Super God Gene – ตอนที่ 2072

คลาวด์บีสต์สีแดงจอมอวดดี

ไผ่เดียวดายไล่ตามคลาวด์บีสต์สีแดงไปและฟันใส่มันอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่คลาวด์บีสต์สีแดงก็ยังคงหลบดาบของไผ่เดียวดายได้ทุกครั้ง

 

“ข้าจะช่วยด้วย!” หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดใส่คลาวด์บีสต์และเรียกปีกออกมาบนหูเพื่อเพิ่มความเร็ว

 

แต่คลาวด์บีสต์สีแดงก็ยังคงเร็วกว่าหานเซิ่น เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็ประเมินความเร็วของมันและฟันไปข้างหน้าแทน มันไม่สำคัญว่าคลาวด์บีสต์สีแดงจะรวดเร็วสักแค่ไหน ถ้าการโจมตีของเขาสามารถไปดักเส้นทางการเคลื่อนไหวของมันได้

 

แต่แทนที่จะเดินหน้าไปด้วยความเร็วเท่าเดิม คลาวด์บีสต์กลับชะลอความเร็วลง ทำให้การโจมตีของหานเซิ่นพลาดเป้าไป

 

“เจ้าตัวน้อยนี่เหลี่ยมจัดจริงๆ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว แต่เขายังคงกวัดแกว่งมีดต่อไป

 

ไผ่เดียวดายและหานเซิ่นยังจู่โจมไม่ถูกตัวคลาวด์บีสต์สีแดงเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นคลาวด์บีสต์ก็ไม่สามารถหนีไปได้ เพราะมันถูกบังคับให้หลบหลีกการโจมตีของพวกเขา

 

“ตอนนี้แหละ!” หานเซิ่นคำนวณถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตอย่างกับคนบ้า เขาสร้างตาข่ายด้วยมีดเส้นไหมเพื่อขังมันเอาไว้

 

แต่คลาวด์บีสต์สีแดงไม่หยุดเคลื่อนไหว ความเร็วของมันเหมือนกับการเทเลพอร์ต มีดเส้นไหมของเขาไม่สามารถสัมผัสตัวของมันได้

 

เมื่อเห็นคลาวด์บีสต์เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นก็ได้รู้ถึงอะไรบางอย่าง คลาวด์บีสต์ตัวนี้ไม่ได้ใช้การระเบิดความเร็วเพื่อพยายามจะหนี แต่คลาวด์บีสต์ตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลที่คลาวด์บีสต์ตัวนี้ไม่หวาดกลัวที่จะเข้ามาใกล้พวกเขา

 

คลาวด์บีสต์เคลื่อนไหวไปมาราวกับจรวดที่ทิ้งหมอกควันสีแดงเอาไว้เบื้องหลัง ไม่นานมันก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าคลาวด์บีสต์นั้นใช้ควันสีแดงเพื่อเขียนคำว่าโง่

 

“ว้าว เจ้าตัวนี้มันมีสติปัญญาด้วยหรอเนี่ย” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ

 

“มันเป็นแค่มาร์ควิสตัวหนึ่ง แต่ก่อนที่ชาวนภาจะมาอยู่ที่นี่ มันก็อาศัยอยู่บนยอดเมฆสายรุ้งเรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่เวลาผ่านมาอย่างยาวนาน สติปัญญาและพลังของมันก็ได้ก้าวข้ามคลาวด์บีสต์ตัวอื่นๆ แต่มาร์ควิสเป็นระดับสูงสุดแล้วที่มันจะวิวัฒนาการไปถึงได้ ถ้าไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ซึ่งถ้ามันทำได้ล่ะก็ มันก็จะแข็งแกร่งกว่านี้มาก” ไผ่เดียวดายพูด

 

“อย่าได้กังวล เมื่อพวกเราจับมันได้แล้ว พวกเราจะพามันไปเดินเล่นและเพิ่มระดับของมันขึ้น” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่คลาวด์บีสต์สีแดง

 

คลาวด์บีสต์พุ่งไปในท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง และหมอกควันสีแดงที่มันปล่อยออกมาก็สะกดเป็นคำว่าโง่เง่าขึ้นมา หลังจากนั้นร่างเมฆสีแดงก็ก่อตัวเป็นอีโมจิราวกับว่ามันกำลังมองดูพวกเขาด้วยความดูถูก

 

หลังจากนั้นร่างเมฆสีแดงก็เริ่มบิดเบี้ยวและก่อตัวเป็นมือสีแดงที่ยกนิ้วกลางให้กับหานเซิ่น

 

“ไอ้เวรนี่มันจะมากเกินไปแล้ว!” หานเซิ่นเรียกปีกมังกรออกมาด้านหลังและบินเข้าไปหาคลาวด์บีสต์ตัวนั้นด้วยความเร็วสูง

 

ขณะที่คลาวด์บีสต์เร่งความเร็วขึ้นเพื่อหลบหลีกมีดลมปราณ หานเซิ่นก็กระพือปีกและไปปรากฏตัวเหนือหัวเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ฟันลงมาขณะที่พูด “ไอ้บ้า ไหนลองอวดดีอีกครั้งสิ”

 

เจ้าคลาวด์บีสต์หลบได้อย่างเฉียวฉิว มีดของหานเซิ่นอยู่ห่างจากหัวของคลาวด์บีสต์เพียงแค่เส้นผมเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเจ้าคลาวด์บีสต์ก็เร่งความเร็งและทิ้งระยะห่างจากพวกเขาไปได้อีกครั้ง

 

หานเซิ่นมองดูคลาวด์บีสต์ตัวนั้นวิ่งหนีไป หลังจากนั้นร่างก้อนเมฆของมันก็บิดเบือนเป็นอีโมจิสีหน้ายิ้มเยาะใส่เขา

 

หานเซิ่นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายขณะที่กวัดแกว่งมีดขนนกโลหิต มีดเส้นไหมที่มองไม่เห็นพันเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นตาข่าย

 

เมื่อคลาวด์บีสต์ถูกมีดเส้นไหมของหานเซิ่น เมฆรอบๆตัวของมันก็ถูกตัดขาดราวกับเป็นเต้าหู้ แต่หานเซิ่นควบคุมมีดเส้นไหมเป็นอย่างดี เพราะเขาไม่มีแผนที่จะฆ่ามัน

 

“ตอนนี้แกยังจะกล้าอวดดีอีกไหม?” หานเซิ่นตะโกนใส่คลาวด์บีสต์สีแดง

 

แต่ทันใดนั้นเจ้าคลาวด์บีสต์ก็เร่งความเร็วขึ้นอีกและพุ่งผ่านมีดเส้นไหมของหานเซิ่นไป ขณะที่ตัวถูกตัดเป็นชิ้นๆด้วยมีดเส้นไหมบางๆ

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาแค่ต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้กับมันเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่ามัน

 

มีดเส้นไหมตัดร่างของคลาวด์บีสต์สีแดงเป็นเส้นๆเหมือนกับริบบิ้น แต่ริบบิ้นเหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันเป็นก้อนเมฆก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของนิ้วโป้งที่กดลง

 

‘คลาวด์บีสต์ตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ’ หานเซิ่นคิด

 

มันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และร่างกายของมันก็สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หลังจากที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หานเซิ่นจึงไม่แน่ใจว่าควรจะจับซีโน่เจเนอิคแบบนั้นได้ยังไง

 

ไผ่เดียวดายเองก็พยายามจับมันหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาเองก็ล้มเหลวทุกครั้งเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็น 2 มาร์ควิสที่รวดเร็วที่สุดแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไล่จับคลาวด์บีสต์สีแดงตัวนี้ได้

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้การเทเลพอร์ตเพื่อไปถึงตัวเจ้าคลาวด์บีสต์และโจมตีใส่มัน แต่มันก็ยังคงหลบมีดลมปราณของเขาได้อยู่ดี ยิ่งพวกเขาพยายามจับตัวมันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกนับถือมันมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่ดยุกคนหนึ่งก็ไม่สามารถรับมือกับซีโน่เจเนอิคตัวนี้ได้

 

ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีถูกร่างก้อนเมฆของเจ้าคลาวด์บีสต์ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ร่างกายของมันเป็นเหมือนกับน้ำ หลังจากที่ส่วนหนึ่งถูกตัดออกไป มันก็สามารถประสานเข้าด้วยกันใหม่ได้

 

ไผ่เดียวดายหมุนดาบหยกจนกลายเป็นบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับพายุทอร์นาโด วังวนหยกที่เกิดขึ้นพยายามจะดูดเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงเข้าไปข้างใน

 

แต่เจ้าคลาวด์บีสต์นั้นสามารถเร่งความเร็วขึ้นเพื่อหนีออกจากแรงดูดจากวังวนได้อย่างง่ายดาย

 

ไผ่เดียวดายไม่สามารถทำอะไรต่อเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงได้ และเขาก็พ่ายแพ้ให้กับมันเช่นเดียวกับหานเซิ่น

 

“ไม่แปลกใจเลยที่มันรอดมาได้ยาวนานขนาดนี้ เจ้านี่มันแข็งแกร่งจริงๆ!” ไผ่เดียวดายพูด

 

“แข็งแกร่งจริงๆนั่นแหละ แต่ดูเหมือนมันจะโจมตีกลับไม่ได้” หานเซิ่นพูด

 

พวกเขาไม่มีหวังจะจับตัวคลาวด์บีสต์ตัวนี้ได้ ดังนั้นไผ่เดียวดายจึงล้มเลิกเรื่องนี้ไปก่อนและพูด

“ข้าจะไปจับคลาวด์บีสต์ระดับมาร์ควิสแทน แล้วเจ้าล่ะ?”

 

“ข้ามีนกกระเรียนไร้ขาอยู่แล้ว ข้าไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้สัตว์ขี่ตัวอื่น”

หานเซิ่นส่ายหัว นอกซะจากเขาจะได้ซีโน่เจเนอิคที่พิเศษอย่างคลาวด์บีสต์สีแดงตัวนั้น เขาก็ไม่คิดจะไปจับซีโน่เจเนอิคตัวไหนมาเป็นสัตว์ขี่อีก เพราะยังไงซะเขาก็รวดเร็วยิ่งกว่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสทั่วไป ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะไปจับซีโน่เจเนอิคธรรมดาตัวหนึ่งมา เพียงแค่นกกระเรียนไร้ขาก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว

 

ไผ่เดียวดายจับนกเมฆระดับมาร์ควิสตัวหนึ่งมา มันไม่ได้ความพยายามอะไรมากนัก เพราะซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสช้ากว่าไผ่เดียวดาย ดังนั้นเขาจึงจับมันได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อหานเซิ่นและไผ่เดียวดายกำลังจะเดินทางกลับ เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็บินมาตรงหน้าพวกเขาและใช้หมอกควันสะกดเป็นคำพูด

“โง่เง่า! โง่เง่า! มาจับข้าให้ได้สิ”

 

‘ไอ้เวรเอ๊ย ฉันจะต้องจับตัวแกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เรียกตัวเองว่าหานเซิ่นอีก‘

หานเซิ่นรู้สึกโกรธ แต่เขาไม่ได้หันกลับไปไล่ตามมัน เขารู้ว่าในตอนนี้ไม่สามารถจับคลาวด์บีสต์ตัวนี้ได้ แต่เขาเชื่อว่าจะหาหนทางได้ในที่สุด

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset