บทที่ 18 การทดสอบเวทมนตร์ ความเป็นจริงอันโหดร้าย
พวกนั้นเห็นได้ชัดๆเลยว่าเป็นพวกครึ่งมังกรแน่ๆ แต่พวกเขากลับแต่ตัวเหมือนกับสามัญชนปรกติ ทำให้เหมิงเหล่ยนึกสงสัย
“พวกครึ่งมังกรพวกนั้น บางคนก็เป็นพวกหลุดจากฐานันดรน่ะ” กัปตันฮัดเดอร์พอได้ยินแบบนั้น เขาก็มองไปที่ครึ่งมังกรพวกนั้นก่อนจะอธิบายด้วยเสียงเบาๆ “พวกเขาบางคนก็เป็นชาวบ้านแบบเดียวกับเราเนี่ยละ”
เหมิงเหล่ยตกใจ “ชาวบ้านงั้นเหรอ มีชาวบ้านในหมู่พวกครึ่งมังกรด้วยเหรอครับ”
“แน่นอนซิ มังกรนั้นสูงศักดิ์แต่กำเนิดก็จริง แต่ครึ่งมังกรบางคนเกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ไม่ค่อยเป็นมงคล หรือไม่ก็ไม่ได้สืบทอดพลังมังกรอะไรมาเลย ครึ่งมังกรบางคนที่ทำตัวส่ำส่อนไปไข่ทิ้งไว้แล้วไม่ยอมรับความผิดแล้วทิ้งลูกเมียมาก็มี…” ฮัดเดอร์ส่ายหัว “ด้วยเหตุผลนี้ละทำให้มักจะมีเด็กครึ่งมังกรถูกทิ้งไว้ให้กลายเป็นเด็กกำพร้าแล้วเด็กพวกนั้นก็เติบโตมาโดยไร้ซึ่งครอบครัวคอยคุ้มกะลาหัว ไม่มีแม้แต่ชื่อ พวกเขาเลยกลายมาเป็นชาวบ้านแบบพวกเราเนี่ยละ”
“เข้าใจแล้ว”
เหมิงเหล่ยเข้าใจขึ้นมาทันที แม้แต่มนุษย์เองก็มีเรื่องอะไรแบบนี้เหมือนกัน พวกมังกรที่ไข่ทิ้งไว้แล้วทิ้งลูกทิ้งเมียไป มีเยอะจนเป็นเรื่องปรกติ อีกทั้งพวกครึ่งมังกรเองยังเป็นพวกที่อยู่เหนือกฎหมายตามธรรมชาติอยู่แล้วด้วย ดังนั้น การจะเย แล้วทิ้ง ปล่อยให้ลูกที่เกิดมาเป็นเด็กกำพร้ามันก็เป็นเองที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นชาวบ้านเหมือนกับเรา แต่การเป็นอยู่ของพวกเขานั้นก็จะมาเทียบกับเราไม่ได้อยู่ดี” กัปตันฮัดเดอร์ส่ายหัว “ถึงแม้ว่าจะเป็นครึ่งมังกรที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังเก่งพอๆกับนักสู้ชาวมนุษย์เก่งๆคนนึง แล้วด้วยค่านิยมทางสังคม ทำให้มันได้รับโอกาสจากการทำงานมากกว่ามนุษย์มาก”
“นั้นก็จริง”เหมิงเหล่ยพยักหน้าเงียบๆ
“มาเร็ว การสอบกำลังจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะ” ฮัดเดอร์ชี้ไปยังทิศทางที่มีคนมุงกันอยู่ พอพวกเขาเดินไปถึง ก็มีอัศวินสวมเกราะเดินเข้ามาหยุดพวกเขาไว้
“ท่านทั้งหลาย หยุดก่อน ค่าใช้จ่ายสำหรับการทดสอบเวทมนตร์ 10เหรียญทองต่อคน”
“เหมิงเหล่ย พวกเจ้าต้องเข้าไปแล้ว”
ฮัดเดอร์หยิบเหรียญทอง 40 เหรียญออกมาจากกระเป๋า ซึ่งเขาเตรียมมาก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนจะยื่นให้กับเหมิงเหล่ย สายตาของเขามองทั้ง4คนก่อนจะให้กำลังใจ “ขอให้เทพมังกรประทานพรแก่พวกเจ้าทุกคน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนจะสำเร็จตามที่หวังไว้”
“ครับ/ค่ะ!”
ทั้ง 4 คนพยักหน้า
มีคนมากมายเข้าร่วมการทดสอบเวทมนตร์ ผู้คนเข้ามาแล้วก็เดินจากไป และต่อแถวกันเข้าคิวยาวกว่า10แถว ภาพนี้มันคล้ายกับแถวคนเข้าคิวรอต่อซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้านในวันตรุษจีนเลย
“คนเยอะมากเลย นี้เราต้องรอนนานแค่ไหนกันเนี่ย”
เหมิงเหล่ยถอนหายใจก่อนที่จะจะมองหาแถวที่สั้นที่สุดแล้วเดินไปต่อแถวนั้น พอเขามองเห็นคิวยาวๆแล้วเขาก็อดปวดหัวไม่ได้
“พี่เหมิงเหล่ย ข้า…ข้ากลัว”
โจน่าห์ดึงแขนเสื้อของเหมิงเหล่ยไว้ สีหน้าเล็กๆของเธอนั้นดูตื่นตระหนกและกังวลมากๆ หน้าของเธอนั้นดูต่างจากสีหน้ามีชีวิตชีว่าก่อนหน้านี้ไปโดยสิ้นเชิง
“ใจเย็นๆนะ เรื่องแบบนี้ให้ชะตากำหนดเถอะ จะกังวลไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก”
เหมิงเหล่ยนั้นไม่รู้ว่าจะปลอบเธอยังไงดี เขาเลยพูดความเป็นจริงออกไป
แดดวันนั้นร้อนมากๆ ความร้อนของไอแดดมันแทบจะทนไม่ไหว อาณาจักรมังกรไฟนั้นตั้งอยู่ใกล้ๆกับป่าสัตว์วิเศษ ทำให้ภูมิอากาศของที่นี่นั้นคล้ายๆกับป่าดิบชื้นเขตร้อน และตอนนี้ การรอคอยนั้นเรียกได้ว่าเป็นการทรมานก็ยังได้
แต่ตอนนี้ คนส่วนมากนั้นไม่มีกระจิตกระใจมาสนใจความร้อนแล้ว ในใจของพวกเขาต้อนนี้เต็มไปด้วยความกดดันและความกังวล เพราะนี้เป็นช่วงเวลาที่โชคชะตาจะตัดสินพวกเขา
ถ้าพวกเขามีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ พวกเขาก็จะสามารถพุ่งทยานขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเดิม มีอนาคตที่สดใสรออยู่
แต่ถ้าไม่มี พวกเขาก็จะทำได้แค่คอตกเดินกลับไปทำอะไรเหมือนเดิม กลายเป็นแค่คนธรรมดาแล้วมองหาเส้นทางอื่น
“นี้มันโหดร้ายกว่าการสอบเข้ามหาลัยอีกนะเนี่ย” เหมิงเหล่ยถอนหายใจออกมาเงียบๆ “นี่มันการสอบวัดดวงชัดๆ ความพยายามไม่มีผลอะไรเลย!”
ตอนที่ยืนรออย่างใจจดใจจ่อนั้นเอง พวกเขาก็ได้เห็นท่าทีของคนที่เดินจากไปด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน
บางคนโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจแล้วกระโดดโลดเต้นออกไปด้วยความพอใจ
บางคนก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจเหมือนไม่พอใจในผลที่ออกมา
บางคนเจ็บปวดทรมานหัวใจ
ความโหดร้ายของความเป็นจริงนั้นมันจะปรากฏขึ้นมาชัดเจนแจ่มแจ้งที่นี้ ในวันนี้
แถวของพวกเขาค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หลังจากรอมาชั่วโมงกว่าๆ เหมิงเหล่ยกับทั้ง3 คนก็เดินมาถึงโต๊ะสอบ
มีกรรมการคอยเรียก 1 คน
มีคนคอยทดสอบ 1 คน
มีคนคอยจดบันทึกอีก 1 คน
พวกเขาทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นระเบียบมากๆ
ชายวัยกลางคนที่กำลังสะลึมสะลือ นั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังเอนหลังลงบนพนักพิง หัวผงกไปมา ดวงตาเหมือนจะปิดให้ได้ เขาเหมือนจะหลับนกอยู่ไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆทั้งนั้น
มีเครื่องมือทดสอบอยู่แค่ 2 อย่าง อย่างแรกคือลูกคริสตัลขนาดเท่าลูกบาส ด้านในเป็นสีใสที่ไร้ซึ่งมลทินหรือเศษใดๆ ลอยกลางอากาศเหมือนเพรชเจียระไน
อีกอย่างนึงคือ “เทอโมมิเตอร์” ยักษ์ขนาดสูงหลายฟุต กว้าง1 ฟุต ตั้งอยู่ด้านหน้าลูกคริสตัล มีเส้นสีแดงด้านในและตัวเลขด้านข้าง ดูไปดูมายังไงมันก็เหมือนเทอโมมิเตอร์ยังไงอย่างงั้น
“คนต่อไป”
ชายหนุ่มที่รับหน้าที่เรียกคนตะโกน ชายหนุ่มผมเหลืองแต่งตัวชุดผ้าคลุมสามัญชนตอบรับ แล้วรีบเดินเข้าไปทันที
อาจจะเป็นเพราะว่าเขากังวลเกินเหตุ มันทำให้ชายผมเหลืองคนนั้นประหม่าแล้วสะดุดล้มลงกับพื้นหน้ากระแทกเข้ากับลูกคริสตัลอย่างแรง
ทุกคนแถวนั้นขำออกมา ชายหนุ่มผมเหลืองยิ่งอับอายรีบยืนกลับขึ้นมา “ข…ขอโทษครับ ชื่อของข้าคือ พ๊อตเตอร์…”
“เจ้าจะชื่ออะไรก็ชั่ง เอามือแตะลงบนลูกคริสตัลได้เลย”
ชายหนุ่มที่คุมการทดสอบพูดขึ้นมาแบบไม่แยแส และไม่ได้สนใจฟังชื่อของเขาด้วยซ้ำ เพราะการทดสอบเวทมนตร์นั้น จะจดชื่อของคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์เท่านั้น
ส่วนคนที่ไม่มีพรสวรรค์ ไม่จำเป็นต้องสนใจ นั้นละคือความเป็นจริงอันโหดร้าย
“ค…ครับ”
พ๊อตเตอร์พยักหน้าแบบรีบๆ ก่อนที่จะกำมือแน่นก่อนจะเอื้อมมือไปกดลูกคริสตอล แล้วมองเข้าไปในลูกคริสตัลเหมือนกับกำลังรอการพิพากษา
เขาเครียดมากถึงขนาดกลั้นหายใจเอาไว้ ความกลัวนั้นเพิ่มขึ้นทุกวินาที เขากลัวว่าถ้าเขาทำอะไรพลาดไปการทดสอบจะคลาดเคลื่อน แล้วทำให้เขานั้น หมดคุณสมบัติไป
ชายหนุ่มที่คุมการสอบนั้นทำหน้าตาไม่สนใจตอนที่มองลูกคริสตัล ลูกคริสตัลที่เดิมที่มีสีใสส่องประกายออกมาด้วยแสงเหมือนกับมันถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้า แสงสีเหลืองอมน้ำตาล ผสมกับสีฟ้าหน่อยๆ ปรากฏออกมาจางๆในลูกแก้วนั้น
“ธาตุ : ดินระดับกลาง กับธาตุลมระดับต่ำ”
ชายหนุ่มที่คุมการสอบ พูดเบาๆ “เอาละต่อไปเจ้าไปทดสอบพลังวิญญาณนะ เห็นจุดสีแดงข้างใต้เครื่องวัดพลังวิญญาณไหม จงเพ่งพลังวิญญาณใส่มันให้มากที่สุดที่ทำได้เลยนะ”
เครื่องวัดพลังวิญญาณงั้นเหรอ
เหมิงเหล่ยมองดู เทอโมมิเตอร์ขนาดยักษ์แล้วมองเห็น จุดขนาดเท่าเหรียญนูนขึ้นมาเหมือนปุ่มด้านล่างของเครื่องนั้น
“…ท่…ท่านครับ เพ่งพลังวิญญาณ … ยังไงเหรอครับ”
พอตเตอร์หน้าแดงก่ำถามออกมาแบบติดๆขัดๆ
“บนจุดสีแดงนั้นมีอักขระเวทมนตร์อยู่ มันจะนำทางพลังวิญญาณของเจ้าโดยอัตโนมติ สิ่งที่เจ้าทำก็แค่มองจ้องเข้าไปในจุดสีแดงเท่านั้นละ”ชายหนุ่มพูด “พวกคนที่ต่อแถวอยู่ก็ฟังไว้ด้วยนะ พอถึงตอนพวกเจ้าทดสอบก็ต้องทำเหมือนกัน..”
“โอเคครับ”
พอตเตอร์รีบพยักหน้า สายตาจ้องไปที่จุดสีแดงที่อยู่ใต้เครื่องวัด
ทันใดนั้นเอง เส้นสีแดงที่อยู่ด้านในก็ค่อยๆขยับสูงขึ้นมาผ่านตัวเลขแล้ว ตัวเลขเล่า
นั้นน่ะเหรอ คือเครื่องวัดพลังวิญญาณ
ดูไปดูมายังไงก็ไม่เห็นต่างอะไรจากเทอโมมิเตอร์เลย ต่างกันแค่ อันนึงวัดพลังวิญญาณ อีกอันวัดอุณหภูมิแค่นั้น
หลังจากรอซักพัก เส้นสีแดงก็หยุดลง
ชายหนุ่มที่คุมการสอบขีดเส้นตรงปลายจุดที่เส้นสีแดงหยุดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมานิดนึง
“พลังวิญญาณ 23”
“เหนือกว่าคนที่อายุเท่ากัน 4 เท่า”
“ถึงเกณฑ์แบบคาบเส้น”
“ธาตุ ดินระดับกลาง กับธาตุลมระดับต่ำ”
ผลการประเมิน มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ สามารถเป็นจอมเวทได้”
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – ตอนที่ 18 การทดสอบเวทมนตร์ ความเป็นจริงอันโหดร้าย
Posted by ? Views, Released on October 14, 2021
, Picking Up Attributes From Today
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก
ในทวีปแดนสวรรค์ ทั้งเผ่ามังกร เผ่ายักษ์ เผ่าครึ่งสัตว์ เผ่าภูติ สัตว์เวทมนตร์ และเผ่าพันธ์อื่นๆต่างแย่งกันขึ้นเป็นใหญ่
เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกกระทำเยี่ยงทาสและต้องใช้ชีวิตอย่างต้อยต่ำ ในขณะที่เผ่ามังกรนั้นถือตัวเองเป็นขุนนางกดขี่ในทุกๆด้าน
แต่ถึงอย่างนั้น จุดเปลี่ยนก็ได้มาถึง
ชายหนุ่มนามเหมิงเหล่ย มนุษย์ผู้ถูกส่งมาจากโลกมนุษย์ถูกส่งมาให้กลายเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา
แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่”
จะเป็นเงิน สิ่งของ ไอเทม อาวุธ เวทมนตร์ ลมปราณ พลังวิญญาณ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือยอดระบบเก็บของ) ก็สามารถเก็บได้ทุกอย่าง
….
“จะฝึกเป็นจอมเวทหรือเป็นนักรบดีละ โว้ยเลือกยากจริง เป็นมันทั้ง2อย่างเลยละกัน”
ตามติดชีวิตของเหมิงเหล่ยสู่การเดินทาง เปลี่ยนชะตาจากชีวิตชาวบ้านธรรมดา สู่ตัวตนที่เหนือทุกสรรพสิ่ง ได้ใน
“ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment