มีรุ่นพี่มัธยมปลายและผู้ปกครองมากมาย พวกเขาเร่งรีบมาในเวลาเดียวกัน
เสียงของพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่หนิงฉิงคิด นักเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นถ้าไม่มีผลการเรียนดี ก็มาจากตระกูลที่ดี หรือไม่ก็มีสังคมที่ดี
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ หนิงฉิงเป็นแม่ที่เปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่นมานานแล้ว
เมื่อก่อนตอนที่เธอมาที่โรงเรียนอีจง เธอกับฉินอวี่เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ฉินหร่านกลับถูกพูดถึงมากกว่า
หนิงฉิงค่อนข้างอึดอัด
“คุณนายเฉียว” เธอเห็นรูปร่างที่คุ้นตาตรงหน้า จึงเผลอเรียกโดยไม่รู้ตัว
“คุณนายหลิน” ผู้พูดสวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน เธอดูสุภาพ พูดจานุ่มนวลและดูคล่องแคล่วต่างจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและดูไร้เดียงสาที่อยู่ข้างๆ เธอ
เฉียวเซิงชำเลืองมองเธอแต่สายของเขาล่อกแล่ก “รีบหน่อยครับ แม่”
คุณนายเฉียวกล่าวขอโทษหนิงฉิง และเดินไปด้านข้างกับเฉียวเซิง
เธอยังได้ยินเสียงกระซิบของเธอกับเฉียวเซิง “เธอกังวลที่ฉินหร่านกับพี่ชายของเธอจะหนีไม่พ้นใช่ไหม”
ธุรกิจครอบครัวของเฉียวเซิงประสบความสำเร็จทั้งในปักกิ่งและต่างประเทศ แม้ว่าคุณพ่อเฉียวจะทำธุรกิจเปิดใหม่แต่เขาเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริงๆ ในอวิ๋นเฉิงลือกันว่าคุณนายเฉียวเป็นสุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่ง
หนิงฉิงไม่รู้เรื่องของสังคมชั้นสูงเหล่านี้มากนัก แต่เธอรู้ว่าทุกคนในอวิ๋นเฉิงต่างเกรงกลัว ตระกูลเฉียว
เมื่อก่อนเพราะฉินอวี่ หนิงฉิงจึงได้คุยกับคุณนายเฉียวแค่ไม่กี่คำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนิทกัน เฉียวเซิงซุกซนและเข้าใกล้ได้ยาก
แต่ตอนนี้หนิงฉิงฟังพวกเขาสองคนพูดถึงฉินหร่านประหนึ่งเป็นเพื่อนเก่ากัน
“อวี่เอ๋อร์…” หนิงฉิงไม่ค่อยโดนดูถูกเหยียดหยามเท่าไรนักในโรงเรียนของฉินอวี่ จึงรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่จะไม่พอใจ เธอไม่รู้จึงถามฉินอวี่ “ในโรงเรียนของเธอมีคนชื่อฉินหร่านอีกหรือเปล่า”
ฉินอวี่ก้มหน้าลงและไม่ยังตอบคำถามในทันที
เธอยังรู้สึกหดหู่ เมื่อเร็วๆ นี้ฉินหร่านโด่งดังมาก เธอเป็นคนเย็นชาและอวดดี ไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่ชอบเธอ แต่เด็กผู้หญิงก็ยังเป็นแฟนคลับของเธอด้วย
“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะแม่ เราเข้าไปในห้องเรียนกันก่อนเถอะค่ะ” ฉินอวี่เลี่ยงคำถามของหนิงฉิง
“อ่าฮะ ฉันเห็นเขา พี่ชายของฉินหร่านหล่อมากเลย!”
“ให้ตายเถอะ พวกเขาอย่างกับเทวดานางฟ้า ฉันล่ะชอบจริงๆ!”
“…” เสียงรอบข้างดังขึ้นทำให้หนิงฉิงรู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าฉินอวี่ ตอบเธอ
ฉินหร่านไม่มีความรู้และทักษะใดจึงไม่สามารถทำสิ่งใดในกลุ่มอันทรงเกียรตินี้ได้ ครอบครัวที่มีเกียรติในอวิ๋นเฉิงมีนักเรียนรุ่นพี่หลายคน หนิงฉิงก็รู้จักรุ่นพี่สองสามคนนั้น
นี่คือสาเหตุที่หนิงฉิงไม่อยากมาร่วมการประชุมผู้ปกครองของฉินหร่าน
ตอนแรกผู้อำนวยการฝ่ายการสอนไม่เต็มใจยอมรับฉินหร่าน หนิงฉิงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาจจะเป็นคนที่มีชื่อเหมือนกันก็ได้ เธอไม่เชื่อว่าฉินหร่านจะโด่งดังในกลุ่มนักเรียนขนาดนี้
**
การประชุมผู้ปกครองไม่มีอะไรมากไปกว่าการเน้นย้ำถึงรุ่นพี่ในโรงเรียน
“แม่ ที่นั่งของผมอยู่นี่ครับ” เฉียวเซิงยืนอยู่บนหน้าต่างและชี้ไปที่ที่นั่งของเขาในห้องเรียนที่มีเด็กผู้หญิงมากมายล้อมรอบอยู่
“นั่นพี่ชายของฉินหร่านนี่นา” เฉียวเซิงชี้ไปที่ที่นั่งของฉินหร่าน แต่กลับไม่พบฉินหร่าน
เขาพยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาเธอ
คุณนายเฉียวยิ้มอย่างใจเย็นแล้วเดินไปยังที่นั่งของเฉียวเซิง ขณะที่เขากำลังมองไปยังที่นั่งของเด็กสาวคนนั้น
เด็กสาวคนนี้ปรากฏตัวบ่อยครั้งที่บ้านของเฉียวเซิงเมื่อเร็วๆ นี้ เฉียวเซิงก็มักจะพูดถึงเธออยู่บ่อยๆ
เธอเห็นชายหนุ่มรูปงามจอมขี้เกียจนั่งอยู่บนเบาะ
ฝีเท้าของคุณนายเฉียวสั่นและผิวของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
มีคนมากมายมองมาที่เขาแต่เฉิงเจวี้ยนยังสามารถแยกแยะสายตาของคุณนายเฉียวได้ เขาเหลือบมองเธอเล็กน้อยและเห็นคุณนายเฉียว
ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก
เฉิงเจวี้ยนถอนสายตากลับ เอนหลังและควงปากกาในมือ ภายใต้แสงที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระดูกของเขาได้รูป ใบหน้าเรียบเนียน ผิวพรรณเปล่งประกาย
ขายาวของเขาวางลงใต้โต๊ะอย่างช้าๆ
หญิงวัยกลางคนที่โต๊ะด้านหน้าดึงเก้าอี้เร็วเกินไปจึงเผลอไปชนโต๊ะ
มีของมากมายบนโต๊ะของหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เธอไม่อาจห้ามใจได้
“เป็นไง!”
เฉิงเจวี้ยนก้มหัวลง บนพื้นมีซองจดหมายมากมายทั้งสีชมพู สีฟ้าอ่อน และสีขาวกับรูปหัวใจสีแดง… มีหลายสิบฉบับ
“เพื่อนที่นั่งข้างๆ ซือหรานนี่ฮอตไม่เบา” นี่คือพ่อของหลินซือหราน
เขาเห็นว่าเฉิงเจวี้ยนยังเด็กอยู่จึงลูบหัวและพูดว่า “คุณเป็นพี่ชายหรือลุงของเพื่อนที่นั่งข้างๆ ซือหราน…”
เฉิงเจวี้ยนหยิบสิ่งของบนพื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้นดูเหมือนไม่พอใจ แต่ก็สุภาพ “ไม่ใช่ครับ”
“แล้ว…”
เฉิงเจวี้ยนตอบอย่างใจเย็นและสุขุม “ผมไม่ใช่ญาติของเธอครับ”
น้ำเสียงของเขาดูเป็นมิตร แต่คุณเจวี้ยนดูมีความแข็งแกร่งในตัว มันปรากฏชัดตั้งแต่แรกเห็เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาจนแม้แต่คนในห้องยังไม่กล้าสบตาเขา
ผู้ปกครองในชั้นเรียนกำลังคุยกันเรื่องคุณเจวี้ยน ส่วนผู้ปกครองที่นั่งข้างๆ เขาดูเงียบมาก
เฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ใช้ความคิดในขณะที่จัดระเบียบจดหมาย
เยี่ยมมาก มีจดหมายสามสิบสองฉบับ ดูเหมือนว่าเธอจะเก็บจดหมายพวกนี้แค่ของเมื่อคืนเท่านั้น
เขายึดจดหมายพวกนั้นไว้หมดแล้ว
คุณเจวี้ยนสุดยอดจริงๆ
เกาหยางไม่ได้วิจารณ์นักเรียน ส่วนมากเป็นการให้กำลังใจเสียมากว่า เขาเขียนคู่มือสังเกตการณ์ ของนักเรียนแต่ละคนเพื่อแจกให้ผู้ปกครองคนละเล่ม
พัฒนาการด้านนี้ของเขาช้า แต่การประชุมผู้ปกครองห้องแรกนั้นเร็วมาก หลี่ไอ้หรงชมเชย สองสามคำและเลือกนักเรียนที่เกรดตกสองสามคนขึ้นมาวิจารณ์ การประชุมผู้ปกครองเสร็จก่อนกำหนด
การเรียนของฉินอวี่ก็ดี แถมเธอยังง่วนอยู่กับงานวันครบรอบของโรงเรียนด้วย หลี่ไอ้หรงยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาชมเชย
หลายปีมานี้ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อสามีหรือลูกๆ หนิงฉิงคุ้นเคยกับมันและหยุดความลังเลลง
“ฉันได้ยินว่าอวี่เออร์กำลังจะไปเรียนที่ปักกิ่งกับอาจารย์ชื่อดัง คุณนายหลินดูมีความสุขนะคะ” น้องสาวคนเล็กที่สนิทสนมพูดยกย่อง
หนิงฉิงหัวเราะ ฉินอวี่เป็นความภาคภูมิใจของเธอมาโดยตลอด แน่นอนว่าเธอมีความสุขที่ได้ยินคนพูดถึงฉินอวี่ เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
เธอเห็นความวุ่นวายที่ทางเดิน
“พวกเขากำลังมองอะไรน่ะ” หนิงฉิงเหลือบดู
น้องสาวตัวน้อยที่อยู่รอบๆ ก็รวมตัวกันและหัวเราะ “ดูสิ นั่นฉินหร่าน ฉันได้ยินมาจากลูกสาวว่าเธอเพิ่งย้ายมาเรียนเทอมนี้ แถมยังมีนามสกุลเดียวกับลูกสาวของคุณด้วย แต่เด็กคนนี้สวยมาก ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้…เอ๊ะ? เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฉียวใช่ไหม”
หนิงฉิงเบือนหน้าหนีจากฝูงชนและมองลงไปชั้นล่าง
ด้านหลังของเด็กสาวดูเย็นชา เธอหรี่ตาลงและดูเฉยเมย
เด็กชายที่อยู่ข้างๆ เธอถือขวดน้ำสองสามขวดให้เธอ
เป็นใบหน้าคุ้นเคยดี หนิงฉิงถอนหายใจอย่างแรง ในหัวเธอขาวโพลน