ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 15 รนหาที่ตาย

ตอนที่15 รนหาที่ตาย
ยามนี้เห็นว่าสีหน้าของอู๋ซินแดงก่ำด้วยความเขินอายเจือหวาดกลัว จ้าวเฉียนก็ละอายเกินกว่าจะแกล้งเธอต่อแล้วเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงกล่าวขึ้นว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่คิดจะฉกฉวยโอกาสนี้เอาเปรียบเธอแน่นอน และก็ไม่ได้ขอให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้ขอปิดเป็นความลับก่อน เธอจะรู้โดยธรรมชาติเมื่อเวลานั้นมาถึง”
อู๋ซินพยักหน้าตอบและไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก
หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง อู๋เกาฉิงก็กลับมาพร้อมท่าทีเร่งีบทันทีที่เดินมาถึงประตูบ้าน เขาก็พยายามเอื้อมไปจับลูกบิดพร้อมหอบเงินกองโตในอ้อมกอด เห็นจ้าวเฉียนกับลูกสาวตนออกมาหาก็รีบพูดขึ้นด้วยความตื่นอกตื่นเต้นขึ้นว่า
“โอ้! ฉันไม่คิดจริงๆ เลยว่าเจ้าหนุ่มนี่จะพัฒนาตัวเองได้ไกลถึงขนาดนี้! เรื่องแต่งการกับเสี่ยวซิน นายจัดการเองได้ตามความเหมาะสม”
“ฮ่าฮ่า…งั้นก็ดีครับ ผมพาเธอออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกได้แล้วใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา ไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและพาอู๋ซินออกไปกับเขา
“ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ ฉันจะไปหาแม่ยายกับแม่แกคืนนี้ ดังนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน! เธอไม่ต้องกลับมาที่นี่ก็ได้ ไปนอนค้างกับเจ้าหนุ่มสักคืนพ่อก็ไม่ว่า!”
สิ่งที่อู๋เกาฉิงพูดไปสื่อคาวมหมายได้ชัดเจน เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นลูกสาวตัวเองนอนกับจ้าวเฉียน
อู๋ซินกรอกตารำคาญใจอย่างที่สุด พ่อของเธอพูดมาได้ไม่กระดากปาก
ถึงเวลาอาหารกลางวัน จ้าวเฉียนถามอู๋ซินไปว่า เธออยากกินอะไรและเขาขอเป็นคนเลี้ยงเอง
อู๋ซินตอบกลับทันทีว่า
“นายเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ แล้วยังต้องให้นายมาเลี้ยงอีกเหรอ? ฉันเลี้ยงเอง นายอยากกินอะไร?”
แต่อย่างไร ครอบครัวของอู๋ซินมีฐานะธรรมดาทั่วไป จ้าวเฉียนไม่ค่อยอยากให้เธอควักเงินจ่ายเองเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงบอกไปว่า ถ้าเธออาสาเลี้ยงฉันจริงๆ ก็กินอะไรก็ได้ง่ายๆ เขาเป็นพวกไม่ค่อยจู้จี้จุกจิกเรื่องการกิน
อู๋ซินพยักหน้าและนำทางจ้าวเฉียนให้ขับไปยังร้านอาหารหม้อไฟ หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เดินออกไปเคียงข้างกันและกัน
ทันทีที่ออกมา ก็บังเอิญพบกับหยางหมิงมาพร้อมกับผู้ประกาศข่าวสาวคนดังในอินเทอร์เน็ตที่กำลังสวมกอดโอบเอวกันอยู่
เมื่อเห็นว่าอู๋ซินเดินคู่มากับผู้ชาย หยางหมิงก็โกรธเป็นฝืนเป็นไฟทันที
“นี่เธอ! ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน?! แกเป็นอะไรกับเธอ?!”
อู๋ซินก้าวออกมาตอบแทนทันทีว่า
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
คล้อยหลังพูดจบ เธอก็พาจ้าวเฉิยนและกำลังจะจากไป
หยางหมิงรู้สึกราวกับตนถูกหญิงสาวคนนี้ทำให้อับอายอย่างมาก เขาพุ่งไปกระชากแขนจ้าวเฉียนโดยทันที และตะคอกใส่ว่า
“ไอ้เวร! แกกล้าสัมผัสผู้หญิงของฉันเหรอ! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร! เล่นด้วยผิดคนแล้วไอ้สวะ! อยากตายนักใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนหัวเราะเยาะขึ้นคำหนึ่ง ตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า
“ฉันเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณพอสนองให้ผมได้ไหม?”
“ฮ่าฮ่า…ดี! วันนี้อยากกินอะไรก็รีบกินซะ เพราะหลังจากนี้แกเตรียมรอฉันสนองได้เลย!”
“อ่า…เพิ่งกินอิ่มพอดีเลย ไม่จำเป็นต้องรอหรอก จะทำอะไรก็รีบทำ ไม่งั้นผมจะพออู๋ซินไปเข้านอนแล้ว”
หลังพูดดังนั้นไป จ้าวเฉียนก็จงใจเอื้อมมือไปสวมกอดอู๋ซินและเดินจากออกไป
หยางหมิงจะทนให้อีกฝ่ายหยามหน้าแบบนี้ได้ยังไง? เขาพุ่งติดตามอีกฝ่ายออกไปทันที
แต่สาวชาวเน็ตคนดังที่อยู่ข้างกายกลับหยุดเขาไว้ก่อน กอดแขนซบเขาแน่นและพูดปลอบขึ้นว่า
“โอ้ย ทำไมนายถึงต้องสนใจเธอคนนั้นด้วย ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย”
หยางหมิงสะบัดมือปัดหญิงสาวคนดังออกไปจนร่างเซถอยกลับไป พร้อมตะคอกใส่ว่า
“อย่างแกจะไปรู้อะไร! แกบริสุทธิ์เหมือนมันหรือเปล่าล่ะ? อีกอย่างนี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ฉันหยางหมิงคนนี้ยังไม่เคยเลยแม้แต่จับมือด้วยซ้ำ แล้วไอ้เวรนั่นมันเป็นใครวะ! อู๋ซิน เธอทำให้ฉันโกรธจริงๆ แล้ววนะ เดี๋ยวก่อนเถอะ ฉันจะทำให้ไอ้เวรนั่นต้องคุกกเข่าขอขมาฉัน!”
สาวชาวเน็ตคนดังที่ถูกกระทำใส่แบบนี้ก็เริ่มมีน้ำโห่แล้วเช่นกัน เธอเอ่ยถามเขาทันทีว่า ยังอยากจะกินหม้อไฟอยู่อีกไหม?
“กินกับผีสิ! ฉันไม่มีอารมณ์กินแล้ว! ไป! ไปโรงแรมกัน! ฉันจะให้เธอกินของฉันจนเต็มอิ่มเลย!”
“เป็นบ้าไปแล้วรึไง!”
พูดแบบนี้กับเธอต่อหน้าสาธารณะมันหยามเหยียดเธอเกินไป สาวชาวเน็ตคนดังทนไม่ไหวกับชายคนนี้อีกแล้ว จึงสะบัดหน้าเดินจากไปทันที
หยางหมิงไล่ตามไปพร้อมกระชากแขนเธอกลับมาอย่างแรง ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขายกฝ่ามือตบหน้าเธอไปทีหนึ่ง
“แกจะไปไหน! ไปโรงแรมกับฉันเดี๋ยวนี้! ฉันจะเล่นแกให้สมใจอยากเลย!”
พอกล่าวจบ หยางหมิงก็บังคับให้สาวชาวเน็ตคนดังขึ้นรถและขับไปโรงแรมทันที
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฉียนและอู๋ซินทั้งคู่อยู่ในรถกันแล้ว และเป็นอู๋ซินที่ปริปากเริ่มหัวเราะขึ้นในทันที
“สะใจเหรอ? ที่ได้หยามหน้าอีกฝ่าย?”
“ไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แล้ว เห็นหน้าหมอนั่นไหมล่ะ?”
อู๋ซินหัวเราะคิกคักพลางยกมือป้องปากเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามจ้าวเฉียนว่า เรากำลังจะไปที่ไหนกันต่อ
“ไปอู๋ซ่อมรถของพี่ชายเธอ ฉันต้องการคุยกับเขาเรื่องขอความร่วมมือหน่อยน่ะ”
เห็นเธอพยักหน้าตกลงแบบนั้น จ้าวเฉียนก็บึ่งรถออกไปทันที
แต่ก็บังเอิญเหลือเกิน จ้าวเฉียนดันขับรถผ่านหน้าหยางหมิงพอดิบพอดี จึงจงใจบีบแตรใส่สักชุดใหญ่
“ไอ้เวร! ยาจกชิบหาย! ขับแค่จากัวร์ยังกล้าเทียบชั้นกับฉันผู้นี้! แกไม่มีทางรอดแน่นอน! รอตอนที่แกต้องมาคลานเข่าขอขมาฉันเถอะ แกต้องมาเลียเท้าฉันเพื่อขอความเมตตา!”
ในไม่ช้าจ้าวเฉียนก็พาอู๋ซินไปที่อู๋ซ่อมรถของอู๋เลอ และทันทีที่อู๋เลอเห็นว่าน้องสาวของตนอยู่กับไอ้หนุ่มคนเดิมอีกแล้ว เขาก็โมโหเป็นฝืนเป็นไฟ เพราะอย่างไร ท้ายที่สุดนี้เขาก็เป็นพี่ชายคนหนึ่งที่รักน้องสาวตนเองเป็นอย่างมาก และทนไม่ได้หากน้องสาวตนเองต้องทนลำบากกับชายไร้หัวนอนปลายเท้า ดังนั้นจึงตะโกนด่าจ้าวเฉียนดังมาแต่ไกล
“ไอ้เวรนี่ สิ่งที่ฉันเตือนไปมันไม่เข้าหัวนายเลยใช่ไหม!”
อู่เลอตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของจ้าวเฉียนทันทีที่ลงจากรถมา
“พี่ หยุดนะ!”
อู๋ซินรีบตรงเข้าไปหยุดพี่ชายไว้ทันที แต่ก็ถูกอู๋เลอผลักออกไป
“เธอยืนอยู่ตรงนี้แหละ จัดการไอ้หมอนี่เสร็จ เตรียมรอฉันสวดได้เลย!”
แต่ทันใดนั้นเอง จ้าวเฉียนใช้จังหวะนี้จับข้อแขนอีกฝ่ายและบิดดังกร๊อบ เขาค่อยๆ บิดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอู๋เลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย! เจ็บเจ็บเจ็บ…”
จ้าวเฉียนกล่าวพร้อมสีหน้าเย็นชาว่า
“อย่าเพิ่งใจร้อนไป”
“แกจะเอายังไง! คิดว่าพวกเราสองพี่น้องเป็นพวกกินหญ้ารึงไง อย่ามาหลอกน้องสาวฉันนะเว้ย! พวกแก! ช่วยฉันด้วย!”
เมื่อได้ยินเสียงของอู๋เลอตะโกนร้องเรียกให้ช่วย เหล่าคนงานอู๋ก็รีบวิ่งออกมาพร้อมเครื่องมือเหล็กพร้อม
บางคนคว้าไม้หน้าสามที่ใกล้มือมา บางคนวิ่งไปหยิบค้อน ส่วนอีกคนวิ่งไปหยิบประแจ…
“ปล่อยพี่เลอเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันตีนะโว้ย!”
“ปล่อยพี่เลอซะ!”
อู๋ซินกังวลว่าคนพวกนี้จะถึงขั้นลงไม้ลงมือจริงๆ และจ้าวเฉียนอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ดังนั้นเธอจึงรีบห้ามปราบทุกคนทันที และเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่จ้าวเฉียนมาหาในวันนี้
อู๋เลอยิ้มเยาะและเอ่ยถามว่า
“มาหารือกับฉัน? จะให้การสนับสนุนงั้นเหรอ? ไร้สาระ!”
“พี่! ทำไมพูดแบบนี้! จ้าวเฉียนต้องการคุยกับพี่เรื่องการสนับสนุน เพื่อให้ตัวพี่เองได้กลับสู่สนามแข่งอีกครั้งไง! มันเป็นความใฝ่ฝันของพี่ไม่ใช่เหรอ?”
ทุกคนต่างปิดปากเงียบสงัดลงทันที เรื่องต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอู๋เลอแล้ว
อู๋เลอชะงักค้างแข็งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นทันที
“เห็นพี่เป็นเด็กสามขวบรึไง! คนที่ติดหนี้สินจ่ายแบ่งจ่ายเงินจำนวน200,000เป็นเวลาตั้งห้าปี จะไปสนับสนุนอะไรฉันได้ นี่ไม่ใช่เกมแข่งรถนะเสี่ยวซิน?”
อู๋ซินรีบอธิบายต่อทันทีโดยเร็วว่า จ้าวเฉียนเพิ่งถูกรางวัลที่1มา ได้เงินรางวัลเป็นจำนวนหลายล้านหยวน
อู๋เลอยิ้มบางอีกคราและพูดว่า
“นายรู้ไหมว่านักแข่งรถทั่วไปมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ภายในหนึ่งปี? อย่างประหยัดที่สุดก็ปาเข้าไป2ล้านแล้ว นายจะจ่ายให้ฉันได้สักกี่ปีเชียว? และนายเองคงไม่ถูกรางวัลที่1ทุกงวด!”
จ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำว่าสองล้าน และเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักขึ้นว่า
“เอิ่ม…นี่มันจำนวนไม่น้อยเลย!”
อู๋เลอเอ่ยตอบพร้อมท่าทีเย้ยหยัน
“นายเข้าใจก็ดีแล้ว! รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ! และอยู่ให้ห่างจากน้องสาวฉันไว้!”
อู๋ซินเผยสีหน้าโศกเศร้าออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เงินจำนวนสองล้านมันมากเกินไป แค่ให้พ่อของเธอก็เป็นจำนวนล้านนึงเข้าไปแล้ว ตอนนี้จ้าวเฉียนไม่มีทางควักเงินสองล้านออกมาให้แน่นอน
แต่ขณะเดียวกัน จ้าวเฉียนก็หยิบสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋า และเซ็นเงินจำนวนสองล้านให้กับอู๋เลอ
“นี่คือเงินรางวัลที่เหลือทั้งหมดของฉัน คุณเอาไปเถอะ”
อู๋เลอตกตะลึงอย่างยิ่ง เจ้าเหมอนี่ยอมมอบเงินสองล้านให้เขาจริงๆ เหรอ?
อู๋เลอรีบเอื้อมมือไปหยิบเช็คใบนั้น แต่ก็ชะงักทันทีพร้อมเอ่ยคำถามหนึ่งกับจ้าวเฉียนขึ้นว่า
“นี่นาย…จะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนี้ใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนหัวเราะ เอ่ยตอบกลับไปว่า
“ในเมื่อผมตัดสินใจหยิบออกมาแล้ว ผมไม่มีวันเสียใจทีหลังแน่นอน แต่ผมเองก็มีข้อแม้ หากทำไม่ได้ คุณจะไม่ได้รับเงินก้อนนี้ไป”
อู๋เลอเอ่ยถามเขาอย่างระมัดระวังว่าข้อแม้ที่ว่าคืออะไร

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset