ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 61 ปฏิเสธทุกการลงทุน

ตอนที่61 ปฏิเสธทุกการลงทุน
หยางหมิงใช้แรงทั้งหมดสะบัดร่างให้หลุดจากพวกรปภ. พร้อมพุ่งเข้าตบหงซิ่วด้วยความโกรธจัด ทว่าขณะนั้นเอง จ้าวเฉียนที่เพิ่งมาถึงรีบถีบประตูเข้าไปและฉุดหงซิ่วกลับไปด้านหลังจน และยกขาเตะหยางหมิงสวนคืนในทันใด
“โย่ว! นายน้อยหยางก่อเรื่องอะไรแต่หัววันครับ? มันจะเสี่ยนอะไรขนาดนั้น ถึงกับจะฉุดผู้หญิงกลางแจ้งเลยเหรอครับ?”
หยางหมิงกำลังเดือดดาลยิ่งในตอนนี้ ตะคอกสวนกลับไปชนิดไร้ซึ่งมายาทใดกลับไปว่า
“แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วยวะ!? หลบไปซะนี่มันไม่ใช่เรื่องของแก!”
“ถ้าฉันไม่หลบละ?”
“งั้นก็เจอกู!”
หยางหมิงรีบพยุงกายลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ แต่ก็ถูกจ้าวเฉียนถีบสวนกลับไปอีกดอกหนึ่ง
จ้าวเฉียนชื่นชอบถึงขั้นหมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก บางทีในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและหนาว เขายังถ่อไปยังวัดเส้าหลินเพื่อศึกษาพื้นฐานการต่อสู้ โตขึ้นมาอีกหน่อย ไม่ว่าเทควันโดหรือชกมวย เขาร่ำเรียนฝึกฝนจนเชี่ยวชาญโดยสิ้นแล้ว
เพียงสิบกระบวนท่าร่ายรำออกไป หยางหมิงกลิ้งเป็นลูกหมูชนิดที่ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฉียนเลย
ในเมื่อหยางหมิงตระหนักดีแล้วว่า ตนไม่มีทางเอาชนะจ้าวเฉียนได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามไปตามตรงอย่างมีเหตุมีผลว่า
“เดี๋ยวนะ แล้วแกมาทำอะไรที่นี่? แกไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่ได้เลยด้วยซ้ำ หรือหงซิ่วก็เป็นหนึ่งในสาวในสต๊อกแก?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวเอ่ยตอบไปว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้น พอดีฉันคิดว่าประธานหงมีระบบการทำงานที่ยอดเยี่ยม ก็เลยอยากมาหารือสำหรับโปรเจคการร่วมมือ บริษัทเกมของฉันกำลังพัฒนาเกมหนึ่งเพื่อนำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มเทียนซูว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันมา และคงปล่อยให้เธอถูกนายฉุดไปกลางวันแสกๆไม่ได้อยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะไปหารือกับใครล่ะจริงไหม?”
จ้าวเฉียนปรากฎตัวขึ้นในนามบริษัทเกมที่เข้ามาร่วมมือกับแพลตฟอร์มเทียนซูว หยางหมิงย่อมไม่มีสิทธิ์ต่อปากต่อคำอะไรได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงจากไปพร้อมความหมดหวัง อย่างไรเสีย เขาไม่มีทางปล่อยให้หงซิ่วอยู่ดีกินดีแน่นอน จึงต่อสายตรงไปหาหลิวซีทันที
“ฮาโหล หลิวซี ฉันอยากพบหลิวเปา หัวหน้าใหญ่ของแกหน่อย”
หลิวซีที่ได้ฟังแบบนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก หยางหมิงต้องการคิดต่อหาพี่เปาโดยตรงแบบนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องเตรียมใจจ่ายราคาเหนื่อยราคาแพงเพื่อให้พี่เปาช่วยเหลืออะไรสักอย่าง หากเขาสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างเล็กๆน้อยๆ ตัวหลิวซีเองย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะรีบจัดการให้โดยเร็วที่สุด เดี๋ยวผมโทรกลับไปใหม่ครับ”
“โอเค ขอตอนนี้เลย นี่เป็นเรื่องด่วนมาก ฉันต้องการความช่วยเหลือจากหลิวเปา ฝากบอกเขาด้วยว่า เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ตราบเท่าที่ช่วยฉันได้ ก็ยินดีจ่ายตามพอใจ”
“ฮ่าฮ่า…ไม่มีปัญหาเลยครับนายน้อยหยาง รอรับมือถือผมได้เลย จะรีบติดต่อหาพี่เปาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หยางหมิงฮัมเพลงพลางวางสายไกป ขณะนี้เขากำลังจินตนาการถึงภาพฉากที่หงซิ่วโดนกลุ่มชายโฉดรุมกินโต๊ะบนเตียงอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
หงซิ่วพาจ้าวเฉียนเข้ามาในห้องทำงานและเอ่ยถามขึ้นว่า
“ถ้าต้องการปรึกษาอะไร วันหลังประธานจ้าวก็โทรมาได้นะค่ะ ไม่เห็นต้องลงทุนมาที่นี่เป็นการส่วนตัวเลย”
จ้าวเฉียนรินน้ำในเยือกให้และกล่าวขึ้นว่า
“ฉันมีธุระกับบริษัทข้างๆพอดี เลยแวะมาดูหน่อย อ่อแล้วก็…ถ้าวันหลังหยางหมิงมาที่นี่อีก เธอควรรีบโทรหาใครสักคนให้มาช่วยทันที อย่าเสียเวลากับคนแบบเขาเลย ถ้าวันหน้ามันกล้าล้ำเส้นอะไรมากกว่านี้ก็อย่าได้เกรงใจ โทรเรียกตำรวจมาสจัดการเลย”
หงซิ่วรีบพยักหน้าตอบทันที ก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวานพร้อมท่าทีที่ดูอ่อนน้อมขึ้นหลายส่วน
“เข้าใจแล้วค่ะ เอ่อ…ประธานจ้าว คืนนี้คุณพอมีเวลาว่างไหมค่ะ? ดิฉันอยากเลี้ยงมื้อเย็นสักครั้ง ถือเป็นคำขอบคุณที่คุไว้วางใจในการบริหารงานของดิฉัน ถ้าตอนนั้นคุณไม่เข้ามายื่นมือช่วยเหลือ แพลตฟอร์มเทียนซูวคงปิดตัวลงไปนานแล้ว”
จ้าวเฉียนส่ายหัวเล็กน้อยและเอ่ยตอบปนติดตลกไปว่า
“พอดีคืนนี้ผมมีนัดแล้วน่ะสิ วันหลังพวกเราค่อยไปเดทกันเนอะ?”
หงซิ่วหน้าแดงกล่ำทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แม้เธอจะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยักหน้าตอบพร้อมยิ้มตอบไปว่า ไม่เป็นไร
นี่เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว จ้าวเฉียนกับหวานเจียงนัดพบกันที่โรงแรมตงไห่
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในห้องอาหารส่วนตัว จ้าวเฉียนก็เปิดฉากทักแหย่อีกฝ่ายไปก่อนว่า
“เป็นอะไรหรือเปล่า? หน้ามุ่ยเป็นตูดลิงเชียว? จะไปว่าพวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบเดือนแล้ว คุณคิดถึงผมบ้างรึเปล่า?”
หวานเจียงกลอกตามองบนด้วยความหน่ายใจ เธอตอบไปว่า
“เลิกพูดจาน้ำเน่าได้แล้ว กองถ่ายทำ《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ซีซั่นแรกใกล้จะเสร็จสิ้นแล้วรึยัง? ฉันแค่อยากถามถึงแผนการประชาสัมพันธ์หลังจากนี้ นายวางแผนจะทำยังไงบ้าง?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปแค่ว่า เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้ หน้าที่มีแค่นั่งรอรับเงินปันผลไปก็พอ
หวานเจียงรู้สึกไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอไม่ต้องการอยู่เฉยๆและรับเงินปันผล แต่อยากมีส่วนร่วมในธุรกิจของจ้าวเฉียนให้มากกว่านี้
“จ้าวเฉียน นายแค่รับผิดชอบในส่วนการถ่ายทำไป ปล่อยให้ฮวาหยินกรุ๊ปดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์และโปรโมตจะดีกว่านะ”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มสีเย็น เอ่ยตอบสีหน้าจริงจังกลับไปว่า
“หวานเจียง ถ้าจำไม่ผิดฉันขายลิชสิทธิ์ให้เธอไปแค่40% ว่ากันตามข้อกฎหมายเธอไม่มีสิทธิ์มาแทรกแซงธุรกิจของฉันจริงไหม?”
หวานเจียงเห็นว่ารอบนี้จ้าวเฉียนไม่ติดตลกแบบก่อนหน้า เธอจีงรีบอธิบายไปว่า
“ทำไมนายถึงหัวเสียง่ายขนาดนี้ อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันแค่อยากช่วยแบ่งเบาภาระให้เฉยๆ”
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือ! แล้วอย่าพูดเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต ไม่งั้นฉันเอาหุ้นคืนทั้งหมด!”
“แล้วฉันที่มีหุ้นตั้ง40% จะไม่ให้ทำอะไรเลยงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง! ในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่าเธอมีหุ้นแค่40% ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายเรื่องภายใน!”
หวานเจียงโมโหอย่างมากที่ถูกจ้าวเฉียนตะคอกใส่ เจ้าหมอนี่มันกลัวเธอโกงขนาดนั้นเลยเหรอ?
จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า
“ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง นั่งรออยู่เฉยๆก็ได้เงินปันผลแล้ว?”
หวานเจียงกลอกตาอีกคราหนึ่ง และไม่สนใจอีกฝ่ายใดๆทั้งสิ้น
คล้อยหลังไม่นาน จ้าวเฉียนก็พลันนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่พบกัน และเอ่ยถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุคราวนั้นว่า
“เธอคิดว่าใครเป็นคนร้าย?”
 หวานเจียงส่ายหัวตอบโดยไว และกล่าวตอบไปว่า ระยะนี้เธอเองก็เฝ้าสังเกตผู้คนรอบตัวโดยตลอดเช่นกัน แต่ก็ไม่เห็นมีใครผิดสังเกตเลยสักคน
จ้าวเฉียนพยักหน้าและไม่เอ่ยกล่าวอันใดอีก ขณะที่มื้ออาหารใกล้สิ้นสุดลง หวานเจียงก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า
“ฉันมีเรื่องจะปรึกษานายหน่อย เรื่องแกล้งเป็นแฟนกดัน ขอให้มันยุติลงตรงนี้เลยได้ไหม?”
จ้าวเฉียนวางตะเกียบลงพร้อมหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะถามว่า.
“ทำไม?”
“อีกไม่กี่วัน เพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนของฉันจะบินกลับมาจากอเมริกา แล้วฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่า ฉันมีคนรักอยู่แล้ว”
เหลือบสังเกตเห็นท่าทีเก้อเขินของหวานเจียง จ้าวเฉียนทราบทันทีว่า เพื่อนร่วมชั้นคนดังกล่าวคนไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดา
“ก็แค่เพื่อนร่วมชั้นตอนเรียน? ฉันให้โอกาสเธอพูดใหม่ เพื่อนหรือหวานใจกันแน่?”
หวานเจียงกลอกตาซ้ำหลายรอบ จ้องอีกฝ่ายตาเขม็งก่อนบ่นขึ้นว่า
“นายนี่มันจู้จี้จุกจิกจริงๆ เป็นเพื่อนสาวของฉันรึไง? ตอนที่พวกเราเรียนอยู่อเมริกาเขาก็ตามตื้อฉันอยู่พักใหญ่ เพียงว่าฉันต้องกลับมาที่จีนก่อนเพื่อรับช่วงต่อธุระกิจ แล้วตอนที่กลับมาฉันก็ไม่ได้สัญญาอะไรกับเขาสักคำเลย อันที่จริงพอตอนนี้ทุกอย่างเริ่มลงตัว ฉันก็เลยคิดว่าจะลองเปิดใจกับเขาด้วนสักครั้ง พอดีเขาเองก็กำลังจะกลับมาจีนแล้วเช่นกัน แถมยังมองหาโครงการใหญ่ที่จะลงทุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นผู้ชายที่มองการณ์ไกล  รู้จักวางแผน และฉันน่าจะลองคุยกับเขาดูอีกสักครั้ง”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“เข้าใจแล้ว แต่ถึงแบบนั้นฉันคงทำตามคำขอของเธอไม่ได้ ตอนนี้ฉันยังจำเป็นต้องใช้เธอเพื่อปั่นประสาทหยางหมิง รอให้ฉันจัดการหยางหมิงได้อยู่หมัดก่อน ถึงตอนนั้นเธอจะไปทำอะไรก็ตามสบาย แต่ตอนนี้พวกเรายังต้องแกล้งเป็นแฟนกันต่อไป”
หวานเจียงไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ว่าเธอจะยกเหตุผลอะไรออกมาพูด จ้าวเฉียนก็ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวเลย ในท้ายที่สุดเธอลุกขึ้นและจากไปพร้อมท่าทีหงุดหงิดอย่างอดไม่ได้
จ้าวเฉียนดื่มซุปล้างปากก่อนเดินออกไปและขับรถกลับคฤหาสน์ของเขาโดยตรง
เช้าวันรุ่งขึ้น ยังไม่ทันที่จ้าวเฉียนจะตื่นนอน เสียงเรียกเข้าวิดีโอคอลก็ดังขึ้น เขารีบเปิดกล้องทันทีด้วยความมึนงง
“ประธานจ้าว เฟยอวี่กรุ๊ปส่งคนมาที่นี่พร้อมยื่นคำขาดขอลงทุนร่วมกับแพลตฟอร์มของเรา ตอนนี้พวกเขายืนรอไม่ไปไหนมานานกว่าชั่วโมงแล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่ยอมจากไปไหนเลย และต้องการจะลงทุนกับพวกเราให้ได้ ดิฉันควรโทรแจ้งตำรวจเลยไหมค่ะ?”
จ้าวเฉียนพยักดหน้าตอบกลับทันทีว่า
“โทรแจ้งตำรวจเลย! โทรแจ้งแล้วรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทางตำรวจฟัง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหลังจากนี้ ฉันจะปกป้องคุณเอง”
“เข้าใจแล้วค่ะ อีกเรื่องหนึ่ง…ตอนเช้าวันนี้ อู๋เหว่ยฉี CEOของแพลตฟอร์มสวอนติดต่อมาหาฉัน เขาต้องการจับมือกับทางเรา ไม่ว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ ทางนั้นก็ยินดีจ่ายให้หรือจะเข้าซื้อกิจการโดยตรงเลยก็ได้ ทั้งนี้ยังขอให้ฉันไตร่ตรองให้ดี เพราะทางนั้นบอกว่าฝ่ายตนมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัทฟูจิโมริ กรุ๊ป คอยหนุนหลังอยู่ ประธานบริษัทฟูจิโมริ กรุ๊ป หม่าเติง มีทรัพย์สินสุทธิรวมกว่าหมื่นล้านหยวน ดังนั้น อย่าสร้างปัญหาให้พวกเขาเลยจะดีกว่า”
มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินสุทธิรวมหลายหมื่นล้านนับเป็นชนชั้นระดับกลางในบรรดามหาเศรษฐีทั้งหมด สำหรับจ้าวเฉียนไม่มีอะไรจะต้องกลัวเลย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจำต้องกล่าวปลอบใจหงซิ่วไปว่า
“ไม่จำเป็นต้องกลัว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ปฏิเสธเอาไว้ก่อน พวกฟูจิโมริ กรุ๊ปแล้วยังไงล่ะ? ทรัพย์สินแค่ไม่กี่หมื่นล้าน ฉันเองก็มี ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!”
หงซิ่วยืนแข็งค้างตกตะลึงไปสองสามวิ ก่อนจะเอ่ยตอบไปว่า
“เอ่อ…เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันรู้ว่าควรทำยังไงต่อไป ถ้างั้นดิฉันขอวางสายก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะประธานจ้าว”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและกดสิ้นสุดการคอลวิดีโอไป ในความเห็นของเขา หากแพลตฟอร์มเฟยอวี่ประสบความล้มเหลวในการลงทุนกับเทียนซูว พวกเขาจะต้องจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรขึ้นมาเฉพาะกิจ เพื่อโค้นล้มเทียนซูวก่อนแน่นอน แทนที่จะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ คงเป็นการดีกว่าหากคิดแผนการตอบโต้รอไว้แต่เนินๆ
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ จ้าวเฉียนก็ตัดสินใจที่จะเปิดฉากโจมตีสามแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ก่อนเลยอย่าง เฟยอวี่ สวอน และหลงย่า อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ฐานของพวกเขาสั่นคลอน
ผู้ชมทุกคนล้วนมีจุดยินเฉพาะบุคคล ตราบใดที่จ้าวเฉียนสามารถกว้านซื้อสตีมเมอร์ชั้นแนวหน้าของแพลตฟอร์มต่างๆมาได้ ย่อมจะสามารถดึงผู้ชมไปด้วยได้โดยธรรมชาติ และเมื่อแพลตฟอร์มไร้ซึ่งผู้ชม ในไม่ช้าก็จะล้มละลายเข้าในสักวัน

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset