Super God Gene – ตอนที่ 1970

กลายเป็นเอิร์ล

ลมปราณหยกของชั้นที่ 7 เริ่มไหลราวกับของเหลว พวกมันลอยอยู่บนอากาศอย่างเห็นได้ชัด

 

หานเซิ่นใช้กลายเป็นหินเพื่อเปลี่ยนผิวหนังของตัวเองให้กลายเป็นหิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเย็นของลมปราณหยกเมื่อมันสัมผัสกับร่างกาย หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใช้เรื่องราวของยีนเพื่อดูดซับลมปราณหยกเข้าไป

 

กระเรียนพันขน ยวิ๋นซู่ซางและเฟิร์สเดย์ต่างก็หันมามองหานเซิ่น แม้แต่เอิร์ลทั่วๆไปก็ยังไม่สามารถทนต่อลมปราณของชั้นที่ 7 ได้เลย แต่หานเซิ่นเป็นเพียงแค่ไวเคานต์คนหนึ่ง มันจึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกปั้นหยกไป กระเรียนพันขนมีแผนที่จะแบกหานเซิ่นออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าเขาดูท่าไม่ดี

 

แต่ทั้ง 3 ต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นหานเซิ่นเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหิน ทำให้ลมปราณหยกไม่มีผลอะไรต่อร่างกายของเขามากนัก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เริ่มจะดูดซับพวกมันเข้าไป ซึ่งทำให้ทั้ง 3 คนประหลาดใจอย่างมาก

 

“นั่นมันวิชาจีโนแบบไหนกัน? มันทำให้ไวเคานต์คนหนึ่งทนต่อลมปราณหยกของชั้นที่ 7 ได้เลยอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่ซางตกตะลึง

 

กระเรียนพันขนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “ดูเหมือนจะเป็นวิชาจีโนที่เปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นหิน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมสักแค่ไหน มันก็ไม่ควรจะมีประสิทธิภาพถึงขนาดนี้เมื่อถูกใช้โดยไวเคานต์คนหนึ่ง ดังนั้นมันไม่มีทางเป็นแค่วิชาจีโนธรรมดาแน่ๆ มันจะต้องเป็นวิชาจีโนที่ราชินีแห่งมีดมอบให้กับเขา”

 

ทั้ง 3 สังเกตหานเซิ่นอีกเพียงไม่นาน ถึงพวกเขาจะรู้สึกสงสัย แต่พวกเขาก็ยังจำเป็นต้องใช้สมาธิกับการฝึกของตัวเอง

 

ลมปราณหยกของชั้นที่ 7 ไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้ขณะที่เขากลายเป็นหิน หลังจากที่เขาใช้วิชากลายเป็นหิน ร่างกายของเขาก็สามารถเข้ากันได้ดีกับลมปราณหยก ซึ่งทำให้มันง่ายที่เขาจะดูดซับพวกมันเข้าไป

 

ลมปราณหยกถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่นราวกับสายน้ำ ขณะที่เขาใช้เรื่องราวของยีนโดยหวังว่าจะพัฒนาสู่ขั้นต่อไปได้สำเร็จ

 

ชุดเกราะมนตราปรากฏขึ้นมาและห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่นโดยอัตโนมัติ ชุดเกราะส่องแสงแปลกๆออกมาและสัญลักษณ์ประหลาดก็ปรากฏขึ้นทั่วชุดเกราะ มันดูเป็นอะไรที่น่ากลัว

 

ทั้ง 3 คนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวรอบตัวหานเซิ่น และเมื่อทั้ง 3 มองไปที่เขา ทั้ง 3 ก็ดูแปลกใจอย่างมาก “นี่เขากำลังจะพัฒนาไปเป็นเอิร์ลจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นได้กินเม็ดทรายดาราจักรเข้าไปจำนวนมาก เขาพร้อมที่จะวิวัฒนาการอยู่แล้ว แต่เขาขาดแรงกระตุ้นบางอย่าง

 

ทรายดาราจักรเป็นแก่นแท้ของยีนซีโน่เจเนอิคที่ถูกอัดแน่นเอาไว้ มันสามารถดูดซับเข้าไปได้ทันทีที่กินเข้าไป แต่ลมปราณหยกเป็นเหมือนกับแร่ พวกมันจำเป็นต้องถูกสกัดก่อนถึงจะดูดซับเข้าไปได้

 

ในตอนที่ขุนนางปกติดูดซับลมปราณหยกเข้าไป พวกมันส่วนใหญ่จะสูญเปล่าและถูกปล่อยกลับคืนมาในหอคอย มีเพียงแค่ลมปราณหยกส่วนน้อยเท่านั้นที่จะกลายพลังงานสำหรับร่างกายของพวกเขาจริงๆ

 

แต่ทรายดาราจักรเป็นสิ่งที่แม้แต่ขุนนางระดับต่ำก็สามารถใช้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงอะไร ดังนั้นหานเซิ่นจึงสามารถกินมันเข้าไปได้ตามที่ต้องการ แต่การรับลมปราณหยกเข้าไปในร่างมากเกินไปจะทำให้ร่างกายของคนๆนั้นได้รับความเสียหายได้

 

โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้ต้องการจะดูดซับลมปราณหยกเข้าไปจำนวนมาก เขาแค่ต้องการใช้พลังของมันเพื่อกระตุ้นให้เรื่องราวของยีนพัฒนาไปสู่ระดับเอิร์ลเท่านั้น

 

ซึ่งลมปราณหยกของชั้นที่ 7 ก็รุนแรงพอที่จะทำอย่างนั้น ลมปราณหยกถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของเขา และก็ไปกระตุ้นให้ชุดเกราะมนตราของเขาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการวิวัฒนาการไปเป็นระดับเอิร์ล

 

ลวดลายบนชุดเกราะมนตราเริ่มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ทั้ง 3 คนสังเกตไปที่ชุดเกราะอย่างตั้งใจ พวกเขาไม่แน่ใจว่ามันกำลังบ่งบอกถึงอะไร

 

เมื่อสัญลักษณ์บนชุดเกราะมนตราเริ่มสว่างไสวขึ้น มันก็เหมือนกับว่าแสงกำลังมีชีวิตขึ้นมา มันออกมาจากชุดเกราะของหานเซิ่นและห้อมล้อมเขาราวกับกลุ่มของแฟรี่

 

“นี่คือจิตวิญญาณอักษร มันเหมือนกับในตำราไร้อักษรของพวกเรา มันเป็นจิตวิญญาณที่หาได้ยากมากๆ!” ยวิ๋นซู่ซางพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

“มันหายากจริงๆนั่นแหละ แต่รีเบทไม่มีวิชาจีโนอะไรแบบนั้น นี่เขาฝึกวิชาจีโนแบบไหนกันแน่?” กระเรียนพันขนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“ไม่ว่ามันจะคืออะไร เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาๆอย่างที่ตาเห็น นี่มันน่าสนใจจริงๆ” ยวิ๋นซู่ซางมองหานเซิ่นด้วยความสนใจ

 

เฟิร์สเดย์มองไปที่หานเซิ่นอย่างอยากรู้อยากเห็น “ศิษย์พี่กระเรียน วิชาจีโนที่หานเซิ่นฝึกอยู่นั่น เมื่อเทียบกับตำราไร้อักษรแล้วมันเป็นยังไง?”

 

กระเรียนพันขนส่ายหัว “ข้าไม่ได้ฝึกตำราไร้อักษร และข้าก็ไม่รู้ว่าวิชาจีโนที่หานเซิ่นฝึกคือวิชาอะไร ดังนั้นมันยากจะบอกได้ แต่ตำราไร้อักษรนั้นเป็นวิชาของปราสาทนภา ดังนั้นมันคงจะไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาจีโนไหนๆ เจ้าฝึกมนต์สัจธรรมที่มาจากตำราไร้อักษร ดังนั้นเจ้าก็ควรจะรู้เกี่ยวกับมันมากกว่าข้า”

 

“ใช่แล้วเฟิร์สเดย์ เจ้าคิดว่าจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าของเจ้า?” ยวิ๋นซู่ซางถาม

 

เฟิร์สเดย์ดูเขินอาย เขาพูด “ข้าไม่เข้าใจถึงวิชาของเขา แต่ข้ารู้สึกว่ามันลึกซึ้งยิ่งกว่าจิตวิญญาณของข้าI”

 

ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนแปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้น ตำราไร้อักษรเป็นวิชาที่ไม่ใช่ทุกคนในปรานภาจะสามารถใช้ได้ มันมีข้อจำกัดมากมายที่ผู้ฝึกจำเป็นต้องมี ดังนั้นถึงแม้ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถฝึกมันได้

 

ถึงแม้จะมีน้อยคนที่สามารถฝึกตำราไร้อักษรฉบับดั้งเดิมได้ แต่ผู้อาวุโสของปราสาทนภาได้ทำการนำเนื้อหาบางส่วนของตำรามาปรับแต่งเพื่อให้ทุกคนสามารถฝึกมันได้ และนั่นมีชื่อว่ามนต์สัจธรรม

 

ถึงแม้มนต์สัจธรรมจะเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของตำราไร้อักษร แต่มันก็แข็งแกร่งพอที่จะเทียบชั้นได้กับวิชาจีโนที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เฟิร์สเดย์ฝึกฝนมันจนเชี่ยวชาญและพรสวรรค์ของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา ซึ่งถ้าเขารู้สึกแบบนั้น มันก็หมายความว่าวิชาจีโนของหานเซิ่นต้องสุดยอดจริงๆ

 

เมื่อหานเซิ่นวิวัฒนาการ จิตวิญญาณของชุดเกราะมนตราก็แข็งแกร่งขึ้น สัญลักษณ์บนชุดเกราะของเขาเริ่มหมุนวนไปรอบๆจนเกิดเป็นวังวนขึ้นมา วังวนดูดลมปราณหยกเข้าไปอย่างหิวกระกายเพื่อเป็นพลังงานให้กับร่างกายของหานเซิ่น

 

ปัง!

 

ทันใดนั้นสัญลักษณ์บนชุดเกราะก็แตกสลายและแสงที่บินรอบๆตัวของเขาก็ระเบิดเหมือนกับประทัด

 

กระเรียนพันขนและคนอื่นตกตะลึง พวกเขาคิดว่าหานเซิ่นวิวัฒนาการไม่สำเร็จ แต่หลังจากนั้นรัศมีของพลังก็แผ่ออกมาจากหานเซิ่น เมื่อคนอื่นๆได้เห็นมัน พวกเขาก็รู้ในทันทีว่าหานเซิ่นสามารถวิวัฒนาการไปเป็นเอิร์ลได้สำเร็จ

 

‘ร่างต่อสู้มนตรากลายเป็นระดับเอิร์ล’

 

เสียงประกาศดังขึ้นในจิตใจของหานเซิ่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีใจขึ้นมา หลังจากพยายามอย่างหนัก ในที่สุดเรื่องราวของยีนก็พัฒนาสู่ระดับเอิร์ล

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset