ปีศาจบดบังท้องฟ้า
หานเซิ่นฟันใส่ไผ่เดียวดาย แต่ไผ่เดียวดายไม่ได้คิดที่จะหลบ เขายื่นมือออกมาเพื่อจับใบมีดของมีดเขี้ยวดาบ มีเลือดไหลออกมาจากมือของเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยมือจากมัน
หานเซิ่นพยายามที่จะดึงมันกลับมา แต่เขาไม่สามารถดึงมีดเขี้ยวผีสิงออกมาจากกำมือของไผ่เดียวดายได้ เมื่อไผ่เดียวดายเปิดดวงตานภาของเขา ตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไรต่อไป ดวงตานภาของไผ่เดียวดายก็ปล่อยแสงสีแดงออกมา
หานเซิ่นต้องการจะใช้มือข้างซ้ายป้องกันแสงสีแดง แต่มืออีกข้างของไผ่เดียวดายกำลังใช้ดาบหยกฟันเข้ามา
มันไม่มีอะไรที่หานเซิ่นจะทำได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและปล่อยมือออกจากมีดเขี้ยวผีสิงเพื่อหลบแสงสีแดงและดาบหยก เมื่อหานเซิ่นโยกหลบการโจมตีของไผ่เดียวดายแล้ว เขาก็ชกใส่ข้อมือของคู่ต่อสู้และทำให้ดาบหยกหลุดจากมือของไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปเพื่อคว้ามัน
ยวิ๋นฉางคงและผู้อาวุโสคนอื่นพูดออกมาอย่างพร้อมเพียง “โอ้ ไม่นะ!”
“มีอะไรอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามด้วยสีหน้าที่ดูกังวล
ยวิ๋นฉางคงขมวดคิ้ว “ไผ่เดียวดายกำลังถูกกลืนกินโดยปีศาจในหัวใจ เขาต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งมีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่นก็เป็นมีดที่ชั่วร้ายและต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเช่นกัน เมื่อมันไปอยู่ในมือของไผ่เดียวดาย มันก็ทำให้ปีศาจในหัวใจของเขาเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม”
ยวิ๋นฉางคงยิ้มแห้งๆออกมา “ส่วนดาบหยกของไผ่เดียวดายนั้นไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์อะไร มันเป็นแค่ดาบธรรมที่ใช้สำหรับฝึกเท่านั้น นอกจากความทนทานของมันแล้ว มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นแลกเปลี่ยนอาวุธระดับราชันที่เข้ากับวิชามีดเขี้ยวดาบกับดาบสำหรับฝึกธรรมดาๆ นอกจากนั้นไผ่เดียวดายก็เปิดดวงตานภาของเขา พ่อไม่คิดว่าหานเซิ่นจะทนการจู่โจมของไผ่เดียวดายไปได้นานกว่านี้?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน… นั่นมันดาบหยกของไผ่เดียวดาย ทำไมมันถึงเป็นแค่ดาบสำหรับฝึกธรรมดาๆได้?” ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆดูแปลกใจ
ยวิ๋นฉางคงถอนหายใจออกมาและไม่ได้อธิบายอะไรอีก
หลังจากที่ไผ่เดียวดายจับมีดเขี้ยวผีสิง มันก็กระตุ้นจิตสังหารในตัวของเขา ตอนนี้เขาดูเหมือนกับปีศาจที่ต้องการจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
ตูม!
เขาฟันใส่หานเซิ่น มีดแสงที่พุ่งออกมาดูเหมือนกับปีศาจที่เข้ามากลืนกินหานเซิ่น มันดูเหมือนกับวิชามีดเขี้ยวดาบที่ขาดพลังเขี้ยว แต่มันมีพลังของมีดเขี้ยวผีสิงที่รวมกับพลังจากความโศกเศร้าที่ระเบิดออกมาจากตัวของไผ่เดียวดาย มันทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่หานเซิ่นใช้ซะอีก
“ท่านผู้นำ ท่านจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยจริงๆหรอ? หานเซิ่นไม่มีทางจะป้องกันการโจมตีแบบนั้นได้ พวกเขาทั้งคู่จะถูกทำลาย” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
ผู้นำของปราสาทนภาหลี่ตาและพูดขึ้นมา “มันไม่มีอะไรต้องรีบร้อน”
ผู้หญิงคนนั้นดูเสียใจและพูด “ไผ่เดียวดายเป็นลูกศิษย์ของท่าน ส่วนหานเซิ่นก็เป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็ต้องไปแจ้งอี๋ซาด้วยตัวเอง แต่ท่านจะทำอะไรก็ได้ เนื่องจากท่านไม่หวาดกลัวนาง”
ในสนามประลอง หานเซิ่นกำลังถือดาบหยกอยู่ในมือและปลดปล่อยจิตแห่งดาบออกมา วิชาที่เขาใช้คือวิชาที่ไผ่เดียวดายใช้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้อาวุธถูกสลับเจ้าของและวิชาที่ใช้ก็ถูกสลับเช่นกัน แต่การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป
“ว้าว ศิษย์พี่ไผ่เดียวดายใช้มีดได้ และหานเซิ่นก็ใช้ดาบได้เช่นเดียวกัน? นี่มันประหลาดมากๆ มันไม่มีทางที่เขาจะเป็นเหมือนกับศิษย์พี่ไผ่เดียวดายที่มีประสบการณ์จากฝันร้ายหรอกใช่ไหม?”
“เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ต่อสู้กับไผ่เดียวดายแบบนี้ได้”
แม้แต่ราชันอย่างยวิ๋นฉางคงก็ยังประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะสามารถฝึกฝนวิชาดาบถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับไผ่เดียวดายได้ นอกจากนั้นวิชาดาบของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าวิชามีดซะอีก โชคร้ายที่เขายังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี
ไผ่เดียวดายนั้นมีดวงตานภาและมีดเขี้ยวผีสิง ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายระดับเอิร์ลของหานเซิ่นดูด้อยกว่ามาก
แถมหานเซิ่นยังคงต้องระมัดระวัง เขารู้ว่าไม่สามารถจะใช้โหมดราชันสปิริตขั้นสุดยอดที่นี่ได้ และเขาก็ไม่สามารถใช้วิชาดาบของตัวเองได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้วิชาดาบของไผ่เดียวดายในการต่อสู้
หานเซิ่นใช้งานเครื่องหมายมดราชินีและเรียกรองเท้าเขี้ยวกระต่ายกับถุงมือมิงค์หมอกแดงออกมา เมื่อทำอย่างนั้นหานเซิ่นก็แก้ไขสถานการณ์ที่คับขันได้สำเร็จ
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปและมันเป็นอะไรที่น่าทึ่ง ทุกคนจ้องไปที่หานเซิ่นและไผ่เดียวดายอย่างไม่ต้องการที่จะคาดสายตาแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายของไผ่เดียวดายแข็งแกร่งขึ้นจากดวงตานภา และพลังของมีดเขี้ยวผีสิงก็ถูกปลุกขึ้นด้วยความโศกเศร้าของเขา ทุกการโจมตีนั้นเต็มไปด้วยพลังที่มากพอจะทำลายมิติ
ในขณะที่ทางด้านของหานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังอะไรมาก แต่วิชาดาบของเขาไร้ที่ติ เมื่อเขาเคลื่อนไหว ดาบหยกในมือของเขาก็เป็นเหมือนกับดอกบัว เขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
ทันใดนั้นไผ่เดียวดายก็ถอยออกไปและทิ้งระยะห่างจากหานเซิ่น ดวงตาดวงที่ 3 ของเขาจ้องมองมาที่หานเซิ่น มันดูเหมือนกับดวงตาของปีศาจ
หานเซิ่นมองกลับไปที่ไผ่เดียวดาย แต่เขาไม่ได้รู้สึกดีใจอะไร เขากำลังรู้สึกกดดัน
ไผ่เดียวดายถือมีดเขี้ยวผีสิงอยู่ในมือ ตัวตนที่ดูเหมือนกับปีศาจของเขาดูเหมือนกับว่ากำลังจะลุกเป็นไฟ ทันใดนั้นเขาก็สร้างไฟที่ลุกโชติช่วงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าออกมา
“เพิ่มระดับขึ้น?” ยวิ๋นฉางคงและคนอื่นตกตะลึง
ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในท่ามกลางเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ไผ่เดียวดายได้พัฒนาเป็นระดับมาร์ควิส
ดวงตานภาของเขาเป็นสีแดงราวกับทะเลเลือด เมื่อไผ่เดียวดายเพิ่มระดับขึ้น ทะเลสีแดงในดวงตานภาของเขาก็ดูล้ำลึกขึ้นเช่นกัน พลังอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงตานั้น และทำให้ร่างกายของไผ่เดียวดายแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
มีดเขี้ยวผีสิงในมือของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน มีดกำลังลุกเป็นไฟราวกับปีศาจกำลังคำรามออกมา
การพัฒนาไปสู่ระดับมาร์ควิสของไผ่เดียวดายทำลายสมดุลของการต่อสู้ พลังอันไร้ที่สิ้นสุดหลั่งไหลเข้าไปในมีดและทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น เปลวไฟของมีดนั้นเป็นเหมือนกับของปีศาจและมันก็ครอบงำทั้งสนามประลอง
ตอนนี้หานเซิ่นตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ไม่สามารถแม้แต่จะปลดปล่อยพลังของเขาออกมาได้
สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัดไป มีเพียงแค่เสียงจากมีดที่ลุกโชติช่วงเท่านั้นที่ยังคงดังขึ้นมาราวกับกองไฟ