Super God Gene – ตอนที่ 2066

อวี่ซ่านซิน

หานเซิ่นเห็นชายในชุดสีเขียวลงมาจากฝากฟ้า เขาดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาๆในเผ่าพันธุ์นภา เขาไม่ได้ดูน่าเกรงขามอะไรเหมือนกับดราก้อนวัน

 

ชายคนนั้นขี่นกนางแอ่นลงมา นกตัวนั้นมีสีดำและขาว แต่มันดูตัวเล็กเกินกว่าที่จะเป็นสัตว์ขี่ เพียงแค่เท้าข้างเดียวของชายคนนั้นก็กินเนื้อที่บนหลังของมันทั้งหมดแล้ว

 

นกนางแอ่นดูเหนื่อยล้า มันบินมาตรงหน้าของหานเซิ่น และหลังจากที่ชายชุดเขียวพยักหน้า นกนางแอ่นก็บินหนีไปอย่างเร่งรีบ ชายชุดเขียวพูดกับนกนางแอ่นที่หนีไป

“ขอบคุณที่พาข้ามาที่นี่ ข้าจะตอบแทนบุญคุณเจ้าในสักวันหนึ่ง!”

 

เมื่อนกนางแอ่นได้ยินสิ่งที่เขาพูด มันก็พยายามบินหนีเร็วขึ้นไปอีก และในที่สุดมันก็หายลับไปจากสายตา

 

“คารวะทุกท่าน ข้าคืออวี้ซ่านซิน เพื่อเห็นแก่ข้า ได้โปรดละเว้นหานเซิ่นด้วยเถอะ ข้าจะยอมรับบทลงโทษทุกอย่างแทนเขาเอง ข้าจะไม่ตอบโต้อะไรจนกว่าทุกคนในที่นี้จะพอใจ” อวี้ซ่านซินยืนตรงหน้าหานเซิ่นและยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

 

ดราก้อนวันมองไปที่ชายชุดเขียวและพูดอย่างเย็นชา “อวี้ซ่านซิน ทางปราสาทนภาคิดจะรับโทษแทนเขาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

อวี้ซ่านซินพยักหน้าอย่างจริงจัง “หานเซิ่นเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด ดังนั้นข้าจำเป็นต้องพาเขากลับไปอย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปอธิบายยังไง มันจะทำลายชื่อเสียงของปราสาทนภา ขอให้เจ้าโปรดเข้าใจเหตุผลของข้าด้วย”

 

“ลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีดสำคัญขนาดนั้นเลยหรือยังไง? นี่เขาสำคัญถึงขนาดที่มาฆ่าดราก้อนได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรอ?” ดราก้อนวันมองไปที่อวี้ซ่านซิน

 

“ดราก้อนเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ดังนั้นดราก้อนก็สำคัญเช่นเดียวกัน เอาแบบนี้เป็นไง? ชีวิตต่อชีวิต ข้าจะรับผิดแทนเขาเอง ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าเพื่อล้างแค้นล่ะก็ ก็มาฆ่าข้าคนนี้” อวี้ซ่านซินพูด

 

หานเซิ่นตกใจกับเรื่องนี้ เขารีบพูดขึ้นมา “ข้าเป็นคนทำมันเอง นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปราสาทนภา”

 

อวี้ซ่านซินยิ้มให้กับหานเซิ่นและส่ายหัว

“เมื่อเจ้าเข้ามาในปราสาทนภา เจ้าก็ถือเป็นคนของพวกเราโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นท่านผู้นำยังคงเป็นคนสั่งให้เจ้าเข้าไปในซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณ ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร มันก็เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา”

 

หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อวี้ซ่านซินหยุดเขาเอาไว้

 

“เอาแบบนั้นก็ได้ อวี้ซ่านซิน ถ้าเจ้าต้องการจะแบกรับแทนเขาล่ะก็ รับดัชนีของข้า ถ้าเจ้ารอดจากมันได้ ข้าจะถือว่าหนี้แค้นของพวกเราจบลงแค่นี้” ดราก้อนวันพูดกับอวี้ซ่านซิน

 

“ข้าจะรู้สึกขอบคุณไปชั่วชีวิต” อวี้ซ่านซินพูดอย่างซาบซึ้ง

 

“รอดจากดัชนีของข้าให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาพูดขอบคุณทีหลัง”

หลังจากนั้นดราก้อนวันก็ชี้นิ้วไปที่หน้าผากของอวี้ซ่านซิน

 

หานเซิ่นที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี้ซ่านซินรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะแหลกสลาย เขารู้สึกราวกับว่านิ้วของดราก้อนวันสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นผุยผงได้ แต่อวี้ซ่านซินยังคงยืนนิ่งๆ เขาปล่อยให้ดราก้อนวันชี้นิ้วตรงไปที่หน้าผากของเขาโดยไม่ขัดขืน

 

หานเซิ่นตกตะลึง ‘หมอนี่จะตายแทนเราจริงๆอย่างนั้นหรอ?’

 

วินาทีต่อมา หานเซิ่นเห็นดัชนีที่สามารถทำลายโลกทั้งใบชี้ไปที่อวี้ซ่านซิน แต่มันไม่ได้มีพลังอะไรออกมา มันดูเหมือนกับว่านิ้วของดราก้อนวันแค่จิ้มไปที่หน้าผากของอวี้ซ่านซินเท่านั้น

 

“ขอบคุณที่ไว้ชีวิต” อวี้ซ่านซินแสดงความขอบคุณขณะที่โค้งคำนับ

 

ดราก้อนวันมองที่อวี้ซ่านซิน “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าคือคนที่บุกฝ่าเข้าไปในปราสาทนภาได้ตามลำพัง เทพสังหารอวี้ผู้แบกโลงศพโลหิตสู่ปราสาทนภา ข้าให้สัญญาว่าความบาดหมางระหว่างดราก้อนกับหานเซิ่นจะจบลงเพียงแค่นี่”

 

หลังจากนั้นดราก้อนวันก็กลับเข้าไปในรถม้า และอสูรทั้งสิบก็ลากมันออกไป

 

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” หานเซิ่นรีบพูด เขาเป็นหนี้ชายคนนี้

 

อวี้ซ่านซินโบกมือและพูด “เจ้าเป็นตัวแทนของปราสาทนภาในการเดินทางไปที่ซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในนั้นไม่ใช่ความผิดเจ้า ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องมาขอบคุณข้า”

 

หลังจากอวี้ซ่านซินก็โบกมืออีกครั้งและนกนางแอ่นก็บินลงมาจากภูเขา มันบินถอยหลังกลับลงมาจนกระทั่งมาถึงมือของอวี้ซ่านซิน มันไม่สามารถบินหนีไปได้

 

“ไหนๆเจ้าก็พาข้ามาที่นี่แล้ว เจ้าก็พาข้ากลับไปด้วยเลยล่ะกัน”

อวี้ซ่านซินพูดพร้อมกับขึ้นไปเหยียบบนหลังของนกนางแอ่น เขายืนด้วยเท้าข้างเดียวและปล่อยให้นกกระเรียนพาเขาจากไป

 

“เฮ้ ข้ายังอยู่ที่นี่” ดวงตาหานเซิ่นเบิกกว้าง เขารู้ตัวว่ายังคงถูกรอบด้วยเหล่าดราก้อน และตอนนี้อวี้ซ่านซินก็จากไปแล้ว

 

หานเซิ่นกลืนน้ำลาย หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินออกไปท่ามกลางเหล่าดราก้อน

 

พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรหานเซิ่น

 

“เจ้าแข็งแกร่ง แถมเจ้ายังได้อวี้ซ่านซินมาช่วยเหลืออีก”

หลังจากที่หานเซิ่นเดินผ่านมาฝูงชนมา ซิวซือก็มาปรากฏตัวที่ด้านข้างของเขา

 

“มิสเตอร์อวี้มีชื่อเสียงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“เจ้าเป็นสมาชิกของปราสาทนภา แต่เจ้าไม่รู้จักเทพสังหาร อวี้ซ่านซินอย่างนั้นหรอ?” ซิวซือมองหานเซิ่นอย่างประหลาดใจ

 

“เทพสังหาร? เขาดูเป็นคนดีคนหนึ่ง? ทำไมเขาถึงได้มีสมญานามอะไรแบบนั้น?” หานเซิ่นถาม

 

ซิวซือมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆและพูดขึ้นมา

“เทพสังหารอวี้คือชื่อจริงของเขา อวี้ซ่านซินคือชื่อที่เขาใช้เรียกตัวเอง มันมียอดฝีมือมากมายในจักรวาลแห่งนี้ แต่มันมีแค่คนเดียวที่กล้าบุกเข้าไปในปราสาทนภา”

 

“เขาเป็นสมาชิกของปราสาทนภาไม่ใช่หรอ? ทำไมเจ้าถึงพูดว่าเขาบุกเข้าไปในปราสาทนภาล่ะ?” หานเซิ่นพูด

 

ซิวซือเชื่อว่าหานเซิ่นไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบาย

“อาจารย์ของอวี้ซ่านซินถูกเพื่อนหลอกและถูกประหารโทษฐานที่เป็นคนทรยศ มันเป็นความตายที่ไม่ยุติธรรม อวี้ซ่านซินจึงนำโลงศพของอาจารย์กลับเข้าไปในปราสาทนภา แต่เขาถูกหยุดเอาไว้ นั่นทำให้เขาโกรธและบุกฝ่าเข้าไปข้างใน เขาเอาชนะผู้อาวุโสทั้งสิบและบุกเข้าไปในปราสาทจนได้พบกับผู้นำของปราสาทนภา เขาต้องการทำให้ทุกอย่างให้มันถูกต้อง”

 

“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความตายของอาจารย์ถูกฆ่าตายทั้งหมด เขาฆ่าหลายชีวิตในปราสาทนภาตามลำพังจนโลงศพถูกย้อมเป็นสีแดง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้ชื่อเทพสังหารอวี้เป็นที่ล่ำลือ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนชื่อเป็นอวี้ซ่านซิน”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset