Super God Gene – ตอนที่ 1999

ปีศาจบดบังท้องฟ้า

หานเซิ่นฟันใส่ไผ่เดียวดาย แต่ไผ่เดียวดายไม่ได้คิดที่จะหลบ เขายื่นมือออกมาเพื่อจับใบมีดของมีดเขี้ยวดาบ มีเลือดไหลออกมาจากมือของเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากมัน

 

หานเซิ่นพยายามที่จะดึงมันกลับมา แต่เขาไม่สามารถดึงมีดเขี้ยวผีสิงออกมาจากกำมือของไผ่เดียวดายได้ เมื่อไผ่เดียวดายเปิดดวงตานภาของเขา ตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไรต่อไป ดวงตานภาของไผ่เดียวดายก็ปล่อยแสงสีแดงออกมา

 

หานเซิ่นต้องการจะใช้มือข้างซ้ายป้องกันแสงสีแดง แต่มืออีกข้างของไผ่เดียวดายกำลังใช้ดาบหยกฟันเข้ามา

 

มันไม่มีอะไรที่หานเซิ่นจะทำได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและปล่อยมือออกจากมีดเขี้ยวผีสิงเพื่อหลบแสงสีแดงและดาบหยก เมื่อหานเซิ่นโยกหลบการโจมตีของไผ่เดียวดายแล้ว เขาก็ชกใส่ข้อมือของคู่ต่อสู้และทำให้ดาบหยกหลุดจากมือของไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปเพื่อคว้ามัน

 

ยวิ๋นฉางคงและผู้อาวุโสคนอื่นพูดออกมาอย่างพร้อมเพียง “โอ้ ไม่นะ!”

 

“มีอะไรอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามด้วยสีหน้าที่ดูกังวล

 

ยวิ๋นฉางคงขมวดคิ้ว “ไผ่เดียวดายกำลังถูกกลืนกินโดยปีศาจในหัวใจ เขาต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งมีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่นก็เป็นมีดที่ชั่วร้ายและต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเช่นกัน เมื่อมันไปอยู่ในมือของไผ่เดียวดาย มันก็ทำให้ปีศาจในหัวใจของเขาเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม”

 

ยวิ๋นฉางคงยิ้มแห้งๆออกมา “ส่วนดาบหยกของไผ่เดียวดายนั้นไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไร มันเป็นแค่ดาบธรรมที่ใช้สำหรับฝึกเท่านั้น นอกจากความทนทานของมันแล้ว มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นแลกเปลี่ยนอาวุธระดับราชันที่เข้ากับวิชามีดเขี้ยวดาบกับดาบสำหรับฝึกธรรมดาๆ นอกจากนั้นไผ่เดียวดายก็เปิดดวงตานภาของเขา พ่อไม่คิดว่าหานเซิ่นจะทนการจู่โจมของไผ่เดียวดายไปได้นานกว่านี้?”

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน… นั่นมันดาบหยกของไผ่เดียวดาย ทำไมมันถึงเป็นแค่ดาบสำหรับฝึกธรรมดาๆได้?” ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆดูแปลกใจ

 

ยวิ๋นฉางคงถอนหายใจออกมาและไม่ได้อธิบายอะไรอีก

 

หลังจากที่ไผ่เดียวดายจับมีดเขี้ยวผีสิง มันก็กระตุ้นจิตสังหารในตัวของเขา ตอนนี้เขาดูเหมือนกับปีศาจที่ต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

 

ตูม!

 

เขาฟันใส่หานเซิ่น มีดแสงที่พุ่งออกมาดูเหมือนกับปีศาจที่เข้ามากลืนกินหานเซิ่น มันดูเหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบที่ขาดพลังเขี้ยว แต่มันมีพลังของมีดเขี้ยวผีสิงที่รวมกับพลังจากความโศกเศร้าที่ระเบิดออกมาจากตัวของไผ่เดียวดาย มันทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่หานเซิ่นใช้ซะอีก

 

“ท่านผู้นำ ท่านจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยจริงๆหรอ? หานเซิ่นไม่มีทางจะป้องกันการโจมตีแบบนั้นได้ พวกเขาทั้งคู่จะถูกทำลาย” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

ผู้นำของปราสาทนภาหลี่ตาและพูดขึ้นมา “มันไม่มีอะไรต้องรีบร้อน”

 

ผู้หญิงคนนั้นดูเสียใจและพูด “ไผ่เดียวดายเป็นลูกศิษย์ของท่าน ส่วนหานเซิ่นก็เป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็ต้องไปแจ้งอี๋ซาด้วยตัวเอง แต่ท่านจะทำอะไรก็ได้ เนื่องจากท่านไม่หวาดกลัวนาง”

 

ในสนามประลอง หานเซิ่นกำลังถือดาบหยกอยู่ในมือและปลดปล่อยจิตแห่งดาบออกมา วิชาที่เขาใช้คือวิชาที่ไผ่เดียวดายใช้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้อาวุธถูกสลับเจ้าของและวิชาที่ใช้ก็ถูกสลับเช่นกัน แต่การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป

“ว้าว ศิษย์พี่ไผ่เดียวดายใช้มีดได้ และหานเซิ่นก็ใช้ดาบได้เช่นเดียวกัน? นี่มันประหลาดมากๆ มันไม่มีทางที่เขาจะเป็นเหมือนกับศิษย์พี่ไผ่เดียวดายที่มีประสบการณ์จากฝันร้ายหรอกใช่ไหม?”

 

“เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ต่อสู้กับไผ่เดียวดายแบบนี้ได้”

 

แม้แต่ราชันอย่างยวิ๋นฉางคงก็ยังประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะสามารถฝึกฝนวิชาดาบถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับไผ่เดียวดายได้ นอกจากนั้นวิชาดาบของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าวิชามีดซะอีก โชคร้ายที่เขายังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี

 

ไผ่เดียวดายนั้นมีดวงตานภาและมีดเขี้ยวผีสิง ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายระดับเอิร์ลของหานเซิ่นดูด้อยกว่ามาก

 

แถมหานเซิ่นยังคงต้องระมัดระวัง เขารู้ว่าไม่สามารถจะใช้โหมดราชันสปิริตขั้นสุดยอดที่นี่ได้ และเขาก็ไม่สามารถใช้วิชาดาบของตัวเองได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้วิชาดาบของไผ่เดียวดายในการต่อสู้

 

หานเซิ่นใช้งานเครื่องหมายมดราชินีและเรียกรองเท้าเขี้ยวกระต่ายกับถุงมือมิงค์หมอกแดงออกมา เมื่อทำอย่างนั้นหานเซิ่นก็แก้ไขสถานการณ์ที่คับขันได้สำเร็จ

 

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปและมันเป็นอะไรที่น่าทึ่ง ทุกคนจ้องไปที่หานเซิ่นและไผ่เดียวดายอย่างไม่ต้องการที่จะคาดสายตาแม้แต่นิดเดียว

 

ร่างกายของไผ่เดียวดายแข็งแกร่งขึ้นจากดวงตานภา และพลังของมีดเขี้ยวผีสิงก็ถูกปลุกขึ้นด้วยความโศกเศร้าของเขา ทุกการโจมตีนั้นเต็มไปด้วยพลังที่มากพอจะทำลายมิติ

 

ในขณะที่ทางด้านของหานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังอะไรมาก แต่วิชาดาบของเขาไร้ที่ติ เมื่อเขาเคลื่อนไหว ดาบหยกในมือของเขาก็เป็นเหมือนกับดอกบัว เขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ

 

ทันใดนั้นไผ่เดียวดายก็ถอยออกไปและทิ้งระยะห่างจากหานเซิ่น ดวงตาดวงที่ 3 ของเขาจ้องมองมาที่หานเซิ่น มันดูเหมือนกับดวงตาของปีศาจ

 

หานเซิ่นมองกลับไปที่ไผ่เดียวดาย แต่เขาไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร เขากำลังรู้สึกกดดัน

 

ไผ่เดียวดายถือมีดเขี้ยวผีสิงอยู่ในมือ ตัวตนที่ดูเหมือนกับปีศาจของเขาดูเหมือนกับว่ากำลังจะลุกเป็นไฟ ทันใดนั้นเขาก็สร้างไฟที่ลุกโชติช่วงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าออกมา

 

“เพิ่มระดับขึ้น?” ยวิ๋นฉางคงและคนอื่นตกตะลึง

 

ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในท่ามกลางเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ไผ่เดียวดายได้พัฒนาเป็นระดับมาร์ควิส

 

ดวงตานภาของเขาเป็นสีแดงราวกับทะเลเลือด เมื่อไผ่เดียวดายเพิ่มระดับขึ้น ทะเลสีแดงในดวงตานภาของเขาก็ดูล้ำลึกขึ้นเช่นกัน พลังอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงตานั้น และทำให้ร่างกายของไผ่เดียวดายแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

 

มีดเขี้ยวผีสิงในมือของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน มีดกำลังลุกเป็นไฟราวกับปีศาจกำลังคำรามออกมา

 

การพัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิสของไผ่เดียวดายทำลายสมดุลของการต่อสู้ พลังอันไร้ที่สิ้นสุดหลั่งไหลเข้าไปในมีดและทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น เปลวไฟของมีดนั้นเป็นเหมือนกับของปีศาจและมันก็ครอบงำทั้งสนามประลอง

 

ตอนนี้หานเซิ่นตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ไม่สามารถแม้แต่จะปลดปล่อยพลังของเขาออกมาได้

 

สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัดไป มีเพียงแค่เสียงจากมีดที่ลุกโชติช่วงเท่านั้นที่ยังคงดังขึ้นมาราวกับกองไฟ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset