่อไปถึงสถานหยกขาว หานเซิ่นก็เข้าไปในหอคอยที่ 2 และขึ้นไปยังชั้นที่ 7 ซึ่งเขาได้พบกับไผ่เดียวดายที่นั่น เขายิ้มออกมาและพูด

“น่าเสียดายที่เจ้าเอาอันดับหนึ่งมาไม่ได้”

 

ไผ่เดียวดายตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “มันน่าเสียดาย แต่มันก็ผลักดันให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป”

 

“เจ้าน่าเบื่อไปแล้ว เจ้าให้สัญญาที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นหน่อยได้ไหม? อย่างเช่นบอกว่าเจ้าจะเอาชนะดอลลาร์ให้ได้” หานเซิ่นยิ้ม

 

“ข้าคิดว่าการเอาชนะเจ้าให้ได้ก่อนอาจจะมีประโยชน์ต่อเรื่องนั้น หลังจากที่สถานหยกขาวปิดตัวลงแล้ว สนใจมาประลองกับข้าไหม?” ไผ่เดียวดายมองมาที่หานเซิ่น

 

“ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างต้องไปทำ บางทีครั้งหน้า?”

หานเซิ่นไม่สนใจจะต่อสู้กับไผ่เดียวดายในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมีแสงเทพเนตรม่วง ซึ่งถ้าไม่ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มันก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะไผ่เดียวดายได้

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset