Super God Gene – ตอนที่ 1997

สู้กับข้า

ครั้งนี้หานเซิ่นรับรู้ความจริงว่าได้ทำบางสิ่งที่ทำร้ายผู้อื่นโดยที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไร เขาได้ไปทำลายเขื่อนที่กักเก็บความเจ็บปวดเป็นหมื่นๆชีวิตของไผ่เดียวดายไปแล้ว

 

คนที่อยู่นอกสนามประลองนั้นได้รับการปกป้องจากยอดฝีมือ ขณะที่ภายในสนามประลองก็มีเพียงแค่ไผ่เดียวดายและหานเซิ่นเท่านั้นที่ยืนต้านคลื่นความเจ็บปวดอยู่ ความรู้สึกของไผ่เดียวดายถาโถมเข้ามาที่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าชีวิตเป็นสีเทา สิ้นหวัง เจ็บปวด โศกเศร้าและเต็มไปด้วยความเสียใจ ความรู้สึกทั้งหมดเข้ามาหาเขาพร้อมๆกัน และไม่ว่าจิตใจของเขาจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถต้านพวกมันเอาไว้ได้ทั้งหมด

 

เจ้าสาวที่งดงามเดินออกมาจากรถม้าสีแดง เธอกำลังจะแต่งงานกับชายรูปหล่อ แต่ในระหว่างพิธี กลุ่มโจรได้บุกเข้ามา ดาบแสงแว๊บวับและเลือดกระจัดกระจายไปทั่ว เสียงหัวเราะดังขึ้นในอากาศและเจ้าสาวผู้งดงามก็ถูกข่มขืนจนตายต่อหน้าสามีของเธอ

 

ในชีวิตนี้ไผ่เดียวดายตายโดยที่ดวงตายังไม่ถูกปิด

 

ในป่าแห่งหนึ่ง แม่เสือกำลังเล่นกับลูก 2 ตัวของมัน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นมา แม่เสือถูกยิงด้วยยาระงับประสาท ทำไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เธอมองดูลูกทั้ง 2 ตัวถูกถลกหนังและถูกย่างเป็นอาหาร ดวงตาของแม่เสือร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด

 

ในชีวิตนี้ไผ่เดียวดายหวังที่จะตาย

 

บนท้องฟ้า นักดาบคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก เขาฆ่าศัตรูไปหลายคน แต่เขาได้รับบาดเจ็บ เขาหมดเรี่ยวแรงและล้มลงไปในที่สุด

 

ชายวัยกลางคนจับหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ขณะที่มองไปที่นักดาบคนนั้นอย่างดูถูก “ไผ่เดียวดาย เจ้าตายไปซะเถอะ ข้าจะเล่นกับผู้หญิงของเจ้าและช่วยดูแลบ้านของเจ้าเอง แต่บางทีข้าอาจจะฆ่าลูกชายของเจ้า”

 

นักดาบคำรามด้วยความโกรธ แต่ความตายไม่ใช่สิ่งที่เขาจะหนีได้ เขาตายภายใต้เท้าของชายคนนั้นโดยไม่มีแรงแม้แต่จะดึงเสื้อผ้าของอีกฝ่าย

 

ในทุกความฝันนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทุกๆชีวิตของของเขาต่างก็มีจุดจบที่แสนเศร้า

 

ความสิ้นหวังของไผ่เดียวดายทำให้หานเซิ่นอยากจะเป็นบ้า ความรู้สึกของไผ่เดียวดายถาโถมเข้ามาใส่หานเซิ่น ขณะที่เขาได้เห็นสิ่งที่ไผ่เดียวดายต้องประสบด้วยตาตัวเอง

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้มีประสบการณ์ในฝันทั้งหมดของไผ่เดียวดาย แต่เขาก็ได้เห็นภาพที่เศร้าที่สุดในความทรงจำของไผ่เดียวดาย พวกมันถูกส่งตรงเข้ามาในจิตใจของหานเซิ่น ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย

 

หานเซิ่นต้องการจะใช้จิตใจที่แข็งแกร่งเอาชนะความเศร้าหมอง แต่มันน่ากลัวเกินไป ซึ่งเขาไม่สามารถต้านพวกมันเอาไว้ได้ เขาถูกบังคับให้ประสบเรื่องราวที่แสนเศร้าของไผ่เดียวดาย พวกมันทำให้เขารู้สึกอยากจะตาย

 

หานเซิ่นพยายามตั้งสมาธิเพื่อต่อต้านความรู้สึกอันโศกเศร้าของไผ่เดียวดาย

 

ภายในสนามประลองไผ่เดียวดายและหานเซิ่นยังคงยืนต่อหน้ากัน ไผ่เดียวดายดูเหมือนกับปีศาจ ขณะที่หานเซิ่นหลับตาของเขาลงด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว

 

ความเงียบสงัดในตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่เขากำลังต่อสู้กัน ตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวของไผ่เดียวดายกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ไผ่เดียวดายดูสิ้นหวังราวกับว่าเขาต้องการจะนำหายนะมาสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง มือของเขาขยับไปหาดาบหยกที่ห้อยอยู่ที่เอว

 

“โอ้ไม่นะ! ไผ่เดียวดายคงจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว” ยวิ๋นฉางคงพูดด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่

 

เหล่าผู้อาวุโสของปราสาทนภามารวมตัวที่สนามประลอง พวกเขาจ้องมองไปที่ไผ่เดียวดายด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

ความโศกเศร้าและโดดเดี่ยวหลายพันปีเป็นสิ่งที่แม้แต่ราชันก็ไม่สามารถทนได้ แม้แต่ผู้นำของปราสาทนภาเองก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น

 

ถ้าหัวใจของคนๆนั้นเจ็บปวด เขาก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ถ้าไผ่เดียวดายไม่สามารถทำได้ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้

 

สถานการณ์ของหานเซิ่นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าไผ่เดียวดาย ตอนนี้จิตใจของเขากำลังถูกกลืนกินโดยความว่างเปล่าที่แพร่เข้ามาในตัวของเขา

 

ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะมีจิตใจแข็งแกร่งสักแค่ไหน ทุกคนก็มีความรู้สึกอยู่ ชีวิตที่หานเซิ่นได้เห็น แม้แต่พระเจ้าก็ต้องร้องไห้ ซึ่งหานเซิ่นนั้นเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง

 

ดวงตาของหานเซิ่นเริ่มจะหมดชีวิตชีวา และร่างกายของเขาก็ให้รู้สึกเหมือนกับซากศพ

 

“แย่แล้ว หานเซิ่นกำลังถูกกลืนกินโดยปีศาจในจิตใจของไผ่เดียวดาย”
กระเรียนพันขนสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ เขาจึงหันไปพูดกับยวิ๋นฉางคง “ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะพาหานเซิ่นออกมาไหม?”

 

“ตอนนี้เราจะพาหานเซิ่นออกมาไม่ได้ เขาคือคนที่กระตุ้นความเศร้าโศกของไผ่เดียวดาย ตัวตนของเขากำลังช่วยเหลือไผ่เดียวดายอยู่ และเขาก็ยังต้องการจะชนะ ถ้าหานเซิ่นถูกพาตัวออกมา ไผ่เดียวดายก็จะสูญเสียจุดประสงค์ทั้งหมดของเขาไป และมันจะไม่มีความหวังอะไรอีก” ยวิ๋นฉางคงส่ายหัวและพูด

 

ดวงตาของไผ่เดียวดายดูอาฆาต ใบหน้าของเขาดูเหมือนกับปีศาจ ลมหายใจของเขาเหมือนกับอสูรร้าย เส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นมาตามผิวหนังของเขา เขาค่อยๆดึงดาบหยกออกมาอย่างช้าๆ

 

ในปราสาทนภา ผู้หญิงคนหนึ่งขมวดคิ้ว

 

“ท่านผู้นำ ไผ่เดียวดายไม่อาจจะควบคุมปีศาจของเขาได้ ท่านไม่คิดจะเข้าไปช่วยเขาอย่างนั้นหรอ?”

 

ผู้นำของปราสาทนภาส่ายหัว “ถ้าพวกเราเข้าไปก้าวก่ายในตอนนี้ พวกเราก็ช่วยได้แค่ศพของเขาเท่านั้น เขาจำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเอง”

 

“ปีศาจอยู่ในหัวใจของเขา แล้วเขาจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงกัน?” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

“ถ้าจิตใจของเขายังคงศรัทธาอยู่ เขาก็ยังมีโอกาสจะรอดชีวิตไปได้” ผู้นำของปราสาทนภาพูด

 

“เขาจะหาความศรัทธานั่นได้จากไหน?” ผู้หญิงคนนั้นถาม

 

ผู้นำของปราสาทนภาไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่มองไปที่สนามประลอง

 

ไผ่เดียวดายชักดาบหยกของเขาออกมา มันเป็นดาบที่สะอาดไร้ซึ่งรอยขีดข่วนหรือแม้แต่ฝุ่นละออง แต่ดาบหยกนั้นปลดปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่ามันถูกห่อหุ้มด้วยเปลวไฟจากนรก

 

หลังจากนั้นภายใต้น้ำหนักของความเศร้าโศก ร่างกายของไผ่เดียวดายก็ลุกไหม้ในเปลวไฟสีดำ มันเป็นไฟที่ดูสยดสยอง

 

ไผ่เดียวดายยกดาบหยกขึ้นและเริ่มเดินเข้าไปหาหานเซิ่นอย่างช้าๆ ขณะที่เดินไปนั้นปากของเขาขยับ แต่เขาพูดเสียงเบาเกินกว่าที่คนอื่นจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด

 

“ไผ่เดียวดายตกอยู่ภายใต้การควบคุมของปีศาจในหัวใจแล้วอย่างนั้นหรอ?” กระเรียนพันขนถาม

 

ยอดฝีมือและผู้อาวุโสต่างก็คิดว่าไผ่เดียวดายถูกควบคุมโดยปีศาจในหัวใจ และมันก็ต้องการจะปลดปล่อยความโกรธกับหานเซิ่น

 

ศิษย์ของปราสาทนภาเห็นไผ่เดียวดายเดินเข้าไปหาหานเซิ่น ตอนนี้ไผ่เดียวดายนั้นดูเหมือนกับปีศาจกินคน

 

หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งและหลับตาอยู่ มันเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่าไผ่เดียวดายเดินเข้ามา หน้าของเขาซีดเผือกและตัวตนของเขาก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว

 

ฝันร้ายทั้งหมดถาโถมเข้ามาในหัวของเขาอย่างไม่หยุด ถึงแม้พวกมันจะไม่จริงสำหรับเขา เพราะมันเป็นฝันของไผ่เดียวดาย แต่พวกมันก็ฝังลึกเข้าไปในหัวใจของเขา

 

ไผ่เดียวดายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น จากนั้นเขาก็ยกดาบขึ้นและฟันใส่หานเซิ่น

 

ยวิ๋นซู่อีกรีดร้องออกมา

 

ยวิ๋นฉางคงและผู้อาวุโสคนอื่นๆกำลังลังเลว่าควรจะเข้าไปช่วยหานเซิ่นดีไหม

 

แต่ดาบของไผ่เดียวดายไปไม่ถึงตัวของหานเซิ่น ปลายดาบชี้ไปที่จมูกของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็คำรามออกมาราวกับสัตว์ประหลาด
“สู้กับข้า!”

 

“เขายังไม่แพ้!” เมื่อผู้ชมเห็นอย่างนั้น พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้น

 

หานเซิ่นลืมตาขึ้นและชักมีดเขี้ยวผีสิงของเขาออกมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset