บทที่ 12 สังหารซาลามันเดอร์ และ กลายเป็นนักรบระดับ 1
“เจ้าเด็กนั้นมันบ้าไปแล้วเหรอ มันคิดว่ามันจะล้มซาลามันเดอร์น้ำคลั่งได้เหมือนกับที่ฆ่ามดคันไฟเหล็กเหรอ”
“มดคันไฟเหล็กนั้นเป็นแค่สัตว์เวทมนตร์ระดับ1 แถมมันยังปางตายจากการโจมตีของเราแล้วด้วย นั้นเขาเองก็ถือว่าโชคดี แต่เจ้าซาลามันเดอร์นั้นมันไม่ใช่แล้ว เจ้านั้นมันยังแทบไม่ได้โดนโจมตีจังๆด้วยซ้ำ”
ตอนที่เห็นเหมิงเหล่ยกระโดดขึ้นไปบนหลังของมัน แล้วแทงอย่างบ้าคลั่ง เอริสันกับคนอื่นก็ต่างตกใจและขมวดคิ้วหน้านิ่วขึ้นมาทันที เจ้าซาลามันเดอร์นั้นเป็นสัตว์เวทมนตร์ระดับ2 แถมมันยังสบายดี แทบไม่บาดเจ็บอะไรเลยด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้ การที่เหมิงเหล่ยทำตัวบ้าบิ่นบุกเข้าไปโจมตีหวังจะฆ่าซาลามันเดอร์นั้น ทำให้เขาดูกลายเป็นไอ้เด็กเห่อห*อยที่ไม่รู้จักโตขึ้นมาทันทีเลย
ซึ่งความเป็นจริงมันก็เป็นแบบที่พวกเขาคิดไว้เป๊ะ
เพราะเหมิงเหล่ยนั้นพยายามสุดกำลังแล้ว แต่เขาก็ยังเจาะไม่ทะลุกระดูกสันหลังของมัน ไม่ใช่แค่เกราะของมันที่แข็งเหมือนเหล็ก แต่กระดูกของมันก็แกร่งเหมือนเพรชด้วย จะไปตัดขาดง่ายๆได้ยังไงกัน ในทางกลับกัน ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าไปที่หลังของซาลามันเดอร์อย่างรุนแรง ทำให้สัตว์เวทมนตร์ที่มีสายเลือดของมังกรน้ำอยู่ในตัวเล็กน้อย คลุ้มคลั่งขึ้นมา มันคำรามแล้วคำรามอีก สะบัดตัวไปมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับม้าป่าที่พยศพยายามจะสลัดเหมิงเหล่ยที่เกาะอยู่บนหลังให้หลุดให้ได้
เหมิงเหล่ยเองก็รู้กำลังของตัวเองดี เขารู้ดีด้วยว่าเขาต้องโดนดีดตกลงมาแน่ๆ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
เอาวะเป็นไงเป็นกันละวะ!
เหมิงเหล่ยกัดฟันตัวเองแล้วตะโกนในใจอย่างสุดพลัง “ระบบ เปลี่ยนทองทุกเหรียญของฉันให้กลายเป็นค่าร่างกายเดี๋ยวนี้ ฉันต้องการพลังมากกว่านี้!”
“ติ้ง แลกเปลี่ยนสำเร็จ ค่าร่างกายเจ้าของเพิ่มขึ้น + 23”
ติ้ง ยินดีด้วย เจ้าของได้เลื่อนระดับกลายเป็นนักรบระดับ1 โปรดพยายามอย่างหนักเพื่อไปให้ถึงขั้นต่อไป”
พลังงานล้นปลี่แทรกเข้ามาในอณูกล้ามเนื้อของเขา ทั้งกระดูกและเส้นเอ็นของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมิงเหล่ยรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งกร้าวพร้อมจะปลดปล่อยด้วยแรงระเบิดพลังที่มี
ในที่สุดฉันก็ได้กลายเป็นนักรบระดับ1!
สายตาของเหมิงเหล่ย ตั้งมั้นและมีพลัง มีดในมือของเขาแทงตรงลงไปอย่างสุดแรง เป้าหมายคือกระดูกสันหลังของซาลามันเดอร์อีกครั้งนึง
แกร๊ก!
เสียงกระดูกหักดังลั่นออกมา เหมือนเสียงเครื่องดนตรีจากสวรรค์ดังสะท้อนเข้ามาในหูของเขา ตามมาด้วยคลื่นพลังงานมหาศาลที่กระแทกฝ่าเท้าของเขาให้กระเด็นออกจากตัวของสัตว์ร้ายอย่างห้ามไม่ได้
เขากระเด็นออกมาก่อนจะลงจอดที่พื้นด้วยการเอาหน้าลงอย่างแรง แต่ถึงอย่างนั้น ความตื่นเต้นของเขาก็มีมากเกินกว่าจะรู้สึกเจ็บปวดตอนนี้ เขามองซาลามันเดอร์ที่ตัวสั่นไปทั้งตัวก่อนจะพูดออกมาพร้อมหัวเราะ “ตายไปซะ”
ตู้ม!!
ทันทีที่พูดจบ ซาลามันเดอร์ก็ทิ้งตัวลงกับพื้นพร้อมเสียงแรงกระแทกที่ดังลั่น มันกระแทกพื้นอย่างแรงจากนั้นก็หยุดหายใจไป
“ติ้ง ทำการสังหารสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 ซาลามันเดอร์น้ำคลั่ง ได้รับ 270 เหรียญทอง”
เสียงระบบแจ้งเตือนขึ้นมาตามเวลาที่เจ้าสัตว์ร้ายนั้นทิ้งตัวลงแล้วตายพอดีเป๊ะ เหมิงเหล่ยถอนหายใจแล้วหอบแห้งด้วยความโล่งอก “ฮ่า ในที่สุด… ฮ่า ก็ตายซักที ….ฮ่า อย่างน้อยก็ไม่เสียแรงเปล่าเลย!”
“เจ้านั้นมัน……ตายแล้วเหรอ?”
ทั้งทีมเอริสันตกใจใหญ่ อึ้งกิมกี่กันเป็นแถบๆ พวกเขามองดูซารามันเดอร์น้ำคลั่งตัวใหญ่ยักษ์ตาย จนพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าสมองของเขาทำงานผิดปรกติแฮงค์ช๊อตไปหมด
“เจ้านั้นมันตายได้ไงกัน”
“เป็นไปไม่ได้หน่า ใช่ไหม นั้นมันซารามันเดอร์น้ำคลั่งเลยนะ สัตว์เวทมนตร์ระดับ2 เลยนะ ให้ตายซิ”
“เห้ยไอ้หนู เจ้าฆ่ามันได้ยังไงกัน?”
เหมิงเหล่ยพยายามยันตัวเองขึ้นมาก่อนจะอธิบายด้วยรอยยิ้ม “โชคเข้าข้างข้าเฉยๆหน่ะ ข้าบังเอิญไปหักกระดูกสันหลังของเจ้านั้นได้พอดี มันเลยตายหน่ะ”
“อะไรนะ เจ้าว่าไงนะ หักกระดูกสันหลังเหรอ”
“บ้าหน่าเป็นไปไม่ได้ กระดูกของเจ้านั้นมันแข็งมากเลยนะ แล้วกระดูกสันหลังเองก็เป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกายมันลองมาจากฟันด้วย แล้วเจ้าไปหักกระดูกมันได้ยังไงกัน”
ไมโลที่ถือขวานเริ่มสงสัยกับคำอธิบายของเหมิงเหล่ย
บ๊อบบี้ เยล และเอริสันเองก็สงสัยเหมือนกัน พละกำลังของสัตว์วเวทมนตร์นั้นมีรอบด้าน ทั้งด้านร่างกาย ด้านความเร็ว ด้านความแข็งของเกราะ ด้านเวทมนตร์ ทั้งหมดนั้นแข็งแกร่งกว่าสัตว์เวทมนตร์ระดับ 1 ทั้งหมด ถึงแม้ว่าเหมิงเหล่ยจะสามารถฆ่าสัตว์เวทมนตร์ระดับ1 อย่างมดคันไฟเหล็กได้ก็ตาม แต่การจะฆ่าซาลามันเดอร์น้ำคลั่งนั้น มันยากกว่าหลายเท่า
“ไอ้คนพวกนี้มันหลอกยากชิบหายเลยโว้ย”
เหมิงเหล่ยคิดในใจก่อนจะตอบ “ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ก็ไปลองดูด้วยตัวเองเถอะ”
เยล ชายกล้ามโตมองเหมิงเหล่ยแล้วเริ่มไปตรวจศพของซาลามันเดอร์น้ำคลั่ง แล้วพบว่ากระดูกสันหลังของมันถูกหักขาดอย่างสิ้นเชิง เขาตะลึงแล้วถาม “เจ้าหนู เจ้าทำได้ยังไงกัน”
“ข้าเคยบอกแล้วไง ว่าข้าน่ะ แข็งแกร่งมาก”
…
การตายของซาลามันเดอร์ทำให้พวกของเอริสันมองเหมิงเหล่ยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความคิดของพวกเขา พัฒนาไปในด้านที่ดีเป็นอย่างมาก
การเป็นคนแข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ถึงแม้ว่าเหมิงเหล่ยจะยังอ่อนด้อยถ้าเทียบทั้ง4คน แต่เขาเองก็มีความสามารถในการต่อสู้ที่พอตัว เพียงพอที่จะทำให้เขามีตัวตนขึ้นมาได้
แน่นอนว่ามันทำให้ทั้ง 4 คนระแวงเหมิงเหล่ยมากกว่าเดิมด้วย เพราะว่าการพกไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ทำอะไรไม่ได้ไปไหนมาไหนไปด้วย นั้นแน่นอนว่ามันรู้สึกดีกว่า เอาไอ้เด็กที่จู่ๆก็หักคอสัตว์เวทมนตร์ได้ไปด้วยแน่ๆ พวกเขาเลยตั้งการ์ดระวังตัวกับเหมิงเหล่ยมากกว่าเดิม
เหมิงเหล่ยเองก็รู้สึกได้ถึงความหวาดระแวงนี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ยังไงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเพื่อนกับคนพวกนี้อยู่แล้ว เขาแค่อยากจะตามไปเก็บลูกผลึกกับหาตังไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง
หลังจากที่พวกเขาจัดการกับซารามันเดอร์เรียบร้อย ทั้ง4 คนจึงตัดสินใจพักก่อน เพื่อหาอะไรอร่อยๆกินแล้วค่อยออกเดินทางหลังจากกินเสร็จ พวกเขาเหนื่อยล้าหลังจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องมานานๆ
ยิ่งกว่านั้น วิวทิวทัศน์น้ำตกและสระน้ำที่นี้ ก็สวยงามด้วย น้ำที่นี่ก็ใส เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
ลอกหนัง เฉือนเนื้อ ทำความสะอาดแล้วก็ย่างเนื้อ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่เหมิงเหล่ยเชี่ยวชาญ เขาได้เตรียมเกลือกับเครื่องปรุงบางอย่างเอาไว้แล้วด้วย ทำให้พอย่างไปได้ซักพัก กลิ่นหอมก็โชยออกมาจากกองไฟทันที
“กลิ่นหอมชะมัดเลย”
“เจ้าหนู เอาอะไรใส่เข้าไปในเนื้อหน่ะ ทำไมเนื้อย่างมันถึงหอมได้ขนาดนี้กัน”
ทั้ง4คนเองก็ย่างเนื้อของตัวเองเหมือนกัน แต่เนื้อของแต่ละคนกลับไม่ได้มีกลิ่นหอมเหมือนกับที่เหมิงเหล่ยย่าง ทำเอาพวกเขาตะลึกมากๆ ถึงขนาดทักเข้ามาถามถึงเทคนิคในการย่างเนื้อ
“นั้นก็เพราะของพวกนี้ยังไงละ” เหมิงเหล่ยเอาเกลือและเครื่องเทศออกมาแล้วพูด “ข้าเตรียมพวกนี้มาก่อนที่จะออกจากหมู่บ้านหน่ะ พวกเจ้าก็ลองดูซิ เอาไปทาให้ทั่วเนื้อแล้วย่าง รสชาติมันจะอร่อยสุดๆไปเลยละ”
ทั้ง4 คนเริ่มสงสัย ถึงแม้พวกเขาจะรับมาลองเอาเครื่องปรุงไปทาเนื้อ แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้เชื่อเหมิงเหล่ยสนิทใจขนาดนั้น ถ้าเกิดที่ให้มาเป็นยาพิษละจะทำยังไง
จนกระทั้งเห็นเหมิงเหล่ยกินเนื้อที่เขาทาเครื่องปรุงลงไปโชว์ให้ดู พวกเขาถึงได้โล่งใจแล้วเริ่มทาเครื่องปรุงก่อนจะย่างเนื้อ อย่างมีความสุข
ทั้ง 4 คนนั้นหวาดระแวงมากเกินไปจริงๆ
เหมิงเหล่ยส่ายหัว
“รสชาติอร่อยมาก!”
“ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่านี้จะเป็นเนื้อสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 หน่ะ”
หลังจากกินเนื้อย่างอย่างอร่อยแล้ว ทั้งกลุ่มก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
อีกหลายวันต่อมา พวกเขาได้เผชิญหน้ากับทั้ง สัตว์เวทมนตร์ระดับ 1 และ ระดับ 2 ในขณะที่เหมิงเหล่ยเองก็รอเก็บผลึกแล้วรอลาสช๊อตตามภาษาคนขี้ขลาด
และเมื่อจบการเดินทาง กำไรที่เขาได้กลับมานั้นมหาศาลมาก ค่าความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
เจ้าของ เหมิงเหล่ย
เผ่า มนุษย์
ความมั่งคั่ง 916 เหรียญทอง
ค่าร่างกาย นักรบระดับ 1 (126/200)
ค่าวิญญาณ นักเวทฝึกหัด (13/100)
พลังเวท นักเวทฝึกหัด (26/100)
เวทมนตร์ วิชาลูกไฟ เถาวัลย์หนาม ฟองวารี เขย่าปฐพี เพลงดาบสายลม หมัดไฟร้อน
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – ตอนที่ 12 สังหารซาลามันเดอร์ และ กลายเป็นนักรบระดับ 1
Posted by ? Views, Released on October 14, 2021
, Picking Up Attributes From Today
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก
ในทวีปแดนสวรรค์ ทั้งเผ่ามังกร เผ่ายักษ์ เผ่าครึ่งสัตว์ เผ่าภูติ สัตว์เวทมนตร์ และเผ่าพันธ์อื่นๆต่างแย่งกันขึ้นเป็นใหญ่
เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกกระทำเยี่ยงทาสและต้องใช้ชีวิตอย่างต้อยต่ำ ในขณะที่เผ่ามังกรนั้นถือตัวเองเป็นขุนนางกดขี่ในทุกๆด้าน
แต่ถึงอย่างนั้น จุดเปลี่ยนก็ได้มาถึง
ชายหนุ่มนามเหมิงเหล่ย มนุษย์ผู้ถูกส่งมาจากโลกมนุษย์ถูกส่งมาให้กลายเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา
แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่”
จะเป็นเงิน สิ่งของ ไอเทม อาวุธ เวทมนตร์ ลมปราณ พลังวิญญาณ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือยอดระบบเก็บของ) ก็สามารถเก็บได้ทุกอย่าง
….
“จะฝึกเป็นจอมเวทหรือเป็นนักรบดีละ โว้ยเลือกยากจริง เป็นมันทั้ง2อย่างเลยละกัน”
ตามติดชีวิตของเหมิงเหล่ยสู่การเดินทาง เปลี่ยนชะตาจากชีวิตชาวบ้านธรรมดา สู่ตัวตนที่เหนือทุกสรรพสิ่ง ได้ใน
“ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment